ที่มา มติชน
โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ
(ที่มา คอลัมน์ที่เห็นและเป็นไป หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 18 กันยายน 2554)
ค่า แรงขั้นต่ำ 300 บาท กลายเป็นวาระสำคัญที่สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ออกอาการชัดว่าปวดหัวกับการดูแลปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสมาชิก โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี หรือธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย ร้องกันเสียงหลงเกรงว่าจะไม่รอด จน เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ชักจะเริ่มลังเล บอกว่าจะสำเร็จชัดเจนได้ต้องใช้เวลา 4 ปี ซึ่งครบเทอมรัฐบาลพอดี
เช่น เดียวกับการรับจำนำข้าว เกิดการออกมาต่อต้านกันเป็นขบวนการ เพราะไปทุบหม้อข้าวกลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจนี้เข้าอย่างจัง เครือข่ายที่เคยดูแลกันอยู่จึงออกมาช่วยร่วมด้วยช่วยกันถล่มไม่ยั้ง จนเสียงจากกระทรวงพาณิชย์บางสายเริ่มออกอาการแปร่งๆ
ยังอีกหลายนโยบายดูแล้วยากจะเดินไปข้างหน้า
เหมือนกับรัฐบาลจะย่ำแย่ จะไปไม่รอดเสียแล้วตั้งแต่เริ่ม
เพียงแต่นั่นเป็นมุมมองของฝ่ายตรงกันข้าม หรืออย่างมากที่สุดคือ ฝ่ายที่เป็นกลางๆ
ใน บ้านเมืองที่ความแตกแยกยังเป็นตัวนำความคิด พวกใครก็พวกมัน ถ้าไปคุยกับฝ่ายพรรคเพื่อไทยที่ลึกถึงกลุ่มที่กำหนดยุทธศาสตร์การเมืองสัก หน่อย
จะพบว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดเหมือนกับที่หลายๆ คนคิด
ความ จริงที่คนพรรคเพื่อไทยประจักษ์อยู่ในใจคือ ชัยชนะของพรรคที่ทำให้กลับมามีอำนาจจัดตั้งรัฐบาลได้ในขณะนี้ แทบไม่เกี่ยวกับกระแสที่พยายามโจมตี
ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยโดนกระแสกระหน่ำหนักกว่านี้ หนำซ้ำถูกกลไกอำนาจรัฐเล่นงานทุกวิถีทางเพื่อให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้ได้
โดนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น พรรคเพื่อไทยยังเอาชนะกลับมาเป็นรัฐบาลได้
ถึง วันนี้ เมื่อการโจมตียังเหมือนเดิม คนเกลียดก็รุมถล่ม คนที่หวั่นวิตกว่าผลประโยชน์ของตนจะถูกกระทบก็ช่วยซ้ำ ฝ่ายค้านเล่นบทปกติคือมุ่งทำลาย
เมื่อก่อนหนักกว่านี้หลายเท่า เพราะถึงตอนนี้กลไกอำนาจรัฐบางส่วนพรรคเพื่อไทยจัดการให้มาอยู่ในคอนโทรลได้ระดับหนึ่งแล้ว
เสียงความไม่พอใจในผลงานรัฐบาลที่กระหึ่มอยู่ เป็นจากพวกที่ไม่เคยคิดจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
ดัง นั้น ในมุมมองของพรรคเพื่อไทยต่อกระแสเหล่านี้ แม้จะเป็นเสียงที่ละเลยไม่ได้เพราะอย่างไรเสียก็เป็นคนไทยที่เห็นว่าตัวเอง เดือดร้อน และรัฐบาลมีหน้าที่แก้ไข แต่นั่นแม้จะเป็นงานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน
เป็นงานยังรอได้ รอให้ความพร้อมมากกว่านี้ค่อยจัดการก็ได้
พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นเสียด้วยซ้ำว่ากระแสเสียงเหล่านี้ไม่กระทบกับรัฐบาล หากรัฐบาลจัดการเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนกว่าได้สำเร็จ
นั่นคือ เรื่องที่จะเยียวยาคนเสื้อแดง
ต้อง ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเข้ามาเพราะกลุ่มม็อบเสื้อแดงมีความหวังว่าความ เดือดร้อน ความเจ็บช้ำน้ำใจของพวกเขาจะได้รับการเยียวยา
การกระชับ พื้นที่ที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บ ล้มตายจำนวนหนึ่ง และต้องติดคุก ถูกจองจำอีกจำนวนมาก เป็นงานเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องหาทางเยียวยา
เพราะประชาชนส่วนหนึ่งที่เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามา หวังว่าเมื่อมีอำนาจแล้วจะเร่งมาทำหน้าที่นี้
เวลาในคุกเพียงวันเดียว ย่อมยาวนานด้วยความทุกข์กว่าอยู่ข้างนอกเป็นปี เป็นสิบปี เป็นความเดือดร้อนที่รอไม่ได้
เช่นเดียวกับความเจ็บช้ำน้ำใจจากการที่ญาติพี่น้อง ถูกทำร้ายบาดเจ็บ และเสียชีวิต ที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาด้วยความคาดหวังของคนเสื้อแดงว่าพรรคพวกจะต้องได้รับการเยียวยา
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลชุดนี้จะเร่งทำงานที่ฐานเสียงกระตุ้นเตือนตลอดเวลาก่อนงานอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด
เพราะรัฐบาลรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่ตะโกนว่า ทำแต่เรื่องของพวกพ้อง ไม่ทำเรื่องของประเทศชาตินั้น
เป็นพวกที่ถึงอย่างไรก็หาเรื่องด่าไม่เลิก และไม่เคยคิดจะเลือกเพื่อไทยอยู่แล้ว
เป็นแค่พวกต่อต้านเอาเป็นเอาตาย แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้
เอาใจคนที่เทใจให้มาตลอดก่อน น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง