ที่มา มติชน
ชั่วโมงนี้ โพลจริง โพลลวง ชี้นำกระแสไปแล้วว่าพรรคเพื่อไทย มาแรง ชนะพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์
สุดสัปดาห์นี้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ดังนี้
ใน ความขัดแย้งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คนในครอบครัวชินวัตรย่อมรู้ดีว่า เรื่องนี้ไม่ได้จบเพียงแค่การจะมี dialogue ของประชาชน 2 ฝ่าย หรือพรรคการเมือง 2 ขั้ว แต่ต้องเจรจากับอำนาจชนชั้นนำ ซึ่งไม่รู้ว่าจะยอมเจรจาด้วยไหม
"ดิฉันก็ต้องพยายาม อย่างที่เรียนว่าเราเป็นผู้หญิง เราเป็นคนใหม่ เราสามารถที่จะเปิดเข้าไปหาก่อนได้ เราก็ไม่มีทิฐิ ดิฉันเคยพูดว่ามีเจตนารมณ์ ที่อยากทำงานในลักษณะว่าวันนี้ถ้าเราเอาโจทย์ใหญ่ของประเทศเป็นที่ตั้ง ผ่านไป 4-5 ปี ประเทศชาติไม่ได้เดินไปไหน สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำอย่างไรให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน คือมองก้าวข้ามความขัดแย้งที่ผ่านมา และตั้งต้นว่าเราจะให้ประเทศเดินไปที่ไหน และเราก็ช่วยกันพัฒนาให้เดินไปสู่จุดนั้นให้ได้ อันนี้ก็ต้องช่วยกัน เรียนว่าดิฉันจะทำหน้าที่นี้ในการที่จะเข้าไปหาและพูดคุย พร้อมน้อมรับกับคำแนะนำ"
แต่พอส่งสัญญาณออกไปว่าพร้อมเจรจา พล.อ.ประยุทธ์ก็ปฏิเสธ
"ก็เชื่อว่าช่วงนี้เป็นช่วงเลือกตั้งด้วย ท่านก็คงอยากจะวางตัวเป็นกลาง ก็เข้าใจในบทบาทของท่าน แต่ดิฉันเองเราก็แสดงเจตนารมณ์ ก็เชื่อว่าวันหนึ่งหลังจากจบการเลือกตั้งแล้วก็คงได้พบกับท่านอยู่แล้ว"
หลังเลือกตั้งหากได้เป็นนายกฯ จะเข้าพบ พล.อ.เปรมไหม
"มี ความคิดค่ะ ถ้าท่านกรุณา ขอใช้คำว่าไปขอคำปรึกษาดีกว่า เพราะเราเป็นผู้น้อย ก็อย่างที่เรียนว่าเราต้องเข้าไปดูว่าในบ้านเมืองของเรานั้นมีผู้ใหญ่ท่าน ไหนบ้างที่เราจะต้องขอรับคำปรึกษา"
ลิสต์รายชื่อแล้วหรือยังว่าต้องเดินสายเจรจากับใครบ้าง
"ยัง ไม่อยากบอกรายชื่อ เพราะเราต้องเข้าไปทำงานด้วยกันหลายๆ ส่วน อาจจะมีคนแนะนำ ผู้ที่มีความรู้มาให้คำแนะนำก่อน ถ้าพูดไปกับ public แล้วจะทำให้เข้าไปพูดลำบาก"
คนไทยกลุ่มหนึ่งกลัวว่าหากเปลี่ยนดุลอำนาจ-พรรคเพื่อไทยเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหญ่ของประเทศและแก้แค้น
"ดิฉันประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่าไม่คิดแก้แค้น แต่คิดแก้ไข ถ้าเราก้าวข้ามซะ ไม่แก้แค้น เราทำหน้าที่ของเราในวันข้างหน้าให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เราจะให้โอกาสในการทำงานกับทุกท่าน"
ปัญหา ของผู้นำที่ไม่เจนการ เมือง คือยังขาดบารมีที่คนจะยอมรับ เพราะนักการเมืองเก่าๆ ล้วนแต่เขี้ยวลากดิน แม้แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังเจอเนวินเขย่าอยู่เรื่อย
"ในแง่ของการทำงานก็เชื่อว่าอย่าไปตั้งโจทย์ว่าเราต้องมีบารมี แต่เราต้องตั้งโจทย์ว่าวันนี้ถ้าเป็นรัฐบาลทุกคนทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร ดังนั้นตั้งเป้าหมายร่วมกันก่อนว่าจะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน และทุกคนต้องเดินไปจุดมุ่งหมายตรงนั้น ถ้าไม่ใช้จุดมุ่งหมายของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มองว่าจะต้องมีบารมี วันนี้เราเชื่อว่าทุกท่านมีเจตนาเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็เชื่อมั่นว่าจะคุยกันได้ ดิฉันเองก็ผ่านงานบริหารมาเยอะ ก็คิดว่าในความเป็นนักบริหารนั้นเชื่อว่าจะคุยกับทุกพรรคการเมืองได้".
สคริปต์ ดีไม่มีหลุด สำหรับคนที่ไม่เคยผ่านงานการเมืองมาก่อน เมื่อต้องเจอกับกลยุทธ์เตะตัดขาสารพัด ต้องถือว่ายิ่งลักษณ์รับมือได้ดี และหลายคนก็ให้ผ่านเมื่อได้ฟังเธอตอบคำถามนักข่าวหรือปราศรัย แต่ถ้าฟังให้ดีทุกอย่างล้วนผ่านการกลั่นกรองมาแล้วเกือบทุก wording จากทีมปั้นมืออาชีพ ซึ่งมี จาตุรนต์ (ฉายแสง) คุมทีม ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผลของการปฏิเสธการดีเบต
"ดิฉัน เองก็ทำงานด้วยตัวเองด้วยนะคะ ไม่อยากให้มองแบบนั้น ในพรรคเพื่อไทยมีทีมงานเยอะและมีผู้ที่มีประสบการณ์ด้วย และในวันนั้นเองถ้าเราได้เป็นรัฐบาล เราก็สามารถเชิญที่ปรึกษาที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะเรื่องมาให้คำปรึกษาได้ อีก สมมติเราเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวิศวกร แต่เรารู้ว่าเราจะหาวิศวกรที่ดีที่สุดในการสร้างบ้านให้ออกมาได้อย่างไร เราหา interior ทำบ้านให้สวยงามได้อย่างไร เราใช้การบริหารงานและการบริหารคนให้ดี"
แม้ ว่ายิ่งลักษณ์จะเป็น ปาร์ตี้ลิสเบอร์ 1 และลงหาเสียงดึงเรตติงอยู่ทุกวัน แต่ในพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงก็ยังรอฟังเสียงทักษิณที่อยู่นอกประเทศ
"ท่านทักษิณเองท่านเคยทำงานให้กับประเทศเยอะ ต้องเรียนว่าจากไป 4-5 ปีทุกคนก็ยังคิดถึง ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะพูดถึงท่าน แต่วันนี้เองด้วยกลไกของพรรค และดิฉันเองก็มีทีมงานให้คำปรึกษา มีความเป็นตัวของตัวเอง เราตัดสินใจเองค่ะ"
ภาพนี้คงสลัดออกไปไม่ได้ง่ายๆ
"เพราะ ดิฉันเป็นน้อง อย่างไรก็ยังคงเป็นน้อง ทำไมเราต้องปิดกั้นสิ่งที่ดีๆ เราน่าจะนำสิ่งที่ดีๆ ประสบการณ์ที่ท่านเคยประสบมา อะไรบ้างที่ท่านทำแล้วสร้างความสำเร็จให้กับประเทศ ก็คงต้องเอาตรงนั้นมาใช้ แต่ในขณะเดียวกันการทำงานนั้น เราก็ต้องฟังข้อมูลจากภาคพื้นสนามก่อนว่าปัญหาอยู่ที่ไหน และเราในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กรผู้นำพรรค เราก็ต้องตัดสินใจเอง"
วางเส้นแบ่งไหมว่า ทักษิณจะเข้ามามีอิทธิพลได้ระดับไหน
"จริงๆ แล้วท่านไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย ท่านเพียงแต่ว่าเคยมีประสบการณ์บริหารเท่านั้นเอง ฉะนั้นพรรคเราเองเรามีกลไก เราทำงานของเราเอง และเราก็ตัดสินใจเอง"
แต่ยิ่งทักษิณบอกว่า "same way of thinking, same DNA" ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเห็นว่าโคลนนิงกันชัดเจน
"อย่างที่ท่านเคยบอกว่าดิฉันเป็นโคลนนิง เพราะเราเป็นพี่น้องกัน เราคิดเหมือนกัน ดิฉันเองก็ทำงานในบริษัทมาตั้งแต่ตำแหน่งเล็กสุด ไปจนถึงตำแหน่งสูงสุดในองค์กร ก็เรียนรู้วิธีการและวิสัยทัศน์ของท่านในการทำงานธุรกิจ ประกอบกับที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยได้ติดตามการทำงานของท่านใกล้ชิดก็จะเรียนรู้ตรงนี้ได้มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าคำว่าโคลนนิงนั้น เราจะตัดสินใจเองไม่ได้ เพราะดิฉันเองก็ผ่านการทำงานด้านบริหารมา 20 กว่าปี บริหารองค์กรไซส์ขนาดใหญ่ที่มีพนักงานเกือบหมื่นชีวิต เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้าที่ผ่านมาบริหารโดยไม่ได้เป็นตัวของตัวเองนั้น ผู้ถือหุ้นคงไม่สามารถให้ดิฉันอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ก็ต้องขอโอกาสขอความกรุณาในการเปิดใจรับกับคนที่มาใหม่ ซึ่งมีความตั้งใจและความทุ่มเทอยากจะทำงานรับใช้ประเทศอย่างแท้จริง"
ถึง อย่างไร เมื่อดูแบ็กกราวด์ยิ่งลักษณ์แล้ว เธอเองก็คงไม่เคยคิดฝันที่เข้ามาสู่เส้นทางการเมือง ครั้งนี้เรียกว่าเป็น accident ก็คงไม่ผิดนัก และหากภารกิจบรรลุผล เดาว่าเธอคงถอยกลับไปอยู่ในจุดที่เคยยืน
"อย่า เพิ่งบอกอนาคตดิฉันอย่างนั้นสิคะ เหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามาก็อย่างที่เคยเรียนว่า เราเองเราก็ผ่านมาพบกับพี่น้องประชาชน 4-5 ปี ทุกคนก็เฝ้าคิดถึงและก็ฝากความหวังว่า เมื่อไหร่ทางครอบครัวจะเข้ามาทำงานทางการเมือง เพื่อที่จะทำให้พี่น้องมีความกินดีอยู่ดี ประกอบกับก็เคยไปให้กำลังใจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกคนก็สนับสนุนก็เลยคิดว่า เอ๊ะ-เราเองวันนี้เราทำงานอยู่บริษัท เรามีความพร้อมระดับหนึ่ง ทำไมเราไม่เสียสละตัวเองเข้ามาทำงานให้ประเทศชาติ และอีกอย่างเราคิดว่าตัวดิฉันเองเป็นหนี้ประชาชน เพราะทุกคนให้ความรักและเอ็นดูเสมอมา ก็เลยเป็นเหตุของการตัดสินใจเข้ามาทำงาน"
เตรียมใจรับไหมว่าการเมืองน่ากลัว
"การเมืองเป็นสิ่งที่ท้าทาย ถามว่าน่ากลัวหรือเปล่า คิดว่าไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเชื่อว่าตราบใดที่เราเป็นคนไทยด้วยกัน เราก็ต้องมีความรักความเมตตาซึ่งกันและกัน และเราเองเราก็ต้องทำหน้าที่ในการแสดงความจริงใจให้กับพี่น้องประชาชน การก้าวมาสู่การทำงานการเมืองนี้ เราก็ต้องยอมรับในเรื่องของการถูกตรวจสอบ ยอมรับในแง่ของความกดดันทางการเมือง และเชื่อว่าดิฉันเองมีความอดทนที่จะรับกับแรงเสียดทานนั้นได้"
แรง เสียดทานที่นักการเมืองหญิง ต้องเจอคือเรื่องส่วนตัว ยิ่งลักษณ์ก็เจอมาแล้วตั้งแต่ประเด็นไม่จดทะเบียนสมรส จนมาถึงภาพคู่กับอริสมันต์
"เราพร้อมรับการตรวจสอบ แต่ขอให้อยู่บนกติกาและมารยาทที่เป็นธรรม ต้องขอจากทุกส่วนว่าการทำงานการเมือง อยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ เราเสียเวลากับการเล่นการเมือง แต่จริงๆ แล้วเราต้องทำงานการเมืองเพื่อบริหารประเทศ เพื่อที่จะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุขมากกว่า