ที่มา ไทยรัฐ กระทรวงการต่างประเทศแย้มว่าสัปดาห์นี้จะมีข่าวดีบนเวทีโลกสำหรับประเทศไทย คิดอย่างไรก็ไม่ออกว่าประเทศไทยจะมีข่าวดี อะไร ถ้าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะเป็นข่าวดีของ รมว.ต่างประเทศและรัฐบาลชุดนี้มากกว่า
ผลโพลสอบถามชาวบ้านหลังเหตุการณ์พฤษภามหาโหด พบว่า ส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าวิกฤติบ้านเมืองจะจบลงง่ายๆ ไม่มั่นใจว่าความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ ไม่มั่นใจในแผนการปรองดองของรัฐบาล
ในเวทีโลกที่อยากจะเล่าให้ฟัง ว่ากันระดับนโยบายและพฤติกรรมส่วนตัวของ คุณกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ยุทธศาสตร์การต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้วางไว้ผิดฝาผิดตัว พอ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามารับตำแหน่งผู้นำ ก็แสดงท่าทีความเป็นมิตรกับอเมริกาเป็นกรณีพิเศษ
ในฐานะ ประธานอาเซียน ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะไม่ให้ความสำคัญหรือวางยุทธศาสตร์หลักความสัมพันธ์ในภูมิภาคนี้ ทำเอา จีนและประเทศในอาเซียน ด้วยกันข้องใจ เข้ามาเป็นรัฐบาลกว่า 1 ปีแล้ว ทั้งนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศก็ยังเดินทางไปเยือนประเทศในอาเซียนไม่ครบจนบัดนี้
จริงอยู่คนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนไปทำหน้าที่ในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็น คุณศุภชัย พานิชภักดิ์ หรือ คุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ แต่รัฐบาลก็จะอ้างเอาประโยชน์ตรงนี้เพื่อเครดิตของรัฐบาลไม่ได้ เนื่องจากบุคคเหล่านี้ ไปทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนคนไทยไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และตำแหน่งดังกล่าวก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นไปตามวาระที่กำหนดไว้
มีจุดสำคัญที่ละเลยไม่ได้นั่นคือ ความสัมพันธ์กับประเทศโลกมุสลิม พูดตรงๆว่าอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเรายังยึดนโยบายเอาใจอเมริกาอยู่ อย่างนี้ เพราะอย่าลืมว่าประเทศโลกมุสลิมก็ไม่เอาอเมริกาอยู่ในทีอยู่แล้ว เฉพาะในอาเซียน 10 ประเทศ มีอยู่สามประเทศที่แสดงความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับอเมริกา คือสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์และบ้านเรา ฟิลิปปินส์เริ่มจะชิ่งสิงคโปร์ เกี่ยวดองเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทย ทำท่าจะทุ่มสุดตัว เป็นคำตอบทำไมเราไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากประเทศตะวันออกกลาง
พฤติกรรมส่วนตัวสิ่งที่กระทบความรู้สึกของคนไทยก็คือ กรณีที่ คุณกษิต ภิรมย์ ไปพูดถึงการปฏิรูปสถาบันในวงสัมมนาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ
สื่อมวลชนที่นั่นให้ความสนใจเยอะมาก
จริงเท็จประการใด คุณกษิตไปเรียกร้องให้อเมริกามาช่วยหาทางเจรจาแก้วิกฤติการเมืองไทย อเมริกาก็เลยส่งเจ้าหน้าที่ด้านต่างประเทศเข้ามาพูดคุยกับฝ่ายเสื้อแดง พรรคฝ่ายค้าน และสุดท้ายมาคุยกับนายกฯ คุยกับ รมว.ต่างประเทศ แต่เผอิญว่าไปหาข้อมูลจากศัตรูของรัฐบาลก่อน ก็เลยเกิดความไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ ถึงกับใช้อำนาจทางด้านการทูตเรียกคนเหล่านั้นมาตำหนิ เฮ้อกระทรวงการต่างประเทศยุคนี้ไม่ไหวจะเคลียร์