ที่มา Thai E-News
ครบ1ปีลี้ภัยการเมือง-ใจ อึ๊งภากรณ์ ยังมีบทบาทในการเปิดโปงฝ่ายเผด็จการอำมาตย์เสมอในช่วงลี้ภัยการเมืองในอังกฤษ ในภาพเขาไปอภิปรายถกเถียงกับนักวิชาการเสื้อเหลืองที่เดินทางไปโฆษณาชวนเชื่อที่อังกฤษ(ดูรายละเอียด)
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
6 กุมภาพันธ์ 2553
วันนี้คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่ผมต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเพื่อลี้ภัยทางการเมืองในอังกฤษ
ผมต้องลี้ภัยเพราะในประเทศไทยไม่มีมาตรฐานความยุติธรรม มีการใช้กฎหมายเผด็จการเช่นกฎหมายหมิ่นเดชานุภาพฯ ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาคดีในศาลเตี้ยที่ปิดลับไม่มีความโปร่งใส และมีการใช้อำนาจทหารและอำนาจนอกรัฐธรรมนูญในการทำลายสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
ผมโดนคดีหมิ่นเดชานุภาพฯ เพราะผมเขียนหนังสือวิชาการชื่อ A Coup for the Rich (“รัฐประหารเพื่อคนรวย”) ที่ประณามการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา และตั้งคำถามว่าทำไมกษัตริย์ภูมิพลไม่ปกป้องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ผมอธิบายว่าพวกที่สนับสนุนรัฐประหาร ๑๙ กันยาทั้งหมด ดูหมิ่นดูถูกคนจนที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมว่า “โง่”บ้าง “ไม่เข้าใจประชาธิปไตย”บ้าง หรือ “ถูกซื้อไปจนอยู่ในระบบอุปถัมภ์”บ้าง
ลักษณะหนึ่งของกฎหมายหมิ่นเดชานุภาพฯ ที่ขัดกับมาตรฐานยุติธรรมสากลคือ การพูดหรือเขียนความจริงยังถือว่า “ผิด” ซึ่งทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมอำมาตย์ไม่เคยพิสูจน์ได้เลยว่าผมโกหกหรือหมิ่นประมาทใครได้
อย่างไรก็ตามอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นักวิชาการเสื้อเหลือง และสุนัขรับใช้อำมาตย์ในสื่อ ก็พยายามเสนอว่า “ใจหนีคดี” เขาเสนอด้วยว่า คุณจักรภพ เพ็ญแข “หนีคดี” กฎหมายหมิ่นฯ เหมือนกัน ....
แต่ใครในสังคมไทยหนีคดีกันแน่?
พวกหนีคดีตัวจริง ไม่ต้องลี้ภัยการเมืองอยู่นอกประเทศ เพราะเขาใช้อำนาจเถื่อนในการทำลายประชาธิปไตย ระบบยุติธรรม และตั้งตัวเป็นใหญ่ เพื่อไม่ให้มีคดี แต่คนเหล่านี้ต้องถือว่าเป็นพวกหนีคดีตัวร้ายสุด
สนธิ บุญยรัตกลิน และแก๊งทหาร คมช. ทั้งหมด หนีคดี “กบฏต่อประชาชน ผู้ที่ควรจะครองอำนาจอธิปไตย” เพราะทำรัฐประหารผิดกฎหมายและฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง นอกจากนี้เขาหนีคดี “ผลประโยชน์ทับซ้อน” และ”การใช้อำนาจเกินหน้าที่” เพราะทำรัฐประหารด้วยงบประมาณสาธารณะ แล้วแต่งตั้งตัวเองและพรรคพวกไปหากินในรัฐวิสาหกิจ และมีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับ คมช. ที่ระบุว่าต้องเพิ่มงบประมาณทหารอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งเป็นการแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรม
สุรยุทธ์ จุลานนท์ หนีคดี “การใช้ความรุนแรงต่อประชาชนเพื่อปกป้องเผด็จการในเหตุการณ์พฤษภา๒๕๓๕” และเขาหนีคดี “บุกรุกอุทยานแห่งชาติ”
นาย(เซ็นเซอร์)หนีคดีจากการตายของพี่ชาย เพราะอยู่ในเหตุการณ์ มีส่วนรู้เห็น แต่ไม่พูดความจริง และจงใจปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ถูกประหารชีวิต เขาหนีคดี “รวยผิดปกติ” เพราะทั้งๆ ที่ไม่เคยทำงานเลี้ยงชีพ ได้สะสมความร่ำรวยมหาศาล จนรวยกว่า...อื่นใดในโลก และเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศไทย
ทั้งหมดอันเนื่องมาจากการถือตำแหน่งสาธารณะในการเป็น(เซ็นเซอร์) นอกจากนี้เขาหนีคดี “ละเลยหน้าที่” เพราะไม่ยอมปกป้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยทั้งๆ ที่เป็น(เซ็นเซอร์)
เปรม ติณสุลานนท์ หนีคดี “การใช้ตำแหน่งในทางที่ผิด” ยังอาศัยในบ้านพักราชการทั้งๆ ที่เกษียณไปแล้ว หนีคดี “การตั้งตัวเป็นนายกโดยไม่มาจากการเลือกตั้ง” ซึ่งถือว่าผิดหลักรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย และมี “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เพราะใช้ตำแหน่งสาธารณะเพื่อรับตำแหน่งธุรกิจต่างๆ และสะสมความร่ำรวย นอกจากนี้ “ละเลยหน้าที่” เพราะไม่ให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับกษัตริย์เพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญปี ๔๐ และประชาธิปไตย
สนธิ ลิ้มทองกุล จำลอง ศรีเมือง สมศักดิ์ โกศัยสุข พิภพ ธงไชย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ วีระ สมความคิด สุริยะใส กตะศิลา กษิต ภิรมย์ และแก๊งอันธพาลของพันธมิตรฯทั้งหมด หนีคดีการใช้ความรุนแรงบุกรุกทำเนียบรัฐบาล การชักชวนให้คนใช้อาวุธท่ามกลางกรุงเทพฯ การก่อการร้ายที่สนามบิน การสนับสนุนรัฐประหารผิดกฎหมาย และการประพฤติตัวเลวร้ายอันก่อให้เกิดความไม่สงบที่ชายแดนเขมร
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณ์ จาติกวณิช สุเทพ เทือกสุบรรณ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย หนีคดี “การสนับสนุนรัฐประหารผิดกฎหมาย” “การโกหกพูดจาเท็จ”ในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง “การขึ้นมามีอำนาจโดยวิธีที่ขัดกับประชาธิปไตย” “การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการพูด เขียนและแสดงออก” ซึ่งขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และ “การมีผลประโยชน์ทับซ้อน” เพราะคนรวยเหล่านี้ได้ประโยชน์ส่วนตัวจากการทำลายรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยที่เคยช่วยคนจน
นอกจากนี้นักการเมืองดังกล่าวมีส่วนในการ “ฆ่าประชาชนในเหตุการณ์เมษาเลือด”
ส่วนเนวิน ชิดชอบ หนีคดี “การก่อตั้งแก๊งอันธพาล”เสื้อน้ำเงิน ฯลฯ
นักวิชาการเสื้อเหลืองและนักเอ็นจีโอที่สนับสนุนรัฐประหารผิดกฎหมายด้วยการแก้ตัวแทนทหาร หนีคดี “การช่วยทำลายประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญโดยกบฏต่อประชาชน” นอกจากนี้เขาหนีคดี “หมิ่นประมาทประชาชน”ว่า “โง่” “เข้าไม่ถึงข้อมูล” ฯลฯ และหลายคนหนีคดี “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เพราะการเลียก้นทหาร คมช. ของพวกเขาเปิดโอกาสให้เขาได้ตำแหน่งและรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน ในกลุ่มนี้ต้องรวมทุกคนที่รับตำแหน่งและเงินเดือนในรัฐบาลเถื่อนของ คมช. และรัฐสภา วุฒิสภา และสภาร่างรัฐธรรมนูญเถื่อนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอีกด้วย
สื่อกระแสหลักที่ประโคมข่าวเท็จอย่างต่อเนื่อง ก็หนีคดี “หมิ่นประมาท” คนเสื้อแดงซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเงินไปฟ้องพวกหน้าโกหกเหล่านี้
นอกจากนี้พวกหนีคดีมีอีกมากมาย รวมถึงนักการเมือง นายทหารชั้นสูง และตำรวจชั้นสูง ที่ควรจะถูกนำมาขึ้นศาลกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดภาคใต้ การฆ่าทนายสมชาย การจ้างมือปืนฆ่านักเคลื่อนไหวชาวบ้าน การฆ่าประชาชนในสงครามยาเสพติด หรือในกรณีพฤษภา ๒๕๓๕ ในกรณี ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ อีกด้วย และคงต้องรวมถึงนายทุนใหญ่ที่ปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในโรงงาน เช่นไฟไหม้ที่เคเดอร์เป็นต้น
ลองเปรียบเทียบความผิดของพวกหนีคดีตัวจริง กับสิ่งที่ผม คุณจักรภพ หรือคุณดา ทำ แล้วจะเห็นว่าในไทยไม่มีมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
วันหนึ่ง เมื่อเรามีประชาธิปไตยแท้ เราจะต้องนำพวกหนีคดีแท้จริง มาขึ้นศาลให้หมด
และให้ประชาชนธรรมดาเป็นลูกขุนในการพิจารณาคดี แทนผู้พิพากษาที่ไม่มีคุณธรรม(ซึ่งล้วนแต่หนีคดีการละเลยหน้าที่ในกระบวนยุติธรรม)
--
ติดตามผลงานของใจ อึ๊งภากรณ์:
http://siamrd.blog.co.uk/
http://wdpress.blog.co.uk/
http://redsiam.wordpress.com/
see YOUTUBE videos by Giles53