ที่มา thaifreenews
โดย bozo
เขียนโดย JJ_Sathon
เมื่อพูดถึงภัยพิบัติ ช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องน้ำท่วม
ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าหนังสือพิมพ์ จากทั่วทุกภาคของประเทศไทย
โดยเฉพาะภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น พายุ แผ่นดินไหว สินามิ ฝนตก ฟ้ารั่ว
หรือแม้กระทั่ง โลกร้อน ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเลี่ยงไม่ได้
ทว่า สิ่งเหล่านี้ มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับ เป็นเรื่องที่พูดคุยตามหลักของเหตุและผล
หรือใช้หลักวิชาการมาวิเคราะห์แล้วทำให้น่าเชื่อถือได้
แต่ถ้าเป็นสิ่งลี้ลับ ดวง ความเชื่อทางพุทธศาสตร์
หรือแม้กระทั่งการเดาเหตุการณ์ที่เป็นไปตามแรงศรัทธาล่ะ "โหร" เท่านั้น จะบอกเราได้ ...
พอๆกับเหตุการณ์ทางการเมืองและสังคม ที่มีความแตกแยก ปั่นป่วน สับสน
และเกิดอาชญากรรม มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีโหรดังหลายคนได้ทำนายทายทักมาแล้ว ซึ่งเป็นจริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็คละเคล้ากันไป
ที่น่าสนใจก็คือว่า แล้ว"มหันตภัย" ที่มีโอกาสเกิดขึ้น
ในปี 2554 ถึงกลางปี 2557 แล้วส่งผลกระทบกับความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองอย่างรุนแรงนั้น
เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่สำคัญจะแก้อย่างไร เหล่านี้จึงเป็นที่สงสัยอยู่ไม่น้อย
"กรหริศ บัวสรวง" หนึ่งใน "หมอดู" ชื่อดัง และ "ศาสตร์แห่งโหร" ของสำนักพิมพ์มติชน
ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มรุนแรงว่า
มีสาเหตุมาจากอิทธิพลของดาวเสาร์ ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้ว่าเป็นดาวที่ให้ผลร้ายมากที่สุด
เพราะส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ "พระราหู" ซึ่งไม่ใช่ดาวในระบบสุริยะจักรวาล
แต่เป็นเพียงจุดคราสหรือจุดเส้นทางโครจรของดาวที่ตัดกัน (node)
และเป็นส่วนของหัวมังกร ที่ทำให้เกิดความมัวหมอง
แต่โหราศาสตร์ฝ่ายเทวนิยมถือว่า พระราหูเป็นดาวองค์หนึ่งในเทพยดาอัฏฐเคราะห์
จึงนิยมบูชาแทบทุกวัด แม้อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดความวิบัติ
จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ในปีนี้พระราหูมีการโคจรเข้าสู่ภพมรณะดวงของประเทศ
ดวงเมือง และดวงโลก มีฤทธิ์มากเพราะได้มาตรฐานมหาอุจ
บรรดาลให้เกิดเรื่องร้ายแรง นั่นก็หมายความว่า จะเกิดการสูญเสียดินแดน
บางประเทศหายไปจากแผนที่โลก เช่น
ประเทศในทิศตะวันตกเฉียงเหนือแถบประเทศญี่ปุ่นและหมู่เกาะต่างๆ
รวมถึงประเทศที่แยกตัวจากสหภาพโซเวียต ประเทศในแถบแอฟริกา
และอเมริกาใต้ ภายในเวลา 3 ปีนี้
ส่วนประเทศไทยบางจังหวัด แทบจะไม่เหลือผืนแผ่นดินทำกินและที่อยู่อาศัย
ตลอดจนบังเกิดความโชคร้าย ทำสิ่งอันใดก็สำเร็จได้ยาก
เนื่องจากการโคจรของดาวพฤหัสที่เป็นองค์ประธานของฝ่ายศุภเคราะห์
ถอยหลังเมื่อวันที่1ก.ย.ที่ผ่านมา กล่าวคือ ดาวพฤหัสเป็นศูนย์รวมของประเทศ
และกว่าจะเป็นปกติก็ต้องรอไปจนถึงวันที่24มี.ค.55 เพราะเป็นปีที่เปลี่ยนเป็นนักษัตรมะโรง
มากกว่านั้นดาวเสาร์ที่เป็นบาปเคราะห์ เข้ามาสั่นคลอนดวงเมือง
และดวงโลก ทำมุม 180 องศา จะเกิด "ดวงแตก" หรือ "พระเสาร์เขย่าโลก"
ในวันที่16พ.ย.54นี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจ การเงิน และตามความหมายของภพที่ 7 ก็คือ
การส่งออกไปต่างประเทศจะตกต่ำ เพราะเผชิญพิษเศรษฐกิจที่รุนแรงอย่างทั่วถึง
แต่ก็จะไม่บังเกิดผลทันทีทันใด
เนื่องจากดาวเสาร์เป็นธาตุไปที่ค่อยๆ มอดไหม้ กัดกร่อนไปทีละอย่าง
ทำให้ทุกประเทศตั้งตัวแทบไม่ทัน รวมถึงอิทธิพลของดาวอังคาร
ก็จะทำให้การคลังของประเทศ สถาบันการเงิน ตลาดหุ้น กระเทือนถึงขั้นวอดวาย
ยิ่งเมื่อถึงวันที่31มี.ค.-16พ.ค.55 ก็จะทำให้เกิดความชะงัก จนแก้ไขไม่ได้
ที่สำคัญก็คือว่า ดวงกรุงรัตนโกสินทร์มีดาวอังคารเป็นตนุลัคน์คือเพศชาย
และดาวอาทิตย์ที่กุมลัคน์อยู่นั้นก็เป็นตนุเศษที่เป็นเพศชายอีก
นั่นก็หมายความว่า สตรีเป็นอาเพศในแผ่นดิน หรือไม่เหมาะสมในการเป็นผู้นำ
เพราะในทางทักษาดาวเสาร์ถือว่าเป็นกาลกิณีจร
จะทำลายความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ การคลัง เกิดความย่อยยับ
ปกป้องชาติให้พ้นภัยพิบัติ 5 ประการ
อ.กรหริศ ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" อีกว่า 5 ประการ
ที่จะเป็นการช่วยให้ประเทศพ้นจากภัยพิบัติมีดังนี้
1.รักษาไว้ซึ่งโครงสร้างการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจของนักลงทุน
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกชนิด การท่องเที่ยว การส่งออก ประกันต่างๆ ตลาดหุ้น
รวมไปถึงพ่อค้าขายของริมถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการขาดทุน
เนื่องจากเงินเฟ้อ สินค้าทุกประเภทขึ้นราคา มีการกักตุน เป็นหนี้นอกระบบมากขึ้น
2.ภัยภิบัติทางธรรมชาติจะเกิดความรุนแรงเป็นช่วงๆ ทั่วประเทศ
แต่จะหนักมากขึ้นและมีคนเสียชีวิตนับแสนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และจังหวัดทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึงเกิดสถานกรณ์ที่ร้ายแรง
ยากที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้โดยอุกรณ์หรือเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
3.สังคมจะเต็มไปด้วยคนไร้คุณภาพ ประกอบกับไม่มีงานทำ
จึงต้องหันไปประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย ฆ่าชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ขาดระเบียบวินัย
ครอบครัวแตกแยก คนในสังคมไม่เกรงกลัวบาปกรรม และที่สำคัญคือ
จะเกิดการสูญเสียดินแดนเพราะมีคนไทยเป็นไส้ศึก
4.รักษาไว้ซึ่งสถานภาพทางเศรษฐกิจ การคลังของประเทศ
โดยไม่นำเงินไปใช้ในโครงการที่เป็นประชานิยม
เพราะจะเกิดผลเสียต่อประเทศ ให้ให้คนรากหญ้า เกษตรกร
เป็นหนี้จากโครงการต่างๆ จนกลายเป็นหนี้นอกระบบ และ
5.การธำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ หรือไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงใด
ที่เกิดจากการกระทำของฝ่ายการเมือง หรือกลุ่มคนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนการสร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ ก็เปรียบเสมือนเป็นการแก้ดวงเมือง
ให้พ้นจากความเป็นพินทุบาทว์จากดาวเสาร์
เนื่องจากว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดไปแล้วนั้น ยากเกินกว่าจะแก้ไข
นอกเสียจากกุศลหรือความเชื่อที่สามารถช่วยให้พ้นเคราะห์
อีกทั้งพลังที่เราเชื่อว่า สามารถแก้ไขด้วยการสร้างกุศล
หรือด้วยการสวดนพเคราะห์ สวดแก่อาถรรพ์อุบาทว์ ต่อด้วยการสวดครูธรรม
ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ และอัญเชิญปวงเทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน
รวมถึงพิธีไหว้ครูและครอบครูทุกสาขาอาชีพ เพื่อความเป็นสิริมงคล ...
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาเป็นเพียง "ศาสตร์ทางโหร" ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะเป็นจริง
หรือจะไม่เกิดเลย เพราะความเชื่อเหล่านี้ไม่สามารถหักล้างความเป็นวิทยาศาสตร์
ขณะเดียวกัน "วิทยาศาตร์" ก็ไม่สามารถงัดเหตุผลใดมาลบล้างความเชื่อ
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศาสตร์แห่งโหรได้เช่นเดียวกัน
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ....
ขอขอบคุณ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316001485&grpid=01&catid=&subcatid=
http://www.go6tv.com/2011/09/blog-post_15.html