WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, October 10, 2011

สงครามกองโจรในภาคใต้

ที่มา มติชน



โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2554)


รายงาน ขององค์กรนิรโทษกรรมสากลเกี่ยวกับภาคใต้ เมื่อเร็วๆ นี้ แม้เป็นข่าวใหญ่ในเมืองไทย แต่ที่จริงแล้วข้อสรุปนี้เห็นได้ชัดมาหลายปีแล้ว นั่นคือปฏิบัติการฝ่ายผู้ก่อการได้กลายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติไปแล้ว เพราะมุ่งเป้าโจมตีประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องอย่างไม่แยกแยะ ทั้งที่เป็นพุทธและมุสลิม ในขณะเดียวกันปฏิบัติการฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็เลวร้ายไม่แพ้กัน เพราะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง มีการใช้การทรมาน และละเมิดกระบวนการทางยุติธรรมอยู่บ่อยๆ

ในระยะแรกๆ ยังพอจะพูดได้บ้างว่าขบวนการมุ่งจะต่อสู้กับอำนาจรัฐที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงทำร้ายเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจรัฐ รวมทั้งครูซึ่งคือผู้นำเอาอุดมการณ์ของรัฐไปเผยแพร่ ในขณะเดียวกันปฏิบัติการของผู้ก่อการอย่างอุกอาจหลายครั้ง ก็เพื่อทำให้เห็นประจักษ์ว่าอำนาจของรัฐไทยในพื้นที่สั่นคลอน จนไม่สามารถทำหน้าที่ขั้นพื้นฐานของรัฐคือการให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตและ ทรัพย์สินของพลเมือง

แต่ "การก่อการร้าย" ต้องมีเป้าหมายทางการเมือง เพราะ "การก่อการร้าย" ไม่อาจเป็นเป้าหมายในตัวเองได้

แต่ ขบวนการไม่ได้ทำหรือไม่พยายามจะทำให้เป้าหมายทางการเมืองเด่นชัดออกมา เพื่อเรียกร้องการสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้าง (ไม่เฉพาะแต่ประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่รวมถึงพลเมืองไทยในที่อื่นๆ ทั่วประเทศ) ได้แต่จัดองค์กรเพื่อก่อการร้ายอยู่อย่างเดียว

การใช้ ระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรง อาจแสดงสมรรถนะทางเทคนิคที่เพิ่มขึ้นของขบวนการ แต่ในขณะเดียวก็กลายเป็นภาระที่ชัดเจนของขบวนการที่ทำให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง เดือดร้อนยิ่งขึ้น ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ได้แต่แสดงซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความอ่อนแอของอำนาจรัฐไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็แสดงถึงความไม่อาทรต่อประชาชนของขบวนการเช่นเดียวกัน

ความชอบธรรม ในการเคลื่อนไหวของขบวนการได้สูญสิ้นไปแล้ว ทั้งในทรรศนะของต่างชาติและองค์กรอิสลาม ที่อาจให้ความช่วยเหลือแก่ขบวนการ-ในทางการทูต, การเงิน, การฝึก, หรือกำลังคน-ในขณะที่นับวันขบวนการก็สูญเสียความชอบธรรมในหมู่ประชาชนใน พื้นที่ไปด้วย

หลายปีมาแล้วที่ขบวนการพยายามจะยกการเคลื่อนไหวของตน ให้เป็นประเด็นระหว่างชาติ อย่างน้อยก็ในหมู่ประเทศมุสลิม รัฐบาลไทยหลายชุดที่ผ่านมา ก็พยายามอย่างเดียวกันที่จะทำให้ความพยายามของขบวนการในเวทีระดับโลกล้มเหลว แต่ความล้มเหลวของขบวนการที่จะยกระดับการเคลื่อนไหวขึ้นสู่นานาชาติ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามของรัฐบาลไทยเป็นหลัก ความล้มเหลวนั้นมาจากปฏิบัติการของขบวนการเอง

บัดนี้คงไม่มีประเทศหรือองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศที่ไหนซึ่งสามารถให้ความช่วยเหลือขบวนการอย่างเปิดเผยได้อีกแล้ว ปฏิบัติการเยี่ยงนี้ทำให้ยากที่เวทีระดับโลกของประเทศมุสลิมที่ไหน สามารถออกมติใดที่หนุนช่วยขบวนการในประเทศไทยได้อีกแล้ว เพราะไม่มีใครต้องการร่วมหัวจมท้ายกับขบวนการที่ไม่อาจเรียกตัวเองเป็นอื่น ได้ดีกว่าขบวนการ "ก่อการร้าย"

ขบวนการในประเทศไทยอาจได้รับความช่วย เหลือจากขบวนการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายอยู่แล้ว แต่นั่นไม่น่าเป็นเป้าประสงค์ขั้นสูงสุดของขบวนการในประเทศไทย เพราะขบวนการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายเหล่านั้น ไม่มีน้ำหนักที่จะทำให้เป้าหมายทางการเมืองของขบวนการในเมืองไทยเป็นประเด็น สำหรับการต่อรองกับรัฐไทยได้

บางคนในภาคใต้ลือกันมานานว่า บางส่วนของขบวนการได้หันไปร่วมมือกับขบวนการนอกกฎหมายต่างๆ (เช่น ค้ายาเสพติด, ค้าของเถื่อน และค้ามนุษย์) เพื่อหาเงินมาสนับสนุนปฏิบัติการของตน และก็ลือกันมานานแล้วเหมือนกันว่า อำนาจรัฐบางส่วนในภาคใต้ก็ทำอย่างเดียวกัน ส่วนหนึ่งของ "สงคราม" กลายเป็นการแย่งผลประโยชน์กันของมาเฟียสองกลุ่ม

ในด้านหนึ่ง ก็ทำให้สถานการณ์ในภาคใต้ซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ขบวนการของฝ่ายก่อการกำลังเดินมาสู่จุดจบอันเดียว กับที่เคยเกิดมาแล้ว โดยไม่มีผลอย่างยั่งยืนที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐไทยต่อประชาชนชาวมลายู มุสลิม

การค้ายาเสพติด และค้ามนุษย์ ไม่ว่าใครเป็นผู้กระทำก็ตาม ย่อมระบาดหนักขึ้นได้จากสถานการณ์ความไม่สงบ ดังนั้นสถานการณ์นี้จึงยิ่งทิ่มตำประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นไปอีก จนแม้แต่การใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนและสะสมกำลังในประเทศเพื่อนบ้านน่าจะทำได้ ยากขึ้น เพราะเขาก็อยากเห็นความสงบในภาคใต้ไม่น้อยไปกว่ากรุงเทพฯ

ใน ทางตรงกันข้าม รัฐไทยไม่ได้ฉกฉวยโอกาสจากความอ่อนแอทางการเมืองของขบวนการ เพราะการขึ้นมามีอำนาจสูงสุดของกองทัพหลังรัฐประหาร 2549 นับตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหาร สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นต้นมา ได้กระจุกอำนาจการบริหารสูงสุดไว้ในมือ กอ.รมน.หรือกองทัพ จึงยิ่งทำให้การแก้ปัญหาทั้งหมดถูกมองจากมิติด้านการทหารเพียงอย่างเดียว

แม้ แต่ปฏิบัติการของฝ่าย "กิจการพลเรือน" ก็กลับก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไปอย่างหนัก เช่น หัวหน้าครอบครัวถูกนำไปเข้าค่าย เพื่อฝึกอบรมอุดมการณ์ของกองทัพเป็นเวลาแรมเดือน ต้องปล่อยให้ครอบครัวอดอยากขาดรายได้เป็นเวลานานๆ

ในขณะที่การเรียน รู้เพื่อปกป้องชีวิตของหน่วยปฏิบัติการ หรือชีวิตของประชาชน ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร เคยถูกลอบวางระเบิด หรือลอบยิงอย่างไร เมื่อห้าปีที่แล้ว ก็ยังถูกทำร้ายเหมือนเดิม แม้ว่ารัฐได้ทุ่มเทงบประมาณผ่าน กอ.รมน.ไปมากมายสักเพียงใดก็ตาม

แม้ แต่การเรียนรู้ด้านการทหารเพื่อประโยชน์ในการต่อสู้ยังทำได้เพียงเท่านี้ จะเรียนรู้การบริหารจัดการด้านอื่นๆ ได้สักเพียงใด การกระจุกอำนาจจัดการทั้งหมดไว้ในมือกองทัพ โดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล (นอกกระดาษ) เลยเช่นนี้ จึงยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง...

กอง ทัพไม่ว่าที่ไหนในโลก หากปราศจากการกำกับควบคุมจากภายนอก โดยเฉพาะจาก "การเมือง" ก็ล้วนกลายเป็นกองโจรไปทั้งนั้น ไม่ต่างจากกองกำลังของฝ่ายขบวนการซึ่งขาดองค์กรทางการเมืองที่เข้มแข็งพอใน การชี้นำ

อันที่จริง การต่อสู้ทางการเมืองในภาคใต้ไม่ใช่ประเด็นหลักอีกแล้ว เพราะปฏิบัติการของขบวนการเอง ทำให้เป้าหมายทางการเมืองไร้ความหมาย การเคลื่อนไหวกลายเป็นการเคลื่อนไหวภายในประเทศ อย่างเดียวกับพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ประชาชนในพื้นที่ส่วนที่ไม่พอใจรัฐไทย ไม่อาจฝากความหวังไว้กับขบวนการได้ (แม้ไม่อาจฝากความหวังไว้กับรัฐไทยได้เช่นกันก็ตาม) ใครจะสามารถฝากความหวังไว้กับขบวนการ ที่เวลาผ่านไปถึง 7 ปี การต่อสู้ก็ยังไม่มีมิติอื่นมากไปกว่า "ก่อการร้าย" ซ้ำเป็นการ "ก่อการร้าย" ที่เลือกเป้าน้อยลงเสียอีก

แต่มาตรการทางการทหารที่รัฐ ไทยใช้เป็นเครื่องมือหลักในการปราบปราม ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยุติปฏิบัติการของขบวนการได้ อันที่จริงมาตรการนี้ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว เพราะได้ใช้มาด้วยเวลากว่าครึ่งหนึ่งของการเคลื่อนไหวของฝ่ายขบวนการ แต่ไม่นำไปสู่อะไรเลย ทั้งๆ ที่ฝ่ายขบวนการอ่อนแอทางการเมืองลงอย่างมาก จนรัฐไทยสามารถยุติการเคลื่อนไหวได้ในเวลาเร็ววัน หากรัฐไทยมีประสิทธิภาพดีกว่านี้

แต่ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า กองทัพที่ไม่มีอำนาจภายนอกอื่นคอยกำกับควบคุม ก็จะกลายเป็นกองโจร ที่ปฏิบัติการด้วยเป้าประสงค์ที่เป็นอิสระของตนเอง สงครามกองโจรที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้ทำโดยกองโจร แต่ทำโดยพรรคซึ่งสามารถกำกับควบคุมกองโจรได้ถึงระดับท้องถิ่นย่อยๆ

(ปฏิบัติ การของฝ่ายขบวนการในระยะ 2 ปีท้ายนี้ ชี้ให้เห็นว่า อำนาจภายนอกอื่นที่คอยประสานและกำกับกองโจรย่อย (ที่เรียกกันว่า RKK) ดูเหมือนจะอ่อนลงหรือถึงกับหายไป ขบวนการกำลังแตกสลายลงเป็นกองโจร อย่างเดียวกัน)

กล่าวโดยสรุป ในสถานการณ์ภาคใต้เวลานี้ ทั้งสองฝ่ายได้อ่อนแอลงพอๆ กัน เพราะเป็นการต่อสู้ที่ปราศจากเป้าหมายทางการเมืองทั้งคู่ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ก็สามารถยุติปัญหาลงได้ในเวลาไม่นาน จะโดยการบีบบังคับให้อีกฝ่ายขึ้นนั่งโต๊ะเจรจาด้วยอำนาจต่อรองที่น้อยกว่า หรือการเอาชนะใจประชาชนส่วนใหญ่ไว้ได้ด้วยประสิทธิภาพของการปกป้องชีวิตและ ทรัพย์สินก็ตาม

แต่ทั้งสองฝ่ายก็อ่อนแอเกินกว่าจะนำความขัดแย้งไปสู่ จุดจบเช่นนั้นได้ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีเป้าหมายทางการเมืองที่ชัดเจนทั้งคู่ และทั้งสองฝ่ายต่างก็กลายเป็นอำนาจอิสระ ที่ไม่มีอำนาจอื่นคอยตรวจสอบควบคุม

การ ต่อสู้ทางการเมือง กลายเป็นการต่อสู้ทางการทหาร และการต่อสู้ทางการทหารที่ขาดการกำกับควบคุมจากภายนอก กลายเป็นการต่อสู้ของกองโจรเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า และอาจสู้กันไปได้เป็นหลายสิบปี ดังที่เกิดในบางประเทศของแอฟริกา, ละตินอเมริกา และอุษาคเนย์