ที่มา ประชาไท
ผบ.สส.ชี้ เสียเวลามาหลายปีแล้ว อยากให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปด้วยความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่ห่วงเรื่อง "จตุพร" ชี้แจง ด้านแม่ทัพภาค 1 ไม่ห่วงหากเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วแต่จะพิจารณา แต่ที่ผ่านมาได้รับประโยชน์จากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ผบ.สส.เผยเราเสียเวลามาหลายปีแล้ว อยากให้ประเทศเดินหน้า
วันนี้ (13 ธ.ค.) เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงาน โดยอ้างคำพูดของ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ซึ่งกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวโน้มจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ในส่วนของกองทัพคงไม่ต้องมีการปรับลดกำลัง หรือเปลี่ยนแผนการอะไร เราทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งหากประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังมีหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ หรือกฎหมายปกติดูแลอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปแล้วก็ไม่ได้ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำงานยากขึ้น เพราะตามปกติก็ดูแลกันได้
“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศใช้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นการนำกฎหมายหลายๆ กระทรวง อำนาจแต่ละกระทรวงมารวมกันอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งให้มีผู้ดูแลในนาม ศอฉ.โดยนำเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมารวมกันตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เมื่อสถานการณ์กลับไปอยู่ในทิศทางที่ดี หรือไม่มีเหตุฉุกเฉินแล้ว หากมีการยกเลิก พ.ร.ก.อำนาจต่างๆ เหล่านั้นก็กลับเข้ามาสู่กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เหมือนเดิม และถ้าจะมีการร้องขอกำลังนอกเหนืออำนาจของแต่ละกระทรวง ก็จะมีการประสานงาน โดยมอบงานเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยังมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งมีภารกิจที่ดูแลเรื่องความมั่นคงภายใน ก็จะเป็นหน่วยงานหลักที่จะประสานการดำเนินการในโอกาสต่อไป”
เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 19 ธ.ค.คนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมทางการเมือง กองทัพมีความเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วง เพราะถ้าการชุมนุมเป็นลักษณะเพื่อการแสดงออก และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าทุกคนเข้าใจว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อไปและเคารพสิทธิของผู้อื่นก็ สามารถชุมนุมได้ ไม่มีปัญหา
“การแสดงออกมีทั้งการ แสดงออกในสภา ในระบบของรัฐสภา และนอกสภา ซึ่งนอกสภานั้นก็ขอให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ไม่ไปรบกวนสิทธิ์ของผู้อื่น ส่วนกรณีที่อาจจะมีกลุ่มที่ต้องการป่วนหรือสร้างสถานการณ์นั้นก็คงต้องเตรี ยมการในเรื่องกำลังเพื่อป้องกันเหตุ ประชาชนทุกคนก็ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ผมคิดว่าทุกคนในชาติอยากจะให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป อยากจะอยู่อย่างมีความสุข อยากจะมีปีใหม่ที่แจ่มใส ไม่ใช่ปีใหม่ที่สลัวๆ ถ้าเราอยากจะให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปเราก็ต้องทำ คิด ในสิ่งที่ดี ส่วนการเฝ้าระวังป้องกันเหตุ ทั้งตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าว ถามว่า หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภารกิจหนักจะอยู่ที่ กอ.รมน.หรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่มีใครมีภารกิจหนัก ภารกิจของคนไทยต้องเดินไปด้วยกันทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ทิศทางที่ดีของประเทศชาติ จะปีใหม่แล้วพยายามมองประเทศชาติให้สดใสหน่อย
“ไม่ ได้อยากฝากอะไรถึงใคร แต่อยากบอกแค่ว่าเราเสียเวลามาหลายปีแล้ว ตนอยากให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปด้วยความสามัคคีและอยากให้ทุกคนร่วมเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราช้ามาหลายปีแล้วที่จะก้าวหน้า ไม่ใช่หยุดแต่ไม่ก้าวหน้า แล้วเราทำไมจะต้องหยุด เราควรจะก้าวหน้าต่อไปเพื่ออนาคตของเรา อนาคตของลูกหลาน และอนาคตของประเทศไทย” พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว
ส่วน ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาอ้างว่า ทหารมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรจะชี้แจง เพราะสังคมไทยอยู่ในการกล่าวหาและพูดจาในลักษณะนี้มานานแล้ว ตนก็มีหน้าที่ทำงานของตนอยู่ในกรอบของกฎหมายตามข้อบังคับต่างๆ ถ้าหากเราทำในสิ่งที่ดีแล้ว ประชาชนก็คงจะเข้าใจว่าเราทำอย่างไร ซึ่งตนคงไม่หวั่นไหว
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำ หลักฐานไปเรียกร้องที่หน้าสถานทูต ญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยอ้างว่า ทหารเป็นคนทำให้นักข่าวชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า มีกระบวนการตรวจสอบ มีกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเลย ส่วนจะมีการชี้แจงหรือไม่นั้น ตอนนี้สถานทูตก็ยังไม่ได้เชิญให้กองทัพไปชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนคิดว่า สถานทูตเข้าใจ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความ ร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ของสหรัฐอเมริกานั้น ผบ.สส.กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น เป็นเหมือนการพยากรณ์ว่าเรื่องนี้ เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น มันยังไม่ได้เกิด จะห่วงอะไรไปถึงไหน ทั้งนี้ ข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาก็พูดกันมาตลอด แล้วแต่จะมองในแต่ละแง่ แต่ตนใช้ข้อเท็จจริงมาใช้ในอนาคต
แม่ทัพภาคหนึ่งชี้ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ และสถานการณ์ช่วงปีใหม่ หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ไม่มีปัญหาอะไร สุดแล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา หากมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะสะดวกในการปฏิบัติงาน ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลประกาศ เราได้ใช้ให้อยู่ในความเหมาะสมไม่กระทบกระเทือนประชาชนทั่วไป แต่กลับให้ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินและความเรียบร้อย และส่งผลดีด้วยซ้ำไป แต่คงเป็นเรื่องความเหมาะสมที่รัฐบาลจะพิจารณาต่อไป ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 ได้นำข้อมูลเรียนศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ไปแล้ว ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ภายหลังการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ ผ่านมานั้น คิดว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร ทางกลุ่มผู้ชุมนุมคงได้รับการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีความเข้าใจแล้ว ซึ่งคิดว่า จะสามารถผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วน ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จะนำเรื่องที่ทหารมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของประชาชนไปร้องต่อคณะ กรรมาธิการของสหรัฐอเมริกานั้น พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงพูดชัดเจนแล้ว เราพยายามอธิบายว่า ในการปฏิบัติทุกอย่าง ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เรามีแต่จะปกป้องชีวิต ทรัพย์สินประชาชน ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่า ประชาชนจะมีความเข้าใจ แต่บางส่วนที่อาจไม่เข้าใจ ต้องพยายามอธิบายให้เข้าใจ แต่สุดท้ายหวังว่า สิ่งที่ดีจะปรากฏขึ้น และทุกส่วนจะเข้าใจ ขอให้มั่นใจว่า ทางผู้บัญชาการทหารบก เป็นห่วงประชาชน ไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน การปฏิบัติอยู่ในความรอบคอบ และอยู่ในกรอบที่เหมาะสม
ส่วนถึงความเหมาะสม กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงไปยื่นข้อมูลพร้อมนำนกกระดาษ สีแดงไป ที่สถานทูตญี่ปุ่น เพื่อแสดงว่า ทหารมีส่วนทำให้นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะไปสื่ออย่างนั้น เพราะที่ผ่านมาได้ถูกพิสูจน์แล้ว และกำลังจะได้รับการพิสูจน์ต่อไป ตนยังยืนยันว่า ไม่มีสิ่งที่เกิดขึ้นจากทางทหาร เรารักประชาชน และเราคือประชาชน เราจะทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อประชาชนทำไม ผู้สื่อข่าวทั้งหมดร่วมกันติดตามข่าวสารเพื่อให้ความจริงปรากฏ ซึ่งทหารต้องดูแลทุกส่วนทั้งประชาชนและผู้สื่อข่าว ดังนั้น สิ่งที่ออกมาไม่เป็นความจริง ไม่ถูกต้อง ต่อไปคงจะได้รับการพิสูจน์