WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, June 19, 2011

ใกล้โค้งท้าย คิวแทรกอื้อ!

ที่มา ข่าวสด



เหตุการณ์มือปืนตามมาบุกยิงนายก อบจ. ลพบุรี หัวคะแนนพรรคภูมิใจไทย เสียชีวิตกลางกรุง

คือ สัญญาณบ่งชี้ชัดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันประเทศครั้งใหญ่ที่ แต่ละพรรคการเมืองพร้อมต่อสู้เอาชนะกันทุกรูปแบบโดยไม่เลือกวิธีใช้

ตั้งแต่การตั้งเวทีปราศรัยหาเสียง เดินยกมือไหว้ขอคะแนนชาวบ้านแบบตรงไปตรงมา

ไป จนถึงการส่งมือปืนไปเช็กบิลหัวคะแนนฝ่ายคู่แข่ง ถึงจะโบร่ำโบราณและเสี่ยงต่อกฎหมาย แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผล ทำให้บรรดาหัวคะแนนหวาดกลัวไม่กล้าออกเดินหาเสียง ทำให้พรรคพ่ายแพ้ไปในที่สุด

ในขณะที่การเลือกตั้งยิ่งเดินหน้าเข้าใกล้วันที่ 3 ก.ค.มากเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งดุเดือดเลือดพล่านมากขึ้นเท่านั้น

แล้วก็ยังเป็นพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ "นายหญิงคนใหม่"น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังเป็นฝ่ายครองกระแสเหนียวแน่น

ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นฝ่ายเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ทั้ง ที่มีฐานะเป็นรัฐบาลรักษาการหลังอยู่ในอำนาจเต็มมา 2 ปีครึ่ง แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถนำเอาข้อได้เปรียบตรงนี้มาใช้ประโยชน์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ความรุนแรงเดือนเม.ย.-พ .ค.2553 ที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ และบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน ได้กลายเป็น "ตราบาป" ของรัฐบาลอภิสิทธิ์

ซึ่งมาผลิดอกออกผลในช่วงหาเสียงเลือก ตั้ง เมื่อมีคนจำนวนหนึ่งออกมายืนชูป้ายทวง ถามคดี 91 ศพ ไม่ว่านายอภิสิทธิ์จะไปหาเสียงในพื้นที่ไหนๆ ก็ยากจะหลบหลีกพ้น

การชี้แจงผ่านสื่อเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว 2 ตอนติดต่อกัน ด้วยการพยายามโยนทุกสิ่งทุกอย่างไปให้ "ทักษิณ" และ "คนชุดดำ"

นอกจากไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังก่อให้เกิดผลลบต่อพรรคและตัวนายอภิสิทธิ์มากขึ้นด้วย

เพราะยิ่งมีการมองว่าบิดเบือนมากเท่าไหร่ ยิ่งมีคนพร้อมออกมาเปิดเผยเรื่องราวความจริงเพื่อหักล้างมากขึ้นเท่านั้น

ถึง ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่างแสดงอารมณ์ร่วม ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเข็มทิศนำทางประเทศชาติออกจากวังวนความ ขัดแย้งที่เป็นมาหลายปี

แต่ล่าสุดกลับมีสัญญาณแทรกซ้อน บ่งชี้ถึง "ความไม่ปกติ" ของการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่อาจนำพาประเทศกลับไปสู่วงจรความปั่นป่วนวุ่นวายอีกระลอก

โดย ทุกอย่างเกิดขึ้นสอดรับกับกระแส "ยิ่งลักษณ์" ที่พุ่งแรงนับตั้งแต่ออกจากจุดสตาร์ต ผ่านโค้งแรกจนกระทั่งมาถึงช่วงก่อนเข้าโค้งสุดท้าย สวนทางกับกระแส "อภิสิทธิ์" ที่ตกรูดจนมาอยู่ในโซนอันตราย

กระทั่งเกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์กันว่า ถ้าหากไม่มีขบวนการ "มือ-เท้าที่มองไม่เห็น" ออกมาเตะตัดขาฝ่ายตรงข้ามให้ล้มคว่ำในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่เส้นชัย

ก็ยากที่นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์จะทำคะแนนไล่กวดได้ทัน

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าโครงสร้างอำนาจรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นโครงสร้างที่มีความสลับซับซ้อน

ดัง นั้น ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ได้หมายความถึงความพ่ายแพ้ของนาย อภิสิทธิ์คนเดียวโดดๆ ที่จะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค

แต่ ยังหมายถึงบรรดา "มือ" ต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง "กองกำลังทราบฝ่าย" ที่เคยหนุนหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องพ่ายแพ้ไปด้วย

กลุ่มอำนาจเหล่านั้นจะยอมรับได้หรือไม่หากพรรคเพื่อไทยชนะแล้วได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกเช็กบิลขนานใหญ่ ต่อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะท่องคาถาปรองดอง "ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข" ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม

จึงไม่น่าแปลกใจหากขบวนการ "หักก้ามปู" จะโผล่พรึบขึ้นมาในช่วงนี้

ทั้ง แบบเปิดเผยอย่างกรณี "แก้วสรร-หมอตุลย์" และแบบที่ไม่เปิดเผยอย่างกรณีรูปถ่าย "อริสมันต์-ยิ่งลักษณ์" ที่มีการนำมาเผยแพร่ทางสื่ออินเตอร์เน็ต เป็นต้น

นอกจากขบวนการแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยแล้ว

ยังมีในรูปแบบคลุมเครือที่ต้องตีความกันยกใหญ่ เช่น ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ล่าสุดได้ประกาศผ่านโฆษกกอ.รมน.ว่า

ของดให้สัมภาษณ์ 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพราะไม่ต้องการให้มีคนนำเอาคำพูดตนเองไปขยายใช้ประโยชน์ในทางการเมือง

อย่าง ไรก็ตามการประกาศรูดซิปปากของพล.อ.ประยุทธ์ เกิดขึ้นภายหลังการออกมาเปิดใจทางรายการโทรทัศน์ ถึงจุดยืนของกองทัพในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง

ถึงจะเป็นการเปิดใจแบบเป็นกลางๆ สนับสนุนให้ประชาชนเลือกคนดีมีคุณธรรม เพื่อให้บ้านเมืองและสถาบันอยู่รอดปลอดภัย

แต่เป็นเพราะภาพลักษณ์เดิมๆ ของ กองทัพ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.49 มาจนเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.53

จึง ทำให้มีการนำคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์บางช่วงบางตอนมาขยายผลว่าเป็นการส่งซิก ต่อต้านพรรคเพื่อไทย รวมทั้งกรณีการกำหนดยุทธการ 315 ปราบปรามยาเสพติด ก็ถูกตีความเป็นการจงใจสกัดกั้นผู้สมัครพรรคเพื่อไทย

ทั้ง 2 กรณีได้รับการปฏิเสธจากกองทัพ

แต่ บังเอิญมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ พร้อมหลักฐานเอกสารตีตราลับ ด่วนมาก ลงวันที่ 3 มิ.ย.54 ทหารสัสดีจังหวัดสมุทร สาคร ทำถึงผอ.กต.สมุทรสาคร ขอรายชื่อหัวคะแนนผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต

เลยทำให้สังคมยังกังขากับจุดยืนกองทัพ ว่าได้วางตัวเป็นกลางอย่างที่ผบ.ทบ.กล่าวไว้จริงหรือไม่

แต่ที่ถูกจับตาเป็นประเด็นมากที่สุดในตอนนี้

คือกรณีจู่ๆ 5 เสือ กกต. ก็บินเงียบไปดูงานต่างประเทศพร้อมกันถึง 4 คน

ตั้งแต่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายประพันธ์ นัยโกวิท นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น นางสดศรี สัตยธรรม เหลือเพียงนาย สมชัย จึงประเสริฐ นั่งเฝ้าสำนักงานคนเดียว

จนหลายคนเป็นห่วงว่าอาจเป็นเงื่อนไขใหญ่ทำให้การเลือกตั้งสะดุด

เพราะเมื่อลองมาแล้วหลายวิธีก็ยังสกัดกั้นกระแสความแรงของฝ่ายตรงข้ามไม่อยู่ ขณะที่ระฆังบอกเวลาหมดยกใกล้ดังเข้ามาทุกที

เหลือวิธีเดียวคือ "ล้มเวที" มันเสียเลย..อย่างนั้นรึเปล่า!??