WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, July 29, 2011

การกลับมาของผู้สมรู้ร่วมคิดก่อการรัฐประหาร from โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

ที่มา thaifreenews

โดย bozo



นายเทพไท เสนพงศ์มีประวัติในเรื่องของการพูดในสิ่งที่น่าอับอาย
เมื่อครั้งยังเป็นในโฆษกส่วนตัวของนายมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายเทพไทสร้างความน่าอับอายขายขี้หน้าให้กับให้เจ้านายตนเองมาหลายหน
ด้วยการพูดจาโป้ปดและเหยียดเชื้อชาติอย่างโจ่งแจ้ง ปัจจุบัน
พรรคของเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบให้กับเพื่อไทยมากกว่าร้อยที่นั่ง
ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากเป็นประวัติการณ์
เรายินดีที่จะยอมปล่อยให้นายเทพไทห่างหายไปจากฉากเหตุการณ์นี้และหางานทำใหม่
อย่างไรก็ตาม ไม่ต่างจากพรรคของเขา นายเทพไทเหมือนจะไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริง
ได้ว่าประเทศไทยหมดความอดทนกับตัวเขาและพรรคพวกของเขาแล้ว
แม้ว่าพรรคของเขาพยายามจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม (อีกครั้ง)
โดยการพยายามหาทางทำให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบ โดยปราศจากข้อเท็จจริงทางกฎหมาย
ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเทพไทยังมีหน้ามาแนะนำให้คนเสื้อแดง “ยุติบทบาท”
และเรียกร้องให้ว่าทีนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรสนับสนุน “การสลายตัว”
ของหมู่บ้านเสื้อแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในภาคอีสาน

ไม่ว่านายเทพไทหรือพรรคประชาธิปัตย์จะพูดอย่างไร
แต่คนเสื้อแดงกลับมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวยิ่งกว่าแต่ก่อน
เพราะการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของคนเสื้อแดงสามารถช่วยให้รัฐบาลใหม่
ซึมทราบประเภทอุดมคติที่ชอบด้วยหลักการ ซึ่งมักจะถูกลืมเลือนไป
ในระหว่างการทำงานทอย่างหนักของการเมืองในรูปแบบรัฐสภา
ในขณะเดียวกัน คนเสื้อแดงจำเป็นที่จะต้องตื่นตัวเพื่อต่อต้าน
ความพยายามของกองทัพ ศาลและพรรคประชาธิปัตย์
ที่จ้องจะทำลายหรือล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายเทพไทเรียกคนเสื้อแดงว่าเป็น “มวลชนกดดันนอกสภา”
ซึ่งเป็นพลังที่ไม่มีที่ให้ยืนในระบอบประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย
แต่พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็เข้าร่วมกับกิจกรรมการเมืองนอกสภา
ผ่านทางตุลาการที่แทรกแซงกิจการการเมือง
ตามที่นายจรัล ดิษฐาอภิชัยได้อธิบายไว้ในบทความล่าสุดของเขาว่า
การบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 แทนที่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 เป็นไป
เพื่อเปิด “ช่องทางประตูหลัง” หลายช่องให้กับกลุ่มอำมาตย์
เพื่อเปลี่ยนและทำลายผลการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย
โดยถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและยุบพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง
ดังนั้น จึงไม่ได้หมายความว่าผู้คบคิดแผนการรัฐประหารกลับบ้านเข้าค่ายทหารและยอมแพ้
แต่พวกเขาเพียงเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสร้างแผนการที่ซับซ้อนมากขึ้น
หาผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญที่มีตำหนิไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
และใช้การเมืองควบคุมศาลเพื่อแทรกแซงและสอดแทรกกระบวนการทางประชาธิปไตย

ในขณะที่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
เป็นครั้งที่ห้าติดต่อกัน แต่มันชัดเจนว่าหนทางสู่ประชาธิปไตยยังอีกยาวไกล
กลุ่มอำมาตย์ไทยยังคงทีวิธีการหลากหลาย นับตั้งแต่การตั้งข้อหาทางกฎหมาย
ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองไปจนถึงการทำรัฐประหารโดยกองทัพ
เพื่อกำจัดรัฐบาลใหม่ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกปล่อยให้เป็นรัฐบาลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เพื่อทำการปฏิรูปในสิ่งที่จำเป็น
แต่การคัดค้านของศาลและการที่กองทัพไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน
เป็นไปได้ว่าจะมีการขัดขวางความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขียน
โดยรัฐบาลทหารในปี 2550 การยกเลิกข้อจำกัดของเสรีภาพส่วนบุคคล
และสอบสวนการสังหารหมู่ของประชาชนทั้ง 92 รายเมื่อปีที่แล้ว

เมื่อหลายเดือนที่แล้ว เราได้เตือนถึง “ภัยรัฐประหารยุคใหม่” ที่กำลังถักทอขึ้น
เพื่อพยายามปกป้องรักษาอำนาจของกลุ่มอำมาตย์ ผ่านทางการ
ข่มขู่และใช้สถาบันรัฐที่สำคัญเป็นเครื่องมือ “ภัยรัฐประหารยุคใหม่”
ขัดขวางระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยหลายครั้งก่อนหน้านี้
แม้แต่ภายหลังที่ประชาชนไทยขับไล่เหล่านายพลออกจากอำนาจในปี 2516 และ 2519
กลุ่มอำมาตย์ยังหาทางตะกุยตะกายกลับมา โดยการใช้ความวุ่นวายที่ร้ายแรง (ในยุค70)
หรือควบคุมกระบวนการทางการเมือง (ในกลางยุค90) ”ภัยรัฐประหารยุคใหม่”
ล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2551 โดยการกระทำของกลุ่มพันธมิตร
และการไม่กระทำการในหน้าที่ของกองทัพ
และทำให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนกลายเป็นอัมพาต รวมถึงวางรากฐาน
ให้กับการสอดแทรกของศาลรัฐธรรมนูญ เกือบสองเดือนก่อนที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ
อดีตนายรัฐมนตรี นายอนันต์ ปัญญารชุนอธิบายให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐอเมริกา
ฟังถึงสิ่งที่กำลังจะถูกเปิดเผยออกมา
โดยสิ่งนั้นจะ “ไม่ใช่รัฐประหารแบบตามที่ประชาคมโลกเข้าใจ”

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะประกาศว่าภารกิจได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
เหมือนที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายเทพไท เสนพงศ์แนะนำ
นายเทพไทไม่ใช่สามารถอ้างศีลธรรมสูงส่งในขณะที่เขายังคงทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างที่สุด
เขาควรจะยอมรับผลการเลือกตั้งและเลิกสร้างความอับอายให้กับตนเองและพรรคของเขา
หากประเทศไทยยังไม่บรรลุการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
ซึ่งได้ดำเนินมาเกือบ 80 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
เราพึงพอใจกับเหตุการณ์อดีตในแต่ละครั้งที่เราก้าวข้ามมามากเกินไป
ซึ่งทำให้กลุ่มอำมาตย์ใช้หาผลประโยชน์ด้วยการยึดอำนาจ
ที่พวกเขาถูกบังคับให้สละก่อนหน้านี้กลับมา
การเคลื่อนไหวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยคือทางเดียวที่คนเสื้อแดงจะการันตีว่า
ในที่สุดเราจะได้รับเสรีภาพที่ประชาชนหลายรายได้เสียสละชีวิตเพื่อให้ได้มา
แทนที่จะรู้สึกพึงพอใจ นี่คือเวลาที่เราจะพยายามขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อทำภารกิจของเราให้สำเร็จลุล่วง

Read more from ประเทศไทย, โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม


http://robertamsterdam.com/thai/?p=848