WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, August 5, 2011

ทำไม กกต.ต้องรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์

ที่มา ประชาไท

ตาม ที่น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือร้องคัดค้านต่อ กกต. กรณีการรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อให้นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาไต่สวนในที่ประชุมของกกต.ด้วย เกรงว่าคณะกรรมการไต่สวน จะสรุปคำให้การของตนไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามเจตนารมณ์ โดยเหตุผลที่ยื่นคำคัดค้านการเป็นสส.ของนายจตุพร คือ การที่พรรคเพื่อไทย ให้การรับรองนายจตุพรเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ทั้งๆ ที่ นายจตุพร ถูกศาลอาญามีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัว ในคดีก่อการร้าย และถูกคุมขังเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา

ประเด็น นี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ คือ ประเด็นแรก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพราะถูกศาลอาญามีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัวในคดีก่อการร้าย และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ หรือไม่

ประเด็นที่สอง เกี่ยวเนื่องจากประเด็นแรก สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายจตุพร พรหมพันธุ์ สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่

รัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 (ฉบับคณะรัฐประหารฉบับนี้) ระบุไว้ในมาตรา 101 ว่าด้วย คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมาตรา 102 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครเป็น ส.ส. ซึ่งบุคคลที่จะสมัครเป็น ส.ส.นั้น ต้องมีทั้งคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามความที่ระบุไว้ใน 2 มาตรานี้

มาตรา 101 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนั้น ไม่มีข้อใดที่เกี่ยวข้องกับการถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เพราะกล่าวถึงโดยทั่วไป เช่นว่า บุคคลที่สมัครรับเลือกตั้งต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว ซึ่งนายจตุพร ก็มีคุณสมบัติตามมาตรานี้ ส่วนในมาตรา 102 ระบุลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เช่น ติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 100 (1) คือ ไม่เป็นภิกษุสามเณร นักพรต หรือนักบวช หรือ (2) อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ (4) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ​และข้อห้ามตามมาตรา 102 (4) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

โดยคุณสมบัติ ตามมาตรา 100 (3) ที่ว่า ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย นายจตุพรก็ไม่อยู่ในลักษณะต้องห้ามมิให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และหากจะพิจารณาว่าอาจเข้าข่ายไม่มีสิทธิเป็น ส.ส. ตามมาตรา 102 (4) ก็ไม่ได้ เพราะ (4) ของมาตรา 102 มีการห้ามต้องคำพิพากษให้จำคุกและถูกขังอยู่โดยหมายของศาล แต่นายจตุพรยังไม่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก

เมื่อพิจารณาทั้งสองมาตรา ประกอบกันแล้ว ไม่มีเหตุใดๆ ที่ทำให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่มีสิทธิได้รับการ ประกาศให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในมาตรา 105 [1] ว่าด้วยสมาชิกภาพของ ส.ส.เริ่มนับแต่วันเลือกตั้ง และ มาตรา106 ว่าด้วยเรื่องการสิ้นสุดลงของสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว นายจตุพร ก็ไม่เข้าข่ายการขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ตามมาตราดังกล่าว คือ ไม่เข้าข่าย ตามมาตรา 106 (4) (5) ที่อ้างว่าขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 101 และ มาตรา102 และ (11) เพราะนายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังไม่ถูกศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (ดูมาตรา 106 )

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อาจถูกเพิกถอนสิทธิการเป็น ส.ส.ได้ ด้วยเหตุเดียว คือ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 106 (6) ที่ระบุว่า คุณสมบัติอื่นตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งอาจมีข้อกำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวว่า การที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง ำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นประเด็นเล็กน้อย เพราะเหตุว่า การที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง เพราะศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ออกจากเรือนจำไปเลือกตั้ง

กรณีที่ศาล ไม่อนุญาตให้ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะการที่นายจตุพรตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและถูกควบคุมตัวในเรือนจำโดย ไม่ได้รับการประกันตัวนั้น เป็นปัญหาว่าด้วยสิทธิผู้ต้องหา ซึ่งต้องยึดถือหลักการว่า ก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคท้าย) ซึ่งหมายความว่า การที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับการประกันตัว เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะคนที่ยังไม่ถูกศาลวินิจฉัยว่าเป็นผู้กระทำผิด ต้องไม่นำตัวไปคุมขังไว้เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดนั่นเอง

ดังนั้น จึงเป็นการเสมาะสมและชอบยิ่งนักที่ กกต.ได้ประกาศรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพราะหากไม่ประกาศรับรอง เท่ากับว่า กกต.เป็นผู้ละเมิดหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญเสียเอง อันไม่เป็นผลดีต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหาษััตริย์ภายใต้รัฐ ธรรมนูญ ตามแบบอย่างของนานาอารยประเทศ


[1] มาตรา ๑๐๕ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง

มาตรา ๑๐๖ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ

(๑) ถึงคราวออกตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร

(๒) ตาย

(๓) ลาออก

(๔) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๐๑

(๕) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐๒

(๖) กระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๖๕ หรือมาตรา ๒๖๖

(๗) ลาออกจากพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิก หรือพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น ให้พ้นจาก การเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ที่ตนเป็นสมาชิก ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ลาออกหรือพรรคการเมือง มีมติ เว้นแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นได้อุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสามสิบ วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองมีมติคัดค้านว่า มติดังกล่าวมีลักษณะตามมาตรา ๖๕ วรรคสาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติดังกล่าวมิได้มีลักษณะตามมาตรา ๖๕ วรรคสามให้ ถือว่าสมาชิกภาพสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติดังกล่าว มีลักษณะ ตามมาตรา ๖๕ วรรคสาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นอาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย

(๘) ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ยุบพรรคการเมืองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้น เป็นสมาชิก และไม่อาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรค การเมืองอื่นได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสิ้นสุด สมาชิกภาพนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดหกสิบวันนั้น

(๙) วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพตามมาตรา ๙๑ หรือศาลฎีกามีคำสั่งตามมาตรา ๒๓๙ วรรคสอง ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติหรือศาลมีคำ วินิจฉัยหรือมีคำสั่ง แล้วแต่กรณี

(๑๐) ขาดประชุมเกินจำนวนหนึ่งในสี่ของจำนวนวันประชุมในสมัยประชุมที่มีกำหนดเวลา ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันโดยไม่ได้ รับอนุญาตจากประธานสภาผู้แทนราษฎร

(๑๑) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการ รอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท