ที่มา ไทยรัฐ
กำลังนั่งนึกว่าจะหาอะไรมาคุยกับท่านผู้อ่านดี บังเอิญนึกได้ว่าวันนี้ (22 มี.ค.) เป็นวันเกิดครบ 60 ปี ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เลยอดไม่ได้ที่จะขออวยพรและร่วมแสดงความยินดีกับท่าน ที่ได้รับของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่จาก ป.ป.ช. เป็นการชี้มูลความผิดทางวินัยในเหตุการณ์สลายม็อบ 7 ต.ค. แทนที่จะเป็นความผิดทางอาญาที่หนักหนาสาหัสกว่า
ทำให้บรรยากาศใน สตช.ที่เคยอึมครึม หลายหน่วยงานต่างใส่เกียร์ว่างไม่ยอมทำงาน เริ่มเดินเครื่องแย่งกันแสดงผลงานกันชนิดไม่ยอมน้อยหน้า
ขนาดคดีที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่างคดีลักกางเกงคนที่เข้าส้วมในห้างสรรพสินค้า ก็ยังสามารถลากคอผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดีได้
สมกับคำที่ว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” ยกเว้นตำรวจไทยจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ดูอย่างเมื่อเร็วๆนี้ ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สโมสรตำรวจ เพื่อมอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด และให้เข้มงวดกวดขันสถานบริการ ทั้งสถานบริการเถื่อนและที่เปิดเกินเวลา เพราะปัญหาทั้งสองเรื่องผูกติดกันจนแยกไม่ออก โดยย้ำว่าให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากแปลไทยเป็นไทยก็หมายความว่า ห้ามไม่ให้มีการอุ้มฆ่าเหมือนในอดีต
ถึงกระนั้นก็คงคาดหวังอะไรจากนโยบายนี้ได้ไม่มากนัก เพราะความยากง่ายของการปราบปรามยาเสพติด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก ทำให้ขบวนการค้ายาบ้าขยายตัวออกไปมากจนเกือบทั่วทุกวงการ
หากยึดกรอบกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล บางครั้งตำรวจอาจไล่ตามขบวนการค้ายานรกนี้ไม่ทัน เพราะกฎหมายที่เรามีอยู่ล้าหลังคนชั่วเหล่านี้ไม่เห็นฝุ่น
ขนาดคดีชิ้นโบแดงของ สตช. ที่จับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ในภาคเหนือ ได้พยานหลักฐานพร้อมเงินสดและทรัพย์สินนับพันล้านบาท ยังถูกยกฟ้องเพราะหลักฐานอ่อน ทำเอาตำรวจสะดุ้งกันทั้งสำนักงาน
แต่ความเจ็บปวดที่แท้จริงของตำรวจก็คืองบประมาณได้รับ เพื่อต่อกรกับขบวนการค้ายาบ้าและคดีอาชญากรรมต่างๆ ในอดีตสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ตำรวจเคยมีรายได้เสริมจากเงินบาปหวยบนดิน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงรายได้หลักคืองบประมาณจากรัฐ ที่ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนและงบฯก่อสร้าง ไม่มีงบประมาณเพื่อการปราบปราม
ทำให้นายตำรวจระดับหัวหน้าหน่วย ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายเบี้ยเลี้ยงลูกน้อง ค่าน้ำมันรถและค่าสายข่าวกันเอง เพราะหากจะรองบประมาณจากรัฐก็คงชาติหน้าตอนบ่ายๆ
ใครมีบ้านรวยเมียรวยก็สบายหน่อย ส่วนคนที่ไม่มีก็ต้องหากินกับธุรกิจสีเทา ที่ชั่วร้ายน้อยกว่าเงินยาบ้า ทำให้ปัญหาธุรกิจผิดกฎหมายกลายเป็นวัฏจักรเหมือนงูกินหางที่แก้ไม่จบ
จนเป็นที่มาของคำว่า “ตำรวจอาชีพ” กับ “อาชีพตำรวจ” ทำให้ตำรวจบางคนใช้เครื่องแบบหากิน ในขณะที่ตำรวจน้ำดีมีเหลือน้อยเต็มทน
ในโอกาสที่รัฐบาลผ่านพ้นมรสุมคลื่นลมการเมืองมาหมาดๆ ผมจึงอยากจะเห็นรัฐบาลทำอะไรสักอย่าง ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมตำรวจอย่างแท้จริง ด้วยการปล่อยให้ตำรวจควบคุมกันเอง รัฐบาลมีหน้าที่เพียงกำกับดูแลอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของตำรวจ คอยให้การสนับสนุนเรื่องปัจจัยในการทำงาน
ในขณะเดียวกันตำรวจเองก็ต้องรู้จักเว้นระยะห่างจากการเมือง เลิกทำตัวเป็นทาสรับใช้ผู้มีอำนาจ เลิกพฤติกรรมใช้กฎหมายมาเป็นเครื่องมือหากิน เลิกนิสัยปกป้องพวกเหลือบในวงการตำรวจ ทำตัวเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อย่างแท้จริง
หากตำรวจทุกคนสามารถพิสูจน์ตัวเองได้เช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียกร้องหาเกียรติยศและศักดิ์ศรี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ก็เมื่อประชาชนรักและศรัทธาตำรวจเท่านั้น.
“ลมสลาตัน”