ที่มา Thai E-News
โดย แอนดรูว์ วอล์กเกอร์
แปลโดย: ดวงจำปา
ดร.แอนดรูว์ วอล์กเกอร์ นักวิชาการด้านมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย
หมายเหตุไทยอีนิวส์:เมื่อ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ ดร.แอนดรูว์ วอล์กเกอร์ ได้เขียนบทความเรื่อง"จดหมายถึงเมืองไทย"ลงในเวบไซต์ New Mandala ตั้งข้อสังเกตของเขา ในมุมมองของนักวิชาการด้านมานุษยวิทยา ต่อ จดหมายจากตระกูลวิวัชรวงศ์ ลงวันที่ 29 ก.ค. 54 ซึ่งเขานำเสนอในเวบไซต์เดียยวกันก่อนหน้านี้
ต่อ มาคุณดวงจำปา ได้แปลบทความนี้เผยแพร่ลงในเวบบอร์ด Internet Freedom ไทยอีนิวส์ได้นำฉบับแปลมานำเสนอ โดยได้เซ็นเซอร์ข้อความต่างๆที่พาดพิงถึงบุคคลที่สามออกทั้งหมดแล้ว
ตั้งแต่ เวปไซต์นิว แมนเดล่า ได้โพสต์เรื่องของ จดหมายที่กล่าวอ้าง จากลูกชายทั้งสี่คนของ(เซ็นเซอร์)เมื่อค่ำของวันพุธที่ผ่านมา มีความสนใจกันมาก จนเป็นเรื่องประเด็นร้อนกับผู้อ่านหลายพันท่าน ที่ได้เข้ามาอ่านจดหมายฉบับนี้.
เมื่อผมได้โพสต์ลงไปนั้น, ผมได้กล่าวว่า ผมไม่สามารถที่จะรับประกันว่า มันจะเป็นจดหมายของแท้ได้ ในตอนนั้น ผมมีความปักใจเชื่อประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นของจริง (ถ้าคุณสามารถนำเอาตัวเปอร์เซ็นต์มาวัดกันกับเรื่องแบบนี้)
แต่ในตอน นี้นั้น ไม่ว่าจะมันมีค่ามากมายแค่ไหนก็ตาม ระดับความมั่นใจของผมนั้น ได้เพิ่มขึ้นไปประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลบางส่วนที่ผมได้รับเพิ่มเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ในแง่มุมบางประการนั้น เรื่องการแจ้งที่ว่า จดหมายฉบับนี้เป็นของแท้นั้น มีความสำคัญน้อยกว่า ในเรื่องความสำคัญของทางด้านจารีตประเพณีที่เคยปฎิบัติกันมา เนื่องจากว่าผมเป็นนักมานุษย์วิทยา บ่อยครั้ง ผมจะให้ความสนใจในความหมายหลายๆ ด้าน ในเรื่องสิ่งที่สร้างประดิษฐ์ตามจารีตวัฒนธรรม มากกว่าในเรื่องของความแท้จริง ที่สังเกตเห็นได้ด้วยตาตนเอง
ดังนั้น ผมก็ขอสวมหน้าที่ของนักมานุษย์วิทยาก่อน ผมคิดว่า มันมีเหตุผล สี่เรื่องที่เชื่อมโยงกันว่า ทำไมจดหมายฉบับนี้ –ไม่ว่ามันจะจริงหรือปลอมก็ตาม – ที่แท้แล้ว มันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในแง่มุมของจารีตประเพณี.
ประการแรก, มันเป็นตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง ของรอยร้าวที่เห็นจากภายนอก ในด้านการประชาสัมพันธ์ของทางฝ่าย(เซ็นเซอร์)ไทย, เรื่องที่เป็นลำดับยอดต้นๆ ก็คือ ความอลหม่านในเรื่องเครื่องบิน(เซ็นเซอร์)ที่ประเทศเยอรมัน และ ระยะเวลาห้าปี ของการจมดิ่งในสัญญลักษณ์ของทางฝ่าย(เซ็นเซอร์) จากเรื่องการแก่งแย่งชิงดีในทางการเมือง
มันไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลก ประหลาดอะไรเท่าไร ที่รอยร้าวที่แตกออกมากมายขนาดนี้ ได้แตกสาขามาจากรูปของ ประเภท “ลุยยิบตา” อย่าง(เซ็นเซอร์)เอง มันก็ยังมีความไม่พึงพอใจที่แสดงให้เห็นอย่างลับๆ ในแง่ของพูดใส่ร้ายปลุกปั่นยุยง อยู่อย่างเสมอในสังคมไทย
แต่เทคโนโล ยี่สมัยใหม่ทางด้านการสื่อสาร มันก็หมายถึงว่า พวกเนื้อหาสาระอันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งหลาย ก็สามารถถูกเผยแพร่กระจายอย่างเรียบร้อยฉับพลัน บทความเรื่องเล่า, รูปภาพ, จดหมายเหตุและอีเมล์ ได้รับความนิยม เสมือนพลังอันแสนวิเศษ ที่ทำให้เรื่องเล็กๆ ง่ายๆ กลายเป็นการขยายไปถึงการกระพือข่าวจากพวกเขาได้
พลัง อำนาจนี้ ได้ถูกยกระดับขึ้นมา เมื่อขณะที่(เซ็นเซอร์) และ สถาบัน(เซ็นเซอร์) ได้อ่อนกำลังลงโดยทั้งทางธรรมชาติ และทางตัวสถาบันเอง
ประการที่สอง, ที่สามารถชี้เฉพาะให้เห็นชัดกว่า ก็คือว่า จดหมายฉบับนี้ ได้ตอกเข้าไปในหัวใจขององค์ประกอบหลัก ในการพรรณาเล่าเรื่องของเหล่า(เซ็นเซอร์)รุ่นใหม่ของไทย
การเล่า เรื่องนั้น เป็นเรื่องของคุณพ่อท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่ชาญฉลาด และมีจิดใจที่ดีเปิดกว้าง (ระดับชาติ) ซึ่งมีความห่วงใยต่อลูกๆ (ประชาชน) ของท่าน จดหมายนั้นได้เสนอถึง การเล่าบรรยายที่กลับกันอย่างล้ำลึก ซึ่งไปโค่นล้มความรู้สึก ของคนที่เป็นพ่อซึ่งมีจิตใจโหดเหี้ยม และปราศจากความห่วงใยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ละทิ้งลูกของตนเองอย่างน่างงงวย ถอดถอนยศฐาบรรดาศักดิ์ออกไป และแถมยังตัดการสื่้อสารทุกรูปแบบกับพวกเขา
มัน เป็นเรื่องที่ลำบากใจอย่างมาก ต่อการมอบสถาปนาตำแหน่ง(เซ็นเซอร์)ให้กับ (เซ็นเซอร์)ด้วยภาพรักของ(เซ็นเซอร์)ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณา เหมือนกับ(เซ็นเซอร์)ปัจจุบันได้
จดหมายนี้เป็นข้อชี้แนะว่า มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และไม่เพียงแต่(เซ็นเซอร์)เท่านั้น ที่ภาพรักของความเป็นพ่อได้กำลังถูกท้าทายอยู่ แต่ครอบครัวของ(เซ็นเซอร์)ทั้งหมดก็ถูกติดพันไปกับในเรื่องที่น่าทึ่งเหล่า นี้ด้วย:
ทุกๆ ปี เราได้เขียนจดหมายถึงคุณปู่คุณย่าของเรา,(เซ็นเซอร์), คุณพ่อของเรา, คือ(เซ็นเซอร์) และคุณน้าของเรา คือ (เซ็นเซอร์) เราได้เขียนเพื่อที่จะให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่ในคราวล่าสุดของพวก เรา โดยอธิบายพวกเขาให้ทราบถึง ความก้าวหน้าในการเรียนด้านวิชาการต่างๆ รวมไปถึงเรื่องทางการแพทย์ หรือ แม้กระทั่ง ส่งความปรารถนาดีไปยัง(เซ็นเซอร์) เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่หรือวัน(เซ็นเซอร์) อย่างไรก็ตาม ไม่มีท่านผู้ใดเคยตอบจดหมายที่เราส่งไปให้เลย การสื่อสารนั้น เป็นอยู่ทางฝ่ายเดียวโดยเสมอ
ประการที่สาม, เรื่องเล่าของความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ประสบความล้มเหลว ซึ่งอาจที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจที่แพร่ขยายกว้างออกไปทั่ว ประเทศ ในระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ความกังวลขนานใหญ่ ได้ถูกแสดงออกมา เกี่ยวกับความอับอายขายหน้าระดับชาติ ที่โยงไปถึง “การสูญเสีย” ดินแดนไม่กี่ตารางกิโลเมตร ที่เป็นป่าเตี้ยๆ มีลมพัดแรง อยู่ตรงเขตชายแดนของประเทศกัมพูชา
“ประเทศไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนให้กับผู้ใด แม้แต่หนึ่งนิ้ว”ที่นักชาตินิยมเขากรีดกราดเรียกร้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่เรื่องการสูญเสีย – หรือการถูกเนรเทศ – ของผู้มีสายเลือดไทยอยู่ล่ะ; แถมยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ(เซ็นเซอร์)ด้วย?
“เป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ที่เราไม่เคยเข้าไปเหยียบผืนแผ่นดินไทยของเรา และเราคิดถึงประเทศของเราเกินกว่าที่จะพรรณาได้”จดหมาย ได้บอกบ่งถึง เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจของประชาชนสัญชาติไทยสี่คน, ซึ่งเป็นหลานชายของ(เซ็นเซอร์) และ ได้ถูกขับไสไล่ส่งออกมาจาก “บ้านช่อง” ในประเทศไทยที่เขารัก ถูกเฉดหัวเหมือนกับผู้ที่หนีเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย.
“เมื่อ ตอนที่พวกเรายังเล็กอยู่, เราไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงกับชีวิตของพวกเรา หรือ เราก็ไม่สามารถที่จะจับความได้ว่าทำไม พวกเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศที่พวกเรารักเป็นอย่างยิ่ง”ความ มั่นใจที่ว่าผู้คนทั้งประเทศจะโอบอ้อมใจให้นั้น สามารถสิ้นสลายลงไปได้ เมื่อพลเมืองที่มีสถานะดังกล่าว สามารถถูกขับไสไล่ส่งออกมาอย่างง่ายๆ แบบนี้
และประการสุดท้าย, มีเรื่องของความกังวลที่ยังวนเวียนอยู่ในเรื่องการสืบ(เซ็นเซอร์) ไม่เพียงแต่(เซ็นเซอร์)ที่จะถึง แต่ยังเป็น(เซ็นเซอร์)ต่อจาก(เซ็นเซอร์)นั้นด้วย (เซ็นเซอร์)ของไทย ก็ไม่เพียบพร้อมอย่างแน่วแน่นักในเรื่องของ(เซ็นเซอร์)ฝ่ายชาย ที่จะเป็นผู้จุดประกายสร้างความมั่นใจให้กับประเทศชาติ
การปรากฎตัว ของเด็กหนุ่มทั้งสี่คน (ในระดับ[เซ็นเซอร์]) ซึ่งได้มีพันธะอยู่ กับการเป็นบุคคลใน(เซ็นเซอร์)ชั้นสูงจากทางสายเลือด อาจจะทำให้เกิดการกระทำแปลกๆ ขึ้นมาได้.
ผมยังเคลือบแคลงใจว่า มีประชาชนคนไทยเท่าไรที่จะชอบใจอย่างจริงจังที่ว่า หนึ่งในลูกชายทั้งสี่คนนึ้ จะมาขึ้นครอง(เซ็นเซอร์)เป็น(เซ็นเซอร์)ได้ แต่จดหมายของพวกเขานั้น เป็นการเตือนใจอย่างกระอักกระอ่วน ในเรื่องของความสามารถในการสร้าง(เซ็นเซอร์) เพื่อที่จะสืบเชื้อสายต่อไปอีกหลายๆ แห่ง
บางคนอาจจะคิดว่า แนวคิดของ -- การที่คนไทยคนหนึ่ง ซึ่งเติบโตและได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี และอาศัยอยู่ในต่างประเทศแถบตะวันตก สามารถขี้นมาเป็น(เซ็นเซอร์)ได้นัั้น--- เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย
แต่ มันเป็นเพียงภาพที่สะท้อนให้เห็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เพื่อที่จะตระหนักให้ทราบว่า เรื่องต่างๆ นั้น มันไม่เป็นไปตามอย่างที่เคยวางแผนกันไว้โดยเสมอไป
******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:จดหมายจากตระกูลวิวัชรวงศ์ ลงวันที่ 29 ก.ค. 54