ที่มา บางกอกทูเดย์ ลำพังแค่นั่งเก้าอี้บิ๊กธุรกิจก็เยอะแยะแล้ว รัฐบาลยังทำเหมือนเมืองไทยไร้คนมีฝีมือ เพราะใช้บริการ “อานันท์ ปันยารชุน” ทั้งเรื่องปัญหามาบตาพุด และเรื่องปฏิรูปการเมืองไทย เป็นคำถามมาทุกยุคทุกสมัยในสังคมไทย ว่าขาดแคลนคนดี คนมีฝีมือกันหรืออย่างไร?ทำไมในหลายๆ วงการไม่ว่าจะเป็นการเมือง ข้าราชการประจำ หรือแม้แต่นักธุรกิจ จึงได้วนเวียนกับ “คนหน้าเก่า”กันเป็นส่วนใหญ่ ล่าสุดกรณีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่คนในซีกการเมืองที่เป็นขั้วเดียวกัน หรือต่อกันติดกับนายอานันท์ หากหาใครที่เหมาะสมไม่ได้ ก็เป็นต้องโผไปหานายอานันท์ตลอด พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ดูเหมือนจะเข้าข่ายเข้าล็อก เรื่องการเรียกใช้บริการ นายอานันท์ เหมือนกับเป็นยาพาราเซ็ตตามอล แก้ปวดหัวได้ชะงัดนัก อย่างน้อยที่สุดก็ 2 ครั้ง 2 ครา 2 เรื่อง ช่วงระยะเวลาห่างกันไม่ถึงปี เริ่มจากได้รับการทาบทามจากนายอภิสิทธิ์ให้นั่ง เป็นประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัญหาเผือกร้อนที่ทำให้รัฐบาลติดชนัก จะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ยาก ที่สำคัญยังกลายปัญหาด้านการลงทุนสำคัญของชาติ เพราะมีเม็ดเงินลงทุนสูงหลายแสนล้านบาท หากการลงทุนล่าช้าไป 1 ปี จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 0.4% รวมทั้งต่างชาติต่างจับตามองกรณีมาบตาพุดเขม็ง ว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร ซึ่งจนวันนี้ต่างชาติที่ขี้เกียจรอคำตอบ ต่างชะลอการลงทุนในไทย หลบลมร้อนไปลงทุนที่อื่นกันเป็นแถวแล้ว ยาแก้ปวดหัวยี่ห้อ “อานันท์” ช่วยนายอภิสิทธิ์ได้เพียงแค่ หยุดไม่ให้เรื่องครึกโครมมากไปกว่าที่เป็น แต่การแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังไม่บรรลุผล เพราะงานนี้จริงๆ แล้วนายอานันท์เองก็ทำตัวลำบาก เพราะแม้จะยินดี กับตำแหน่งที่รัฐบาลตั้งให้ แต่โดยส่วนตัวก็ทำตัวเป็น “เจ้าพ่อเอ็นจีโอ”มาตลอด ซึ่งกรณีมาบตาพุด เป็นเรื่องปัญหากระทบกระทั่งระหว่างการลงทุนกับชุมชน และความไม่ชัดเจนของรัฐบาลและกติกาต่างๆ ทำให้เรื่องนี้จึงยังคาราคาซังอยู่จนวันนี้ แต่เพราะชื่อชั้นของนายอานันท์ ที่แม้งานไม่บรรลุ กระแสสังคม และภาพลักษณ์ก็ยังสามารถที่จะเป็นบวกได้ ทำให้เมื่อนายอภิสิทธิ์ ต้องการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับแผนปรองดอง และต้องการหาตัวคนมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศ นายอานันท์ จึงเข้าสเป็กของนายอภิสิทธิ์อีกครั้ง และก็เช่นเคยไม่มีอิดเอื้อนใดๆ นายอานันท์ ตอบรับเป็นประธาน คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศให้อีก 1 งาน… ทำให้ชื่ออานันท์ ขลังยิ่งขึ้น หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นการทรมานผู้สูงอายุหรือไม่ เพราะนายอานันท์นั้นเกิด 9 สิงหาคม 2475 เท่ากับว่าปีนี้อายุ 78 ปีเข้าไปแล้ว... แต่นายอานันท์กลับพอใจอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับเป็นการยืนยันความเป็น “อานันท์” ให้กับสังคมไทย เพิ่มมากขึ้น ก็แม้แต่ในวงการธุรกิจ นายอานันท์ก็เพิ่งผงาดขึ้นไปนั่งเป็นประธานกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ แทนนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาแล้ว... นอกเหนือจากการนั่งแป้นคุมสหยูเนี่ยนมาตลอด สะท้อนให้เห็นว่า วันนี้อายุ 78 ปี ไม่ได้มีปัญหาสำหรับนายอานันท์ในการรับสารพัดตำแหน่งเลย แต่สำหรับการแก้ไข ปัญหาของชาติ จะได้ประโยชน์แค่ไหนนั้นคงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะแต่ละเรื่องที่รับหน้าเสื่ออยู่ในเวลานี้ ล้วนหนักๆ ทั้งนั้น แถมความคืบหน้าก็ยังค่อนข้างล่าช้า ดังนั้นกรณีของการปฏิรูปประเทศไทย หากนายอานันท์เร่งทำเพื่อความปรองดองภายในชาติเป็นหลัก และปราศจากอคติระหว่างกลุ่ม ระหว่างความคิด ที่แตกต่างกันในเวลานี้ได้จริงๆ ก็ต้องถือเป็นเรื่องดี เพราะทุกวันนี้ สังคมไทยยังมีบรรยากาศของการแตกต่างทางความคิดกันอยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งแทนที่ภาครัฐบาล และนายทหารใหญ่ๆ ทั้งหลาย จะเร่งคลี่คลายสถานการณ์ กลับยังปล่อยให้มีการเหยียบย่ำซ้ำเติม ทำลายล้างความคิดเห็นที่แตกต่างที่ไม่เป็นที่ถูกใจให้เห็น เป็นระยะๆ ประเด็นเหล่านี้แหละที่รัฐบาลควรจะต้องคำนึง อย่างน้อยที่สุดการที่กรุงเทพโพลล์สำรวจผลงาน 1 ปี 6 เดือนรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ออกมาแล้วปรากฏว่า สอบตกเรียบทุกด้านเป็นเรื่องน่าคิด การที่รัฐบาลได้แค่ 3.79 จากคะแนนเต็ม10 และในฐานะนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ก็ได้คะแนนแค่ 4.48 จากคะแนนเต็ม 10 ครั้นจะหวังพรรคร่วมรัฐบาลมาช่วยเสริมคะแนนก็คงเป็นไปไม่ได้ จะหวังกลไกข้าราชการประจำ วันนี้ก็กำลังถูกจับตาว่าเข้าทฤษฎีหาคนดีมีฝีมืออื่นๆ ไม่ได้แล้วหรืออย่างไร... ด้วยเช่นกัน เพราะกำลังกระฉ่อนเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งข้าราชการระดับ 11 หรือระดับปลัดกระทรวง 15 ตำแหน่งกำลังวุ่นๆ ไม่น้อย โดยมีข่าวว่า อาจจะมีรายการดึง นายอำพน กิตติอำพน จากตำแหน่งเลขาธิการ สภาพัฒน์ ข้ามห้วยไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงการคลัง แต่เนื่องจากนายอำพนนั้น ฝีมือการทำงานที่ผ่านมาเป็นที่ถูกอกถูกใจพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างยิ่ง ทางพรรคภูมิใจไทยก็เลยอากจะให้ไปเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมากกว่า น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า หากนานๆ ไป นายอำพน จะเป็นเหมือนนายอานันท์ หรือไม่... ที่ใครๆ ก็อยากเรียกใช้บริการ ทั้งหมดจึงเป็นภาพสะท้อนชัดเจนว่า ในยามนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ มีปัญหาในเรื่องการเฟ้นหาคนดี คนเก่งมาร่วมงานเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องใหญ่ๆ ก็จะวนเวียน ดังนั้นก็ได้แต่หวังว่านายอานันท์นี่แหละ ที่จะช่วยให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้นมาได้บ้าง หากว่านายอานันท์จะทุ่มเทการทำงานจริงๆ และหวังว่าจะไม่ลืมคำพูดในอดีตที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า “สำหรับผมเองแล้ว ความผาสุก และสันติในสังคม จะเกิดขึ้นได้ ต้องมาจากความเอื้ออาทร และการเคารพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการเคารพในเรื่องความคิด...”