WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 13, 2011

ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศสหรัฐแถลง มุ่งกระชับสัมพันธ์เอเชียให้แข็งแกร่งกว่าที่เคย

ที่มา ประชาไท

ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เคิร์ท เอ็ม แคมป์เบลล์
(ที่มา: เฟซบุ๊กสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเทพฯ)

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคิร์ท เอ็ม แคมป์เบลล์ (Kurt M. Campbell) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษ “U.S. engagement in Asia” ว่า ในขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐกำลังเปลี่ยนผ่านนโยบายต่างประเทศ โดยถ่ายน้ำหนักจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้ มาสู่เอเชียแปซิฟิกมากขึ้น และจะเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจเป็นพิเศษ

เคิร์ท แคมป์เบลล์ กล่าวในงานที่จัดโดยสถาบันความมั่นคงและนานาชาติศึกษา (ISIS) ว่า ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศดังกล่าวจะมีความท้าทาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงในตะวันออกกลางยังคงเกิดอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติดอกมะลิ รวมถึงความขัดแย้งในอิรักและอัฟกานิสถาน ทำให้สหรัฐยังคงต้องรักษาบทบาทในภูมิภาคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า สหรัฐคงจะมุ่งถ่ายน้ำหนักของทรัพยากรที่จำเป็นมาสู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มากกว่า

“ผมคิดว่าเราคงเข้าใจอย่างลึกซึ้งและชัดแจ้งว่า ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 จะถูกเขียนขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” แคมป์เบลล์กล่าว

นักการ ทูตและศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวต่อว่า สหรัฐได้พัฒนากรอบความร่วมมือกับเอเชียอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่เคยเป็น ทั้งในกรอบความร่วมมืออาเซียน การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ G-20 และ การประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก เพื่อสร้างตลาดการค้าระหว่างสหรัฐและเอเชียที่สมดุล โดยเน้นให้จีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ลงทุนและซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น

แคมป์ เบลล์กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้ผ่านร่างกฎหมายที่สำคัญมาก ว่าด้วยข้อตกลงทางการค้ากับเอเชียอีกสามร่างเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามาจะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ (ASEAN-US Summit) และประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ทีประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ด้วย

นอกจาก นี้ เขาชี้ว่า สหรัฐยังมุ่งที่จะเพิ่มยุทธศาสตร์ความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นในอีกสอง สามปีข้างหน้าโดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนฐานทัพ และการจัดการด้านความมั่นคงในรูปแบบที่หลากหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย เพื่อเป็นการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

“อาจกล่าว ได้ว่า ทุกประเทศในเอเชียมีความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้งกับสหรัฐ แม้แต่กับมาเลเซีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ทางการทหารหรือยุทธศาสตร์ที่น้อยมากใน ช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ก็ยังถึงคราที่ได้กลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐอีกครั้ง” แคมป์เบลล์กล่าว

เขายัง กล่าวด้วยว่า ภารกิจการมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ยังรวมถึงการหารือและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวภายในพม่าด้วย เนื่องจากสหรัฐยังคงจับตาดูการเปลี่ยนแปลงในพม่าอย่างใกล้ชิด และระบุว่า สหรัฐยังคงจะรักษาสัมพันธ์และสนับสนุนออง ซาน ซูจี และพรรคเอ็นแอลดี รวมถึงจับตาประเด็นความท้าทายเรื่องชนกลุ่มน้อยในประเทศ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเกาหลีเหนือ และนักโทษการเมืองในพม่า และหวังว่า ประธานาธิบดีเต็นเส่ง จะสามารถนำพาพม่าไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้

ในตอนท้ายของปาฐกถา ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี ได้ถามแคมป์เบลล์ถึงพลเรือนสหรัฐที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ โจ กอร์ดอน ว่ามีความกังวลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ และแคมป์เบลล์ได้ตอบสั้นๆ ว่าเจ้าหน้าที่ของสถานทูตได้ไปฟังการดำเนินคดีของ โจ กอร์ดอน ที่ศาลเมื่อวันจันทร์ และกล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นอย่างมากในเสรีภาพสื่อ และเราจะคอยนำคดีดังกล่าวมาพูดกับทางการไทยโดยตรง”