ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
สัมภาษณ์พิเศษ
5 เสือกรรมการการเลือกตั้งถูกเป่านกหวีด-วิจารณ์ตั้งแต่วันประกาศเลือกตั้ง
ทุกจังหวะก้าว-จังหวะคิดของ 5 เสือ ถูกสปอตไลต์ฉายจับ
เพราะ หัวโขน "กรรมการ" มีความหมายบรรทัดสุดท้ายคือ "ต้องเป็นกลาง ชี้เป็น-ชี้ตาย-พิพากษา" เส้นทางชีวิตของ "นักเลือกตั้ง" ทั้ง 500 คน
คำด่า-ดอกไม้-ก้อนอิฐ จึงถาโถม เข้าใส่ 5 เสือ
ต่อไปนี้เป็นคำฟ้อง-คำให้การ-และคำวิจารณ์ที่ "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สนทนากับ"สดศรี สัตยธรรม"
- 5 กกต.ถูกกดดัน-ถูกก้อนอิฐปาเข้าใส่
กก ต.ชุดนี้อาจเป็นชุดที่โชคร้าย อยู่ในภาวการณ์วิกฤตที่โหดร้าย แบ่งฝ่ายชัดเจน ถ้าขัดประโยชน์ของอีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นเรื่อง ถ้าอยู่ตรงกลางเขาวัว เขาควายแล้ว ก็จะโดนแบบนี้ทั้งนั้น
ต้องยอม รับสภาพว่าเราเคราะห์ร้ายเหมือนเราเลือกเกิดไม่ได้ เราก็ต้องสู้ ไม่มีใครจะต้องตีโพยตีพาย กดดัน ร้องห่มร้องไห้ ทุกคนอายุมากกันแล้ว เราปลงตกแล้วว่าเราโชคร้าย
- กกต.ยืนยันได้หรือไม่ว่า ไม่มีมือที่มองไม่เห็นเข้ามากดดันอยู่เบื้องหลัง
ใน ส่วนของตัวเองไม่มีใครมายุ่งเลย ไม่มีใครมาสั่งการใด ๆ ทั้งสิ้น ทำด้วยความสบายใจ สำคัญที่สุดเราต้องยึดมั่นในตัวบทกฎหมาย เป็นเกราะป้องกันตัว เหมือนกับมีพระคล้องคอเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีกฎหมายป้องกันตัวเอง เราก็จะไปไม่รอด
- การเลือกตั้ง 2550 จนถึงการเลือกตั้งล่าสุด กกต.เจอวิกฤตศรัทธามาหลายครั้ง จะฟื้นฟูความเชื่อมั่น ความศรัทธากลับคืนมาได้อย่างไร
เหมือน คนเราไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย แต่ก็ถูกยืนชี้หน้าว่า เธอทำความผิด ก็ช่วยไม่ได้ ศรัทธาหรือไม่ศรัทธาขึ้นอยู่กับตัวบุคคล กกต.เรายืนกรานว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่เมื่อคุณไม่ชอบเรา ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงคุณมาชี้หน้าว่า เราผิด ก็มาพิสูจน์กันในศาลก็ได้วิกฤตศรัทธามันก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
เหมือน กับ คุณทักษิณ ชินวัตร ก็มีทั้งคนเกลียด คนรัก คนชัง และขณะนี้ก็มีคนรัก ครั้งก่อนมีคนเกลียด แล้วแต่ความศรัทธาของแต่ละคน กกต.ก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าไปฟังกระแส ฟังคำพูดคน มีอย่างเดียวคือ ฆ่าตัวตายไปซะ (หัวเราะ) รุมด่าเราเรื่อย ๆ ถ้าเราทนไม่ไหว ก็ฆ่าตัวตายไป ก็แค่นั้นเอง ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
- การเคลื่อนไหวกดดัน ล้มเลือกตั้ง ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ผลจะเป็นอย่างไร
การ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ขณะเดียวกันประชาชนมาใช้สิทธิ 30 กว่าล้านคน แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะมีการโหวตโน หรือทำบัตรให้เสียไปเลยเพื่อไม่ต้องการเลือกใครเลย แต่ก็แสดงว่าเขายอมรับว่าการเลือกตั้งนั้นสำคัญ กกต.ถือว่าเมื่อเขาสั่งให้เราทำงาน เราก็ทำหน้าที่ไป
ส่วนที่ไม่ให้ มีการเลือกตั้ง กลุ่มเคลื่อนไหวก็ไปจัดการกันเอง จะสั่งให้ทหารปฏิวัติรัฐประหารก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับ กกต. เราไม่มีอำนาจล้มการเลือกตั้ง หรือทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เมื่อจัดการเลือกตั้งเราก็ต้องการให้การเลือกตั้งสมบูรณ์แบบ
- ต้องปล่อยให้ว่าที่ ส.ส.ที่ยังมีเรื่องร้องเรียนเข้าสภาไปก่อน
ที่ ชอบพูดกันว่าปล่อยผี จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องที่เขาถูกร้องเรียนมาและน่าเห็นใจมากว่าผู้ที่ได้รับการ เลือกตั้งแล้วถูกร้องเรียนมาภายหลังวันเลือกตั้ง มันเหมือนกับเป็นการรั้ง ไม่ให้เขาเป็น ส.ส. เราจึงต้องดูว่าผู้ที่ร้องเข้ามามีเจตนาเช่นนั้นหรือไม่ และเป็นความจริงหรือไม่ เพียงใด
คือคำว่าปล่อยไปก่อน เราคงไม่ใช้ในภาษากฎหมาย เมื่อกฎหมายบอกว่า จะต้องมีการจัดประชุมสภาในนัดแรกภายใน 30 วัน เราก็ต้องมีการพิจารณารับรอง ส.ส.เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาทันตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนเรื่อง ร้องเรียนเราจะมีการพิจารณากันต่อ จนกระทั่งครบ 1 ปี เพราะว่าที่ ส.ส.บางคนถูกร้องเรียนมากถึง 10 รายก็มี ต้องใช้เวลามาก ดังนั้นเราก็ต้องประกาศรับรองรายชื่อบุคคลนั้นไปก่อน
จริง ๆ แล้วหาก กกต.หรือศาลยกคำร้อง อยากให้ผู้ที่ถูกร้องเรียนไปฟ้องร้องแก่ผู้ที่ร้องเรียนตน หากถูกร้องเรียนด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่จบสิ้น
- แสดงว่าแกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกแขวนอยู่ เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือนายจตุพร พรหมพันธุ์ มีแนวโน้มที่ กกต.จะปล่อยไปก่อน
คือ...ทั้ง สองคนยังมีเรื่องร้องเรียนอีกหลายเรื่อง เช่น การพูดจาใส่ร้าย ส่วนเรื่องคุณสมบัติ กกต.ก็สามารถพิจารณาได้ ซึ่งทั้งสองเรื่องต้องแยกออกจากกัน โดยเรื่องคุณสมบัติ กกต.ควรจะพิจารณาภายใน 1 เดือน ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนเพียงพอที่จะได้รับรองการเป็น ส.ส.หรือไม่ แต่เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำที่ทำให้ได้รับการ เสียหายจากการพูดจาใส่ร้ายกันหรือไม่ จึงต้องมีการพิจารณาภายหลังการประกาศรับรองผลแล้ว
- สรุปคือรับรองแกนนำ นปช.ที่เหลือให้เป็น ส.ส.ไปก่อน
ใช่ค่ะ...เว้นแต่ว่าคุณสมบัติของคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนขัดต่อกฎหมาย ก็ไม่สามารถประกาศรับรองได้
- กลุ่มคนเสื้อแดงขู่ว่าหากแขวนคนที่เป็นแกนนำ จะมีการทบทวนมาตรการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ตราบ ใดที่มีการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายแล้ว ก็ไม่ควรมีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นหากเห็นว่าการพูดจาข่มขู่กัน กกต.ก็คงต้องดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่ข่มขู่ กกต.ต่อไป คือ...ไม่ใช่ว่าอะไรไม่ได้ดั่งใจแล้วขู่กัน ถ้าเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องไม่ควรจะมี แน่นอนที่สุดข้างหน้าก็คงมีคนปฏิวัติรัฐประหาร และจะไม่มีประชาธิปไตยหลงเหลืออยู่เลย ให้มีอำนาจเผด็จการมาปกครองประเทศ
ไม่ ใช่ว่าใช้วิธีข่มขู่กัน กกต.ไม่มีใครกลัวใคร บางคนขู่เอาชีวิตด้วยซ้ำไป เราก็ยังไม่กลัว เพราะเราอายุมากกันแล้ว จะต้องตายกันวันใดวันหนึ่ง
ถ้าใช้วิธีการปลุกม็อบขึ้นมามันเป็นระบบของบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่ใช่ระบบของประเทศที่มีประชาธิปไตย
- การกระทำเช่นนี้เท่ากับว่าไม่ยอมรับกฎกติกาใช่หรือไม่
(สวน ทันที) ก็นั่นสิคะ...ถ้าไม่ยอมรับกฎกติกา ก็ควรจะต้องปฏิวัติรัฐประหารใช่ไหม ท่านต้องการรัฐประหารหรือเปล่า ก็ไม่ต้องมีกฎหมายกัน ปกครองโดยคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธปืนอยู่ ต้องการแบบนั้นหรือเปล่า
กกต.ก็ทำตามกฎหมาย แต่โดนทั้งสองฝ่าย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ประกาศผลเลือกตั้ง แต่อีกฝ่ายก็ให้ประกาศผลการเลือกตั้งเดี๋ยวนี้
ประเทศนี้กำลังเป็นประเทศที่ย้อนหลังถอยหลังไปอีก 50 ที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง ไม่ต้องมีผู้แทนฯ ต้องการอย่างนั้นหรือ
- การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินหาเสียงกับ ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแบบนี้แล้ว กกต.ยกคำร้องแสดงว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง สามารถมาเดินช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงได้ใช่หรือไม่
การตี ความกฎหมายจะต้องตีความ โดยไม่ขยายความออกไป เพราะผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง กฎหมายห้ามไม่ให้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคในพรรคการ เมืองใด แต่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิอะไรเลย เมื่อไม่ได้ห้าม กกต.จะมีอำนาจอะไรไปห้ามเขา เมื่อกฎหมายไม่ได้ห้ามเขาก็มีสิทธิ
- กกต.อยากฝากอะไรถึงผู้เล่นที่เป็นนักการเมืองบ้าง
คือ...ขณะ นี้ประเทศชาติก็คือบ้าน ของพวกคุณ นักการเมืองทั้งหลาย ควรประคับประคองให้ดี เพราะนักลงทุน พ่อค้าต่าง ๆ หวังพึ่งนักการเมืองทั้งนั้นตลาดทุน พ่อค้าเขากลัวมาก กลัวการค้าจะล่มจมเพราะการเมืองไม่นิ่ง จึงเป็นจุดสำคัญให้เห็นว่านักการเมืองเป็นบุคคลสำคัญ และอย่าให้การเมืองเผาบ้านตัวเอง
ถ้าตีกันมากนักข้างหน้าอาจไม่มี พรรคการเมือง อาจไม่มีการเมืองกันต่อไป อาจมีคนใดคนหนึ่งมาปกครองแบบเผด็จการข้างหน้า ถ้ามาจ้องทำลายกันเองหรือมาจ้องคนกลางที่เป็นคนกลาง
เมื่อหมด กรรมการชุดนี้ก็ต้องมีกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา บางครั้งทำให้นึกว่าในวันข้างหน้าควรเอานักการเมือง-ส.ส.มาเป็น กกต. เพราะนักการเมืองรู้ใจนักการเมืองด้วยกันดี ขนาดเอา ผู้พิพากษามาเป็นยังโดนด่าขนาดนี้ ครั้งหน้าควรแก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนเลือกตั้ง กกต.เสียเลย
- กกต.ชุดนี้ได้จัดการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ แต่ถูกวิจารณ์มาก
มัน เป็นหน้าที่ กกต.ชุดนี้ 4 คนมาจากศาล เราทำหน้าที่ในฐานะเป็นผู้พิพากษามา 30 กว่าปีที่อยู่ในวงการศาล ขณะนี้เรามาอยู่ในอาชีพ กกต. ถือว่าเราเสียสละให้กับประเทศเหมือนกัน กกต.ไปดูการเลือกตั้งต่างประเทศมาก็ยังถูกกล่าวหาว่าไปรับเงินรับทอง ไม่จำเป็นต้องไปรับต่างประเทศหรอก ข้อกล่าวหาเหล่านี้ถ้าเราพิสูจน์ว่าไม่เป็นความจริง เราจะฟ้องกลับหมด ไม่ใช่ กกต.เหมือนกับเป็นตัวอะไรที่สามารถเชือดได้เชือดเอาตลอดเวลา กกต. 5 คนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ฉะนั้นคุณเชือดเรา เราก็ต้องเชือดกลับ
- มองไว้หรือยังว่าจะเชือดกลับกี่คดี
เรา ฟ้องกลับหมด ไม่ใช่ว่าเราเป็นผู้ต้องหาที่คุณจะทำอะไรได้ทุกอย่าง คุณทำอะไรมาก็จะมี feedback กลับไป เรารวบรวมหลักฐานทุกอย่าง ไม่ใช่ว่า กกต.เป็นหมูที่ให้เชือดได้ตลอด ไม่ใช่...เราเป็นมนุษย์ มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน อย่าเอาการเมืองมาเล่นกับ กกต. เราไม่เล่นการเมืองด้วย
- เคยบอกว่าจะลาออกจาก กกต.
ถ้า ย้อนเวลากลับไปได้ กลับไปเป็น ผู้พิพากษากันหมดแล้ว ไม่เอาหรอก ไอ้อย่างนี้ เพราะมันไม่มีอะไรดีเลย มีแต่ชั่วเข้าหาตัวทุกอย่าง มันไม่ยุติธรรมสำหรับ กกต.ชุดนี้ สภาพจิตใจของ กกต.ทุกคนมันชอกช้ำ ถ้าฝ่ายไหนไม่พอใจฉันจะเอาเรื่อง ถอดถอน...ก็ถอด ถอนไป เราอยากให้ถอดถอนด้วยซ้ำ เราจะได้พักสักที เพราะวันนี้มันเหนื่อยมาก เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เหนื่อยทุกอย่าง
เคยถอดใจหลายครั้ง ที่พูดว่าจะลาออก เพราะคิดว่าเราทำไปเพื่ออะไร แต่ก็ต้องสู้ บางครั้งโดนด่าแรง ๆ ถ้าตอนที่เราเป็นผู้พิพากษาไม่มีใครแตะเราได้ บางครั้งมีความรู้สึกว่า เอ๊ะ...เราเป็นทาสใครเหรอ เราเป็นไพร่เหรอ เราเป็นคนอีกชั้นหนึ่งเหรอ ที่คุณมาพูดแรงขนาดนี้
ขณะนี้มีการผลัก ดันให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถามว่า ทำไปเพื่ออะไร ไม่มีทางที่ไม่มีการเลือกตั้ง เว้นแต่การปฏิวัติรัฐประหารกัน ก็จบกัน