WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, February 11, 2010

เจาะเครือข่ายธุรกิจ ตระกูลบุญยรัตกลิน

ที่มา thaifreenews


ผลพวง รัฐประหาร 19 กันยายน เศรษฐกิจพังยับ อดีตนายกฯทักษิณ บอกว่า ประเทศไทยได้เศรษฐีใหม่ ยศพลเอก ไม่กี่คน ประชาชาติธุรกิจ ตามไปเจาะถุงเงิน บิ๊กบัง ว่าที่หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เหตุไฉน พลเอก รับแค่เงินเดือน กองทัพ แต่รวยกว่า 95 ล้าน เจาะเครือข่ายธุรกิจ ตระกูลบุญยรัตกลิน เจอ ตัว "ขนิษฐา" น้องสาวประธาน คมช.


3 ปี หลังรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาแฉว่า ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ผลพวง รัฐประหาร ประเทศไทย ได้เศรษฐีใหม่มาไม่กี่คน ...แล้วส่วนใหญ่จะเป็นยศพลเอก หนึ่งในพลเอกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการพาดพิงถึง หนีไม่พ้น หัวหน้าคณะรัฐประหาร นั่นคือ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีต ประธานคมช.

ปลาย กันยายนที่ผ่านมา "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ " โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.)
ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) มีพฤติการณ์ที่ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่



การยื่นแสดงบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.สนธิ สมัยดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พบว่า


พล.อ.สนธิ มีทรัพย์สิน รวมกับภริยา 2 คน และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คนเป็นเงินรวมกันกว่า 95 ล้านบาท และ พล.อ.สนธิ ยังมีภริยาอีก 1 คน และบุตรอีก 5 คน




ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า พลเอกแห่ง คมช. เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ มาตุภูมิ เตรียมการเลือกตั้ง สมัยหน้า

"ประชาชาติธุรกิจ" ตรวจสอบ ความร่ำรวยของ บิ๊กบัง มานำเสนอผู้อ่าน ดังนี้

พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ อดีต ประธานคมช. ยื่นบัญชีทรัพย์สินปปช. ครั้งล่าสุด ( 5 กุมภาพันธ์ 2552 พ้นจากตำแหน่ง ครบ 1 ปี)


มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 46.4 ล้านบาท
แบ่งเป็น เงินฝาก 9 บัญชี จำนวน 26.6 ล้านบาท
เงินลงทุน 11.2 ล้านบาท
ที่ดิน 6 แปลง 76 ไร่ รวมมูลค่า 6.3 ล้านบาท
บ้าน 1 หลังมูลค่า 7 แสนบาท
รถยนต์ 1.5 ล้านบาท
มีหนี้สิน เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1.2 ล้านบาท

ขณะที่คู่สมรส นางสุกัลยา แจ้งว่ามี
ทรัพย์สินทั้งสิ้น 15.2 ล้านบาท
แบ่งเป็น เงินฝาก 6 บัญชี 1.6 ล้านบาท
ที่ดิน 4 แปลง 5.2 ล้านบาท
บ้าน 2 หลัง รวม 4.2 ล้านบาท
รถยนต์ 2 คัน 3.5 ล้านบาท

ทรัพย์สินเครื่องประดับ 522,000 บาท

ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
มีเงินฝาก 532,313 บาท

รวมมีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 60.9 ล้านบาท !!!


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น พล.อ.สนธิ และ 2 ภรรยา คือ
นางสุกัลยา และ
นางปิยะดา บุญยรัตกลิน


สร้างความฮือฮา หลังจากแจ้งต่อป.ป.ช.กรณีรับตำแหน่งรองนายกฯ
( 5 ตุลาคม 2550 ) ว่ามีทรัพย์สินรวมกัน ถึง 94.9 ล้านบาท

โดยเป็นทรัพย์ของ พล.อ.สนธิ 38.7 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 10.2 ล้านบาท เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ สนศ.13.3 ล้านบาท เงินลงทุน 11.2 ล้านบาท บ้าน 1 หลัง 4 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน

ขณะที่นางสุกัลยา บุญยรัตกลิน ภรรยาคนแรก แจ้งว่ามี


ทรัพย์สิน 14.1 ล้านบาท แบ่งเป็น
เงินฝากธนาคาร 3.9 ล้านบาท
ที่ดิน 1 แปลง 1.3 ล้านบาท
บ้านอาศัย 2 หลัง 4.2 ล้านบาท
รถยนต์ 2 คัน 4.1 ล้านบาท

ส่วนนางปิยะดา บุญยรัตกลิน ภรรยาคนที่สอง
มีทรัพย์สิน 42 ล้านบาท
แบ่งเป็นเงินฝากธนาคาร 738,784 บาท
เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ 6.4 ล้านบาท
ที่ดิน 16 แปลง 16.6 ล้านบาท (ป.ป.ช.ตรวจพบ 17 แปลง)
บ้าน 2 หลัง 11.7 ล้านบาท
ตึกแถว 1 หลัง 2 ล้านบาท
รถยนต์ 5 คัน 3.7 ล้านบาท และ
ทรัพย์สินอื่น 815,000 บาท

และทรัพย์สินของ


นางสาวศศิภา บุญยรัตกลิน บุตรสาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ 323,702 บาท

ไม่รวมทรัพย์สินของบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คือ


พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน
ร้อยโทสุธาวิทย์ บุญยรัตกลิน

เรือโทนิธิ บุญยรัตกลิน
นายนิรินทร์ บุญยรัตกลิน และ
นายเอกรินทร์ บุญยรัตกลิน

และน้องสาว 4 คน คนแรกชื่อ
นางพรทิพย์ ตุลยสวัสดิ์ อายุ 51 ปี คนที่สอง
นางขนิษฐา บุญยรัตกลิน อายุ 49 ปี
คนที่สาม นางวิจิตรา บุญยรัตกลิน อายุ 43 ปี และ
คนที่สี่ นางยุพาวดี บุญยรัตกลิน อายุ 40 ปี และ
น้องชายชื่อ นายสาธิต บุญยรัตกลิน อายุ 45 ปี


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า คนในตระกูลบุญยรัตกลิน มิได้รับราชการอย่างเดียว หากแต่ทำธุรกิจด้วย

นางขนิษฐา บุญยรัตนกลิน น้องสาวบิ๊กบัง ทำธุรกิจมาตั้งแต่ปลายปี 2538 ร่วมกับ
นายมาโนชญ์ ผลทวี ในชื่อ


หจก.บายอัส จดทะเบียนวันที่ 8 ธันวาคม 2536 ทุน 1 ล้านบาท
รับจ้างออกแบบตกแต่งภายใน -นอกอาคาร ที่ตั้งอยู่ในซอยวัดจันทร์ในถนนรัชดาภิเษก ปี 2540 มีรายได้ 9.5 แสนบาท กำไรสุทธิ 48,510 บาท มีสินทรัพย์ 1.5 ล้านบาท และมิได้ทำกิจการ

จากนั้น วันที่ 1 เมษายน 2539 นางขนิษฐาร่วมกับนายมาโนชญ์คนเดิม ก่อตั้ง


บริษัท บายอัส ไชเน็ท จำกัด ทุน 1 ล้านบาท
จำหน่ายงานวัสดุตกแต่งและ งานป้าย (ขายส่ง) ที่ตั้งเลขที่เดียวกัน ปี 2540 มีรายได้ 4.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.7 แสนบาท ปี 2541 มีรายได้ 2.7 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.87 แสนบาท และเลิกกิจการในปี 2548


ปัจจุบัน เป็นเจ้าของธุรกิจรับออกแบบและตกแต่งชื่อ


บริษัท เอกายไชน์ เฟอร์นิเจอร์ อินดัสเตรียล จำกัด ก่อตั้งวันที่ 22 มกราคม 2547 ทุน 2 ล้านบาท ที่ตั้งอยู่ในซอยประชาอุทิศ 54 ถนนประชาอุทิศ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ นางขนิษฐา ถือหุ้น 1,100 หุ้น
นายนพดล ยุทธมนตรี
นางยุพดี เต
นายนพดล บุญยรัตกลิน
นายมาโนชญ์ ผลทวี
นายศิริพงศ์ เย็นอังกูร และ
นางสุจิรา โฮวเต็ว คนละ 150 หุ้น หุ้นละ 1,000 บาท ทั้งหมด 2,000 หุ้น

ปี 2548 มีรายได้ถึง 18.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.6 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 8.9 ล้านบาท

ขณะที่นางวิจิตรา เป็นเจ้าของ
บริษัท รัตกลิน จำกัด ก่อตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2548 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจบริการด้านอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยประชาอุทิศ 91/2 ถนนประชาอุทิศ นางวิจิตรา ถือหุ้น 6,500 หุ้น
นางสาวพิมพ์ชนก จั่นเพชร 3,000 หุ้น
นางพรทิพย์ ตุลยสวัสดิ์
นายจิระศักดิ์ เทพบรรยง
นายณัฐพล บุญยรัตนกลิน
นางอัญชลี พงษ์พิชัย และ
นายองอาจ บุญยรัตกลิน คนละ 100 หุ้น รวม 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท ปี 2548 มีรายได้ 5.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 364,529 บาท มีสินทรัพย์ 2.3 ล้านบาท

ถ้ารวมรายได้บริษัท เอกายไชน์ฯ และบริษัท รัตกลิน ในรอบปี 2548 รายได้ 23.7 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 2 ล้านบาท

กล่าวสำหรับ นางขนิษฐา ก่อนหน้านี้ ( 17 สิงหาคม 2550) เคยตกเป็นข่าวว่าถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรกัมพูชา จับกุมในข้อหาลักลอบนำรถยนต์วีโก้แค็ป สีน้ำเงิน ทะเบียน ตศ3121 กรุงเทพฯ พวงมาลัยขวา วิ่งข้ามฝั่งจากอรัญประเทศมุ่งหน้าสู่กรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา

ครั้งนั้น มีข่าวว่านางขนิษฐาเดินทางไปกัมพูชาเพราะเข้าไปรับเหมาตกแต่งร้านให้แก่ บริษัท เดอะพิซซา ซึ่งเข้าไปเปิดสาขาที่กรุงพนมเปญ โดยเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปด้วยตัวเอง ทำเรื่องขออนุญาตผ่านด่านศุลกากรและทำใบขนย้ายสินค้า แต่ไม่ได้ขออนุญาตนำรถยนต์จากฝั่งไทยเข้าไปใช้ในกัมพูชาทำให้ถูกจับ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามข้อ เท็จจริงจาก พล.อ.สนธิ ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ คำตอบที่ได้รับคือ มีน้องสาวชื่อ "ขนิษฐา" จริง แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากร กัมพูชาจับกุมตัวไว้หรือไม่ และไม่ได้บอกรายละเอียดธุรกิจของน้องสาวแต่อย่างใด

หลังจากนั้น ชื่อของเธอก็เงียบหายไป จนกระทั่ง พล.อ.สนธิ ได้เปิดเผยในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินว่ามีน้องสาวชื่อ "ขนิษฐา"