ที่มา มติชน
"หนุ่มเมืองจันท์"
หลัง จากที่วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2553 จัดอันดับเศรษฐีไทย วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2553 ปรากฎว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้คือ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียบเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือพีเอส หลังครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ติดต่อกันมา 4 ปี ******** เคยไปคุยกับ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" มาครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ยิ่งสร้างเสร็จเร็วเท่าไร ก็ได้รับเงินสดเร็วเท่านั้น ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา"ราคา" เป็น"จุดแข็ง"ที่สุดของ"บ้านพฤกษา" "มีคนบอกว่าถ้าซื้อบ้านพฤกษาไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปดูโครงการอื่น" ครับ ฟังเรื่องของ"ทองมา"แล้วผมนึกถึงเรื่องของ"เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี" ในวัยเด็ก มุมหนึ่งเขาก็ภูมิใจในตัวพ่อ แสดงว่าตอนนี้"ทองมา"คำนวณต้นทุนเก่งขึ้นแล้ว
พ.ศ.นั้นเอ่ยชื่อ "ทองมา" คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก
แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร "บ้านพฤกษา" และ "บ้านภัสสร" ก็คงจะเริ่มคุ้นมากขึ้น
ปีนั้น "ทองมา" เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ของเมืองไทยครับ
รองจาก "อนันต์ อัศวโภคิน" แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ปลายปี 2550"ทองมา"ถือหุ้น"พฤกษา เรียลเอสเตท"คิดเป็นเงินประมาณ 11,000 ล้านบาท
วันที่ผมได้คุยกับ"ทองมา"ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงมาเยอะ
"ทองมา"ก็เลยจนลง
เหลือแค่ 10,200 ล้านบาท
...แค่นั้นเอง
แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ
"ทองมา"กลายเป็นมหาเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 1 ของเมืองไทย
เขาถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.5 ล้านบาท
เพิ่มจาก 3 ปีก่อนประมาณ 3 เท่าตัว
"ทองมา"เป็นนักธุรกิจที่คุยเรื่องธุรกิจไม่ค่อยเก่ง
พูดน้อย อธิบายชัด แต่เป็นประโยคสั้นๆ
แต่ถ้าเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่อง"ธรรมะ"เมื่อไร เหมือนเข้าเกียร์อัตโนมัติเลยครับ
เหยียบคันเร่งแล้วเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ
ก่อนไปคุยกับ"ทองมา" ตามประสานักข่าวที่ดี ผมนั่งอ่านประวัติและบทสัมภาษณ์ของเขา
โหย...น่าสนใจกว่าที่คิดเสียอีก
"ทองมา"เป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่งครับ
ครอบครัวของเขาทำสวนผัก ขายกระเพาะปลาอยู่ที่เมืองชล
พ่อแม่มีกำลังส่งเขาเรียนได้แค่ชั้น ป.4
"ทองมา"ต้องเข้ามากรุงเทพ ทำงานเป็นช่างทองอยู่ประตูน้ำ
ทำงานไปเรียนไปจนสอบเทียบม.ศ.5 ได้
"ทองมา"สอบเอ็นทรานซ์ติด
และไม่ใช่ติดธรรมดาๆ แต่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นี่ขนาดทำงานไป-เรียนไปนะครับ
ไม่ธรรมดา อ๊ะ ไม่ธรรมดา
...............
"ทองมา"ประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านราคาถูก
เป็นความสำเร็จที่แตกต่างจาก"อนันต์ อัศวโภคิน"อย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่ "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์"ครองตลาดบ้านราคาสูง
"บ้านพฤกษา"เป็น"ขวัญใจคนจน"ครองตลาดบ้านระดับล่าง
เหตุผลที่"ทองมา"บุกตลาดนี้ เพราะเขาเห็นช่องว่างทางการตลาด
"ทองมา"เคยบอกว่าเมื่อเห็นราคาบ้านที่ขายกันอยู่ ในฐานะวิศวกรที่ทำงานในบริษัทก่อสร้างมาหลายปี
เขารู้ดีว่ามันสามารถสร้างได้ในราคาต่ำกว่านั้นได้
โครงการแรกของ"บ้านพฤกษา"จึงเป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว
...ขายในราคา 350,000 บาท
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับ"ซีพี" ที่ขายของที่มีกำไรต่อหน่วยต่ำ
แต่เน้นปริมาณเยอะๆ
"บ้านพฤกษา"ของ”ทองมา”ก็เช่นกัน
อาวุธของ"ทองมา"คือ เทคโนโลยี่การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปที่เขาซื้อลิขสิทธิ์จากฝรั่งเศส
นอกจากทำให้ต้นทุนต่ำลงแล้ว
"เวลา"การก่อสร้างก็ลดลงด้วย จากปกติเคยสร้างกัน 6 เดือน เขาสามารถลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 4 เดือน
ในทางธุรกิจ"เวลา"นั้นมี"ราคา"
เงินก้อนเดียวกัน ถ้าสร้างเสร็จเร็วก็สามารถหมุนได้หลายรอบ
ที่สำคัญ "ความเร็ว" ของการก่อสร้างบ้านพฤกษาเร็วกว่า "เครดิต"ที่ได้รับจากการซื้อวัสดุก่อสร้างอีก
สมมุติว่าได้เครดิต 5 เดือน คือ ซื้อของวันนี้ อีก 5 เดือนจ่ายตังค์
แต่"บ้านพฤกษา"สร้างเสร็จภายใน 4 เดือน
รับเงินตั้งแต่เดือนที่ 4 แต่จ่ายเดือนที่ 5
เงินนิ่งๆหลายพันล้านหรืออาจถึงหมื่นล้าน
เวลา 1 เดือนที่ยังไม่ต้องควักออกจากกระเป๋า คิดดูสิครับว่าจะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มอีกเท่าไร
นี่คือ อีกกลยุทธ์หนึ่งของ"ทองมา"
"ทองมาเล่าว่าตอนนี้เขาทำงานบริหารจนแทบไม่มีเวลาไปดูโครงการที่เปิดใหม่เลย
แล้ววันหนึ่งเขานั่งรถผ่านหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง
"ผม ก็ชมในใจว่าทำเลดีจัง พอเข้าไปใกล้อีกนิดก็รู้สึกว่าโครงการนี้สวยมาก แต่รูปแบบคุ้นจัง จนถึงตัวโครงการจึงรู้ว่า อ๋อ บ้านพฤกษา โครงการของผมเอง"
มีคนเล่าว่าวันหนึ่งคุณหญิงวรรณานั่งรถผ่านที่ดินแปลงหนึ่ง ทำเลดีมาก
คุณหญิงวรรณาสนใจที่ดินแปลงนี้ก็เลยโทรศัพท์ไปถามลูกน้องที่เชี่ยวชาญเรื่องที่ดินว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของใคร
ลูกน้องฟังแล้วหัวเราะ
รู้ไหมครับว่าที่ดินของใคร
ชื่อเจ้าของ คือ "คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี"ครับ
.................
สมัยเด็ก"ทองมา"ช่วยพ่อขายกระเพาะปลาที่เมืองชล
กระเพาะปลาของพ่อ จะต้องซื้อมาจากเยาวราช
ไม่มีการใช้หนังหมูทอดมาหั่นผสมเพื่อลดต้นทุน
ไก่ที่ต้มก็ใช้"ไก่บ้านตัวเมีย"
"ทองมา"เคยถามพ่อว่าทำไมไม่ใช่"ไก่เลี้ยง"หรือ"ไก่บ้านตัวผู้"ที่ราคาถูกกว่า
และทำไมต้องขายชามละ 50 สตางค์ ไม่ขายราคา 1 บาทเหมือนที่"อา"ของเขาขาย
คำตอบของพ่อก็คือ"แค่นี้เราก็มีกำไรแล้ว"
อีกมุมหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพ่อไม่ฉลาด
ถ้าทำกำไรได้มากขึ้น เขาก็จะสบายมากกว่านี้
"ทองมา"ไม่รู้เลยว่า”กรอบความคิด”ของพ่อแอบมาอาศัยอยู่ในสายเลือดของเขาตั้งแต่เมื่อไร
จนวันหนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจทำทาวน์เฮ้าส์ขายในราคา 350,000 บาท
มีลูกค้ารายหนึ่งเดินมาหาเขาที่สำนักงานขายแล้วพูดด้วยเสียงชื่นชมว่ามันต้องมีผู้ประกอบการแบบนี้บ้าง
เป็น"คำชม"ที่มีค่ากับ"ทองมา"มาก
คนรายได้น้อยจำนวนมากที่อยากมีบ้านของตัวเอง แต่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายไหนที่ใจถึงขนาดนี้
วันหนึ่งหลังจากธุรกิจเติบโต ทาวน์เฮ้าส์ของค่ายอื่นขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ แต่"บ้านพฤกษาไก็ยังยืนราคาเดิม คือ ประมาณ 600,000 บาท
ลูกน้องถาม"ทองมา"ว่าทำไมเราไม่ขึ้นราคา เพราะถึงจะขยับราคาขึ้นก็ยังต่ำกว่าคู่แข่ง
คำตอบของ”ทองมา”เป็นคำตอบที่เขาคุ้นๆเมื่อวัยเด็ก
"แค่นี้ เราก็มีกำไรไม่ใช่หรือ"
อ้อ ผมลืมเล่าไปนิดหนึ่งว่าตอนที่คนซื้อบ้านโครงการแรกเดินมาชม"ทองมา"ที่กล้าขายทาวน์เฮ้าส์ราคา 350,000 บาท
"ทองมา"บอกว่าเขาตั้งใจขายราคาต่ำจริง
แต่ที่กำหนดราคา 350,000 บาท
...เขาคำนวณต้นทุนผิดครับ
ปิดโครงการ "ทองมา"จึงได้กำไร"ชื่อเสียง"
แต่ในทางบัญชี ...เท่าทุนครับ
....................
ปีนี้"พฤกษา เรียลเอสเตต"เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำยอดขายสูงที่สุดในเมืองไทย
3 ไตรมาส 16,403 ล้านบาท กำไร 2,429 ล้านบาท