ที่มา ปรุะชาไท
นายก รัฐมนตรีชี้แจงการบริหารประเทศในช่วง 2 ปีพร้อมเตรียมส่งมอบงานให้รัฐบาลชุดใหม่สานต่อ ยันประเทศไทยมีความเข้มแข็งทางด้านการเงินและมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลใหม่สามารถนำไปแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจได้ เผยมีเงินคงคลัง 3 แสนล้าน มากกว่าตอนรับตำแหน่งที่มีเพียง 5 หมื่นล้าน แถมจัดเก็บรายได้เกินเป้า 2 แสนล้าน
เว็บไซต์ สำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า วันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 20.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่บริหารประเทศ พร้อมกล่าวขอบคุณประชาชนและข้าราชการทุกคนที่ช่วยให้การบริหารประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสามารถฟันฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ไปได้ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ซึ่งสรุปสาระสำคัญว่า
ขณะนี้ได้มีการเปิดสมัยประชุมของสภาผู้แทน ราษฎร และได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว และจะมีการประชุมสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และมีการบริหารราชการแผ่นดินในนามของรัฐบาลใหม่
นายกรัฐมนตรีได้ กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลปัจจุบันได้พยายามอย่างเต็มความสามารถในการให้การเปลี่ยนผ่านทางการ เมืองให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนการรับรองผลการเลือกตั้ง โดยช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ได้มีการเตรียมการในการส่งมอบงานเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารราชการ แผ่นดินได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเตรียมการในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งรัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการ และมีการเตรียมงานไว้ชั้นหนึ่งแล้ว และจะให้รัฐบาลชุดใหม่ได้สามารถเข้ามาสานต่อ รวมถึงการแก้ปัญหาภัยพิบัติ อุทกภัยในหลายจังหวัด ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีการติดตามเฝ้าระวังในช่วงของการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล
นายก รัฐมนตรีกล่าวมั่นใจว่า การส่งมอบการบริหารราชการแผ่นดินในครั้งนี้ สถานะทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศเอื้อต่อการที่จะให้รัฐบาลใหม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะฐานะของประเทศมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลใหม่มีความยืดหยุ่นในการปรับนโยบายทางด้านการเงินการคลัง โดยเงินสำรองระหว่างประเทศขณะนี้มีสูงถึง 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากการรัฐบาลชุดก่อนที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีเงินสำรองอยู่ในลำดับที่ 13 ของโลก ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกและการท่องเที่ยวหรือการหารายได้เข้าประเทศมีการเติบ โตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง สำหรับฐานะการคลังในประเทศขณะนี้ มีเงินที่จัดเก็บรายได้เพิ่มเกินเป้าหมายงบประมาณถึงเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ฐานะการคลังนั้นมีความมั่นคง และจะทำให้การจัดงบประมาณสำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ทำได้คล่องตัวยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเงินคงคลัง ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 3 แสนล้านบาท มากกว่าตอนเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
นายก รัฐมนตรีกล่าวถึงหนี้สาธารณะของประเทศไทยว่า หากคิดเป็นสัดส่วนกับรายได้ประชาชาติแล้วได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 หรือต่ำกว่า ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบเคียงกับประเทศต่าง ๆ ในโลก ส่วนภาวะเศรษฐกิจทางด้านอื่น ๆ เช่น ภาวะการจ้างงานอยู่ในฐานะที่เข้มแข็งเป็นพิเศษ อัตราการว่างงานต่ำสุดเป็นประวัติกาล ในเรื่องของการมีเครื่องมือกลไกต่าง ๆ ที่จะรองรับกับความผันผวนในเรื่องของราคาน้ำมันกับต้นทุนต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันฐานะของกองทุนน้ำมัน ถ้ามีการคงนโยบายในการที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จะทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และกองทุนน้ำมันนั้นจะอยู่ในภาวะซึ่งไม่ติดลบในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนข้างหน้า
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวด้วยว่า ตอนที่เข้ามารับตำแหน่งเหมือนไฟเข้ามาไหม้บ้าน ขณะที่วันนี้ได้ดับไฟเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงนโยบายที่รัฐบาลได้ดำเนินการว่า หลายเรื่องมีความคืบหน้า อาทิ การจัดระบบสวัสดิการแบบถ้วนหน้า นโยบายเรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี การดูแลคนกลุ่มต่าง ๆ เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ เป็นต้น แต่ยอมรับว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระหลายคณะกรรมการ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมไปถึงการมีกฎหมาย หรือมาตรการต่าง ๆ ซึ่งยังค้างอยู่ แต่เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าไปพิจารณามาตรการ กฎหมาย และข้อเสนอแนะเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การมีสังคมที่มีความเป็นธรรม และมีสวัสดิการสำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
ด้านการต่างประเทศและ ความมั่นคง นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ปัจจุบันฐานะของประเทศไทย หลังจากประสบกับปัญหาวิกฤติมากมาย สังคมโลกมีความมั่นใจในประเทศไทยมากขึ้น และจากการดำเนินการหลาย ๆ อย่าง นำไปสู่การที่ประเทศไทยจะได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพในงานระดับโลก หรืองานระดับระหว่างประเทศ ทั้งเวทีเศรษฐกิจ การกีฬา โดยหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้สานต่อและทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการ เป็นเจ้าภาพดังกล่าว
ด้านความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ขณะนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นยกเว้นในกรณีที่มีข้อพิพาทกับทางกัมพูชา ส่วนปัญหาภายในประเทศที่กระทบต่อความมั่นคง เช่น ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหายาเสพติด รัฐบาลใหม่คงจะได้มีการสานต่อ และสามารถดำเนินทิศทางของนโยบายนำไปสู่ความสงบสุขต่อไป ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้มีกระบวนการของการค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ความขัด แย้งในอดีต โดยมีคณะกรรมการอิสระ และหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้สานต่อในแนวทางนี้เพื่อนำไปสู่ความจริงและยก สถาบันต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เหนือความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันอื่น ๆ ซึ่งมีภาระหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรต่าง ๆ ตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าหากทำได้เช่นนี้เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่การบริหารงานของรัฐบาลใหม่จะ สามารถนำไปสู่การยุติความขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ
จาก นั้นนายกรัฐมนรีได้กล่าวขอบพระคุณพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนที่ช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นำพาประเทศชาติฟันฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีบางปัญหาซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ หรือไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่ทำไว้นั้นจะเป็นฐานในการที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่อ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทุกคนต่อไป