ที่มา ไทยรัฐ
ก็ต้องดูฝีมือรัฐบาลว่าจะจัดการอย่างไรกับม็อบเสื้อแดงที่ล้อมทำเนียบเอาไว้หมดทุกด้าน ซึ่งดูจะล่อแหลมพอสมควรอาจจะเกิดการปะทะกันขึ้นได้ เพราะการชุมนุมครั้งนี้ ย่อมหวังผลมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ที่สำคัญก็คือ “นายใหญ่” คงจะบัญชาการผ่านโฟนอินหรือวีดิโอลิงค์เพื่อปลุกเร้ามวลชน อยู่ที่ว่าจะสั่งการให้เปิดเกมในระดับไหน แต่ไม่มีทางให้กลับบ้านมือเปล่าแน่ เพราะยุทธการครั้งนี้หวังจะให้ เกิดได้-เสียกันเลยทีเดียว
พูดง่ายๆ ก็คือไม่ชนะไม่เลิก...ว่างั้นเถอะ
ขณะที่อีกด้านหนึ่งการแจกเช็คช่วยชาติของรัฐบาลวันแรกดูเหมือนจะมีปัญหาหลากหลายรูปแบบวุ่นกันไปทั้งวัน นั่นเพราะการเตรียมการของรัฐบาลยังไม่ดีพอ งานใหญ่ๆแจกฟรีอย่างนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อยประเมินปัญหาตํ่าเกินไป
การที่ประชาชนจำนวนมากที่ได้สิทธิรับเช็คนั้น การวางแผนงาน การจัดการจุดรับเช็คมันจึงต้องเตรียมการให้ดีกว่านี้ ต้องมีสถานที่มากกว่านี้ ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ใน
กรุงเทพฯนั้น เมื่อไปแจกที่ลานคนเมืองที่มีคนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ ไม่เพียงพอ การจัดบัตรคิวก็ทำไม่ดีพอเนื่องจากมีเครื่องเพียงแค่ 4 เครื่องเท่านั้น
แล้วจะไปทำงานใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร
จริงๆแล้วหากกระจายจุดจ่ายเช็คให้มากกว่านี้ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่านี้น่าจะแก้ไขปัญหาได้ ความจริงหากให้แต่ละเขตเป็น จุดจ่ายเช็ค น่าจะทำให้เกิดความสะดวก ประชาชนจะได้แยกไปตามพื้นที่ ไม่ต้องมาแออัดยัดเยียดอย่างลานคนเมือง
ยังเหลือเวลาอีกหลายวันจะต้องมีการประเมินผลและแก้ปัญหาให้ตรงจุด ต้องให้หน่วยงานรัฐมีส่วนร่วมมากกว่านี้ไม่ใช่ไปกองเอาไว้ให้กระทรวงแรงงานรับผิดชอบฝ่ายเดียวอย่างที่ดำเนินการอยู่ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นยังวุ่นวายไม่ราบรื่น
จากนี้ไปก็ต้องลุ้นอีกว่าประชาชนที่ได้รับเช็คไปแล้วจะมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไรจะเข้าเป้าหรือไม่ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมี การประชาสัมพันธ์ให้เอิกเกริกมากกว่านี้ ก็ยังแปลกใจว่ารัฐบาลมีทั้งสื่อทีวี สื่อวิทยุเต็มไปหมด แต่ไม่นำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ของแบบนี้มันอยู่ที่ปัญญามากกว่าไม่ใช่ไปเกรงว่าจะเป็นการ แทรกแซง แต่เป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ของประชาชนและรัฐ
ว่ากันถึงรัฐบาลที่กำลังเจอศึกหลายด้านหากตั้งลำไม่ดีในหัวเลี้ยว หัวต่ออย่างนี้อย่าประมาทหรือทำเป็นเล่นว่ามีอำนาจรัฐแล้วจะจัดการ ทุกอย่างได้
แม้กระทั่งประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาลก็เจอปัญหาไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านที่ต้องวัดดวงเหมือนกัน เพราะนอกจากพรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องให้มีการสอบสวนแล้ว ดีเอสไอ ก็จัดการส่งผลการสอบสวนให้ กกต.พิจารณาเช่นเดียวกัน
เรียกว่าเป็นข้อมูล 2 ด้าน ไม่ให้หลุดรอดไปได้
รัฐบาลพุ่งเป้าไปที่ดีเอสไอว่าส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านและมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ตัวแทน พรรคฝ่ายค้านได้ออกมาเปิดเผยว่าข้อมูลที่ได้มานั้นไม่ใช่ดีเอสไอ แต่กลายเป็นคนกันเอง
พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ลาออกจากพรรคไปแล้วเป็นผู้ให้ข้อมูลเอง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง มีไส้ศึกส่งข้อมูลให้
ข้อมูลที่ได้มานั้นมีแกนนำระดับอาวุโสของประชาธิปัตย์เป็นผู้มอบให้ เพราะไม่พอใจคนสำคัญของพรรคที่ทำตัวกร่างใหญ่โต ไม่ฟังใคร ผูกขาดอำนาจและยังมีอีกหลายเรื่องที่จะเปิดโปง
นั่นแสดงว่าศึกในประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะระเบิดเมื่อใดก็ได้.
“สายล่อฟ้า”