ที่มา มติชน
เมื่อวันที่ 13 กันยายน เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า สื่อกัมพูชารายงานคำกล่าวของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องการเดินทางเยือนกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนจะให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยจะเปิดสำนักนายกรัฐมนตรีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ในฐานะมิตรแท้ และในฐานะวิทยากรคนหนึ่งสำหรับการสัมมนาเกี่ยวกับเศรษฐกิจเอเชีย และขออย่ามาสั่งให้จับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านของไทย หรือรัฐบาลไทย เพราะนี่คือดินแดนกัมพูชาและเป็นสิทธิของตน และจะมีการเลี้ยงรับรองที่สำนักนายกรัฐมนตรี
สมเด็จฯฮุน เซน กล่าวถึงเรื่องผลประโยชน์น้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่า ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณนั้น มีการเจรจาอย่างเปิดเผย มีคณะกรรมการร่วม 2 คณะ คือสำหรับกำหนดเขตแดน และเกี่ยวกับพื้นที่พัฒนาร่วม แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความเห็นชอบอะไรทั้งสิ้น และไม่สามารถมีเรื่องผลประโยชน์ซ่อนเร้นอย่างหนึ่งอย่างใด อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ยกขึ้นกล่าวหา
"ผมต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ฝ่ายไทยได้ทราบ ผู้ใดเปิดการเจรจาลับ? ในยุคของทักษิณ การเจรจาก็ทำอย่างเปิดเผย ส่วนสมัคร สุนทรเวช มากรุงพนมเปญก็พูดกับผมเปิดเผยในการเจรจา หากแต่ต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เขาว่าเป็นรัฐบาลโปร่งใส ผมไม่ได้เตรียมตัวหารือกับสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบฝ่ายความมั่นคงของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่อย่างใด" สมเด็จฯฮุน เซน กล่าว
"นายสุเทพมากัมพูชาสามครั้ง เขาคงลืมไป ครั้งแรกในเดือนเมษายน ตอนนั้นมาไกล่เกลี่ยเพื่อรับรองให้ผมไปพัทยาร่วมการประชุมอาเซียน หลังจากมีเรื่องในสภาไทยที่กษิต ภิรมย์ เรียกผมว่าเป็นนักเลง ต่อมาก็มีทำหนังสือขอโทษ ภายหลังนายสุเทพก็มากัมพูชาอีกพร้อมกับรัฐมนตรีกลาโหม แล้วก็ได้มีการหารือเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องน้ำมันเลย วันที่ 27 มิถุนายน ภริยาผมทำอาหารเลี้ยงส่วนตัวคือทำแกงเลียง ให้เขารับประทาน
หากแต่เรื่องที่แปลกคือ นายสุเทพได้เอาเอกสารแผนที่เกี่ยวกับบล็อกน้ำมันในทะเลมาด้วย แล้วเขาได้แจ้งว่า อภิสิทธิ์ได้แต่งตั้งเขาให้มาเจรจากับสมเด็จฯฮุน เซน ให้เสร็จภายในสมัยของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ดังนั้น เขาไม่ต้องการเจรจากับรองนายกรัฐมนตรี ซก อาน เขาต้องการเป็นคู่เจรจากับ ฮุน เซน เท่านั้น ผมได้แจ้งกลับไปว่า ผมมีรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเจรจาเรื่องนี้ ไม่สามารถเป็นคู่เจรจากับ ฯพณฯ ได้ สุเทพต้องการยกตัวให้เสมอกับฮุน เซน เรื่องการเจรจาบนพื้นที่ทางทะเล ซึ่งการเจรจาเบื้องต้นได้เกิดขึ้นที่ตาเคมา จ.กัณดาล ที่ตอนนั้น เราได้ต้อนรับเขาด้วยแกงเลียง แล้วก็ขณะที่มาพบนั้นไม่มีประเด็นอื่นอีก การเจรจาลับเริ่มต้นจากตาเคมา ส่วนการเจรจาที่ฮ่องกงและที่คุนหมิง ประเทศจีน เป็นเรื่องถัดมา"
สมเด็จฯฮุนเซน ยังกล่าวพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ว่า "ถ้าไม่ชัดเจนอย่าพูด นำคนต่อต้าน ผมไม่ต้องการพูดถึง หรือว่าผมต้องสอนอภิสิทธิ์อีก เมื่อตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ผมก็สอนแล้วสอนอีก ตอนนี้ผมยังต้องสอนอีกหรือ ผมขอแนะนำไปถึงอภิสิทธิ์และสุเทพที่กรุงเทพฯ ว่า ใครคนไหนหอบเอาเอกสารมาที่บ้านผมที่ตาเคมา สุเทพรับรู้เรื่องนี้ ใครคนไหนหอบเอาเอกสารไปที่ตาเคมา ผมไม่รับรู้ด้วย ดังนั้น ขอให้ฝ่ายไทยไปดูไปตรวจสอบ เรื่องที่มาลักลอบเจรจาลับอย่างนั้น"
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กันยายน นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่สมเด็จฮุนเซ็น ระบุว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯได้เข้าเจรจาลับที่บ้านพักส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซ็น นายกษิตกล่าวว่า ไม่มีคำว่าเจรจาลับ ตามหลักปฏิบัติ จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการกับไม่เป็นทางการ บางครั้งต้องไปจับเข่าคุยกันภายในก่อน จึงเข้าสู่การเจรจาบนโต๊ะ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดเป็นประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ซึ่งในช่วงนั้นเมื่อเจรจาแล้วนายสุเทพก็กลับมารายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องรับทราบ โดยการทำหน้าที่ของนายสุเทพเป็นไปตามมติครม.ที่ตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ฝ่ายไทยในเรื่องผลประโยชน์และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซ็นระบุว่านายสุเทพต้องการยกตัวเองขึ้นเจรจาเทียบชั้นสมเด็จฮุน เซ็น นายกษิตกล่าวว่า ไม่จริง สมเด็จฮุนเซ็นจะพูดอะไรก็ได้ เพราะสมเด็จฮุนเซ็นมีความรู้สึกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์หรือตนทำตัวเป็น ปฏิปักษ์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะแง่ความช่วยเหลือและการลงทุนต่าๆงไทยก็ดำเนินการให้กัมพูชาหลายเรื่อง ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเปิดใจเท่านั้นเอง ในการปะทะก็แค่เฉพาะจุด สมเด็จฮุนเซ็นอยากจะทะเลาะกับเราที่อาเซียนเราก็ไป ยูเนสโกเราก็ไป ยูเอ็น ศาลโลกเราก็ไป เพราะเราใช้การเจรจาเป็นตัวตั้ง ทั้งนี้ เป็นเพราะเรามาเป็นรัฐบาลในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็น โมฆะและสมเด็จฮุนเซ็นได้ตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา จึงเป็นปฏิกิริยาต่อการกระทำของสมเด็จฮุนเซ็นเอง จะมาโยนภาระความผิดให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ แม้เราจะแพ้เลอืกตั้งไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ก็ต้องปกป้องประโยชน์ประเทศ ทำเป็นกรอบเสนอต่อรัฐสภาเห็นชอบ โดยต้องยึดว่าเกาะกูดเป็นของไทย
“ทั้งนี้แม้สมเด็จฮุนเซ็นจะบอกว่ากับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพื่อนรักกัน แล้วจะมาพัวพันกับเรื่องประโยชน์ของชาติ ก็ถือเป็นความผิดของสมเด็จฮุนเซ็น ซึ่งรับไม่ได้ ฝ่ายค้านก็ต้องค้าน ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งยอมไม่ได้เด็ดขาด ให้ผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว ส่วนพรรคการเมือง มาพัวพันประโยชน์ชาติ ผมหวังว่ารัฐบาล 15 ล้านเสียง จะทำเพื่อเสียงของคนไทยทั้งหมด 65 ล้านคน”นายกษิตกล่าว