WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, June 25, 2010

คอยแกนนำ โดย กาหลิบ

ที่มา Democracy 100 percent



คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง คอยแกนนำ
โดย กาหลิบ

เราต่างสะเทือนใจกับความรุนแรงที่พี่น้องประชาชนได้รับเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ อย่างชนิดน้ำตายังไม่แห้งและคงไม่แห้งไปอีกนานหลายปี แต่เราต้องยอมรับด้วยว่ามีหลายสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นในห้วงเวลานั้นเสมือนกองดินที่ไหลรวมกันแถวราชประสงค์จนเกิดดอกไม้สวยงามงอกขึ้นมา อันเป็นความงามตามธรรมชาติที่เจ้าของประเทศและลูกสมุนไม่อาจบิดเบือนให้เป็นอื่นได้เลย

หนึ่งในนั้นคือความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไประหว่าง “แกนนำ” กับ “มวลชน”

นำเรื่องนี้มาพูดเพราะหลายคนปรับทุกข์มาว่า เราจะทำอย่างไรในสถานการณ์ที่แกนนำออกมานำไม่ได้เพราะติดคุกบ้าง หลบซ่อนตัวอยู่บ้าง และลี้ภัยออกไปนอกประเทศไทยบ้าง คนที่เหลือก็ถูกขู่โดยกฎกติกาของฝ่ายเผด็จการจนกระดิกตัวไม่ได้ ทำให้รู้สึกราวกับว่าฝ่ายประชาชนกำลัง “แพ้” เขา

วันนี้ขอชี้ให้ท่านเหล่านั้นเห็นว่า บางครั้งจุดเริ่มต้นแห่งชัยชนะมันก็เป็นอย่างนี้สถานการณ์ใหญ่หลังการฆ่าประชาชนแห่ง พ.ศ.๒๕๕๓ เปลี่ยนทุกอย่างไปหมดเราไม่สามารถนำเรื่องเก่าๆ มาประติดประต่อเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในห้วงต่อไปได้ เพราะจากนี้ไปทุกอย่างจะยกระดับขึ้น
เหมือนเราย้ายบ้านขึ้นมาชั้น ๒ จะไปเอาปัญหาชั้นล่างอย่างน้ำท่วม คนข้างนอกเข้าถึงตัวง่ายๆ มาคิดไม่ได้แล้ว แต่ต้องคิดถึงปัญหาของชั้น ๒ อย่างลมแรง คนแก่ขึ้นลงลำบาก แขกกดกริ่งไม่ได้ยินมาคิดแทน

สถานการณ์ใหม่ก็ต้องคิดใหม่ ประสบการณ์เก่ามีประโยชน์ในการเอามาคิดประกอบกัน ยึดเป็นตัวตั้งหรือเป็นหลักไม่ได้

ขณะนี้คำว่า “แกนนำ” กำลังเปลี่ยนไป เมื่อ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖, ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ จนถึงพฤษภาประชาธรรม พ.ศ.๒๕๓๕ แกนนำหมายถึงผู้นำโดยแท้ทีเดียว

แปลว่ามวลชนก็เป็นผู้ตามโดยแท้เหมือนกัน

จะเดินสักก้าวก็ต้องมองแกนนำ ถามแกนนำ และกำลังใจทั้งหมดดูเหมือนจะอยู่ที่ความเข้มแข็งของแกนนำ

หมดแกนนำแล้วก็หมดกัน

ทั้งๆ ที่มวลชนส่วนหนึ่งในวีรกรรมเดือนตุลาและพฤษภา เป็นมวลชนระดับปัญญาชนที่อ่านมากรู้มาก มีจุดเชื่อมโยงทางอุดมการณ์และทฤษฎีสูง อาจจะมากกว่าขณะนี้ด้วยซ้ำ แต่พลังทางปัญญาในขณะนั้นก็ยังสู้พลังการนำของแกนนำไม่ได้ชื่อผู้นำนิสิต นักศึกษา สหภาพแรงงาน สหภาพเกษตรกร ฯลฯ จึงโด่งดังในหัวใจของมวลชนเสียยิ่งกว่าแนวทางการต่อสู้

แต่ ณ ฉากการต่อสู้ที่สนามหลวง (ตั้งแต่ ๒๕๔๘) ทำเนียบรัฐบาล (จนถึงเมษายน ๒๕๕๒) ผ่านฟ้าลีลาศและราชประสงค์ (๒๕๕๓) ไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว ความยึดมั่นถือมั่นในตัวแกนนำที่เป็นบุคคลยังมีอยู่มากก็จริง แต่เห็นได้ชัดว่าแนวร่วมจำนวนมากมิได้มาจากความรักลุ่มหลงในตัวแกนนำ

แต่มาต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

มาร้องหาความเสมอภาค (และเกลียดสองมาตรฐาน)

มากวาดล้างความอยุติธรรมในสังคม

ท้ายที่สุดก็มุ่งทำลายการกดขี่ชนชั้นคนรากหญ้าโดยฝีมือของเจ้าของประเทศและอำมาตย์ที่เขาชุบเลี้ยง

แนวทางที่ชัดเจนขึ้นโดยวิวัฒนาการทางสังคม ทำให้เกิดแกนนำธรรมชาติทั่วไปในขณะนี้ กรอบเดิมของ นปช. นั้นช่วยเพาะได้ส่วนหนึ่ง แต่นอกกรอบ นปช. เรากลับมีแกนนำใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้ตัวหรือตั้งใจจะเป็นแกนนำให้เห็นอย่างมากมายไม่น่าเชื่อ จนมีจำนวนมากกว่าแกนนำในกรอบ นปช. ไปแล้ว

ท่านเหล่านี้เคยถูกกดด้วยแนวคิดเก่าๆ ว่า แกนนำจะต้องเป็น ส.ส. หรือผู้สมัคร ส.ส. หรือนักจัดตั้งมวลชนมืออาชีพ คนจะ “นำ” มวลชนได้ต้องมีดีกรีทางการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี จนเกิดชนชั้นอย่างแปลกประหลาดขึ้นในขบวนประชาธิปไตย
แต่ใน พ.ศ.๒๕๕๓ มวลชนพัฒนาจนก้าวหน้าขึ้นและพร้อมจะจัดตั้งมวลชนไปทีละเล็กละน้อย จนเกิดแกนนำชนิดใหม่ที่ไม่โด่งดังหรือไม่ได้มีแฟนมารุมล้อมเหมือนดารา แต่จัดตั้งได้เหนียวแน่นและลงลึกทางแนวทางและอุดมการณ์ได้

นี่ล่ะครับคือแกนนำรุ่นต่อไป

นี่ล่ะครับคือแกนนำที่สังคมรอคอยและเริ่มได้เห็นบ้างแล้ว

การปฏิวัติประชาธิปไตยอยู่ในมือของคนเหล่านี้ ไม่ใช่คนที่ยังติดความเป็นขี้ข้าเก่าของอำมาตย์ครับ.