WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 21, 2011

สหภาพไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย ยืนจดหมายถึงโอบามา เรียกร้องปล่อยตัวแกนนำและนักโทษคดีหมิ่นฯ ทุกคน

ที่มา Thai E-News


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 สหภาพ คนไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย ที่มีสมาชิกกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ เคลื่อนไหวเข้าพบยื่นจดหมายให้กับ ส.ส. และวุฒิสมาชิกของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คาลิฟอร์เนีย ทั้งนี้ตัวแทนสหภาพได้เข้าพบและยื่นหนังสือให้กับ ส.ส. Howard L. Berman ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและอยู่ในคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของ สหรัฐฯ รวมทั้งเข้ายื่นจดหมายให้กับวุฒิสมาชิก Dianne Feinstein ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญที่วอชิงตัน และได้เข้าพบและยื่นหนังสือให้กับ ส.ส. อีกสองท่านได้แก่ Henry Waxman ซึ่งเป็น ส.ส. สมัยที่ 3 และมีอิทธิพลในวอชิงตันคนหนึ่งทีเดียว และสุดท้ายได้ไปยื่นหนังสือให้ ส.ส. Karen Bass ที่ใกล้ชิดกับคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามามาก


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 กุมภาพันธ์ 2554

สหภาพคนไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย ที่มีสมาชิกกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ สุดทนกับการรังแกคนเสื้อแดง เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้สหรัฐฯ ทบทวนนโยบายด้านการเมือง การทหารกับประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวคนเสื้อแดงและนักโทษคดีหมิ่นฯ ทุกคนที่ถูกจับกุมคุมขัง พร้อมทั้งจำหน่ายคดีที่ยังค้างอยู่ทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ขอให้ตัดสิทธิ์พิเศษทางการค้าที่มีกับประเทศไทย

การกระทำของสหภาพไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงเพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงความเป็นจริงในประเทศไทย และความอยุติธรรมต่างๆ ที่คนเสื้อแดงและคนจนในประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

ยิ่งคนไทยตาสว่างมากขึ้นเท่าไร คนที่อยู่ในต่างประเทศก็จะช่วยทำให้โลกตาสว่างไปกับความจริงของประเทศไทย ด้วยเช่นกัน วันนี้สหภาพไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย บอกว่า "เราตาสว่างแล้ว และกำลังจะช่วยทำให้โลกตาสว่างไปด้วย" สะท้อนมาว่าคนที่อยู่ในเมืองไทยไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว พลังคนไทยในต่างประเทศนับแสนคนก็ร่วมสู้ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

เป็นพลังความสมานฉันท์ของคนไทยในต่างประเทศ ที่ยืนยันว่า "เราจะไม่ทอดทิ้งกัน" และร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงและคนไทยผู้รักความยุติธรรมในประเทศไทย

คนเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา และชาวสมาชิกสหภาพไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย ขอได้รับความขอบคุณจากพวกเราชาวไทยที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่แท้จริง


หมายเหตุ:ไทยอีนิวส์ได้เซ็นเซอร์บางถ้อยคำที่ละเอียดอ่อนในแถลงการณ์นี้


สหภาพคนไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย (Union of Thai-Americans for Democracy)
P.O. Box 4293 Inglewood,
CA 90309

18 กุมภาพันธ์ 2554

กราบเรียนท่านประธานาธิบดีโอบามา

ก่อนอื่นพวกเราอยากจะแนะนำตัวเองว่า พวกเราคือชาวอเมริกันเชื้อสายไทยซึ่งมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสมาชิกประมาณหนึ่งหมื่นคน พวกเราอยากจะเรียนให้ท่านเลิกให้การสนับสนุนระบบปกครองศักดินาอำมาตย์กับนาย พลของไทยและรัฐบาลหุ่นเชิดที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคที่เรียกว่า “พรรคประชาธิปปัตย์”

นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อประเทศไทยไม่สามารถใช้ได้กับประเทศไทยอีกต่อไป และจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ในยุคสงครามเวียดนามและสงครามเย็น รัฐบาลสหรัฐมีความกลัวต่อระบบคอมมิวนิสต์ จึงทำทุกอย่างในการ ที่จะหยุดยั้งการขยายของระบบดังกล่าวนั้น ถึงแม้ว่าท่านจำเป็นจะต้องสนับสนุนเผด็จทางทหารหรือเผด็จการในระบอบอำมาตย์ ศักดินา แต่นั่นก็คือเหตุการณ์ในอดีต

ประชาชนคนไทยในทุกวันนี้ได้รับ ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ไม่เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศหิวกระหายต่อการที่จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เช่นที่พวกเราชาวไทยอเมริกันต่างก็มีความสุขที่ได้อยู่ในบรรยากาศ ประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาเช่นนี้

ประชาชนขาวไทย สรรเสริญเยินยอต่อชีวิตการเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศสหรัฐและระบอบการเมือง ที่รัฐบาลต้องมาจากประชาชนโดยประชาชน และเพื่อประชาชน ประชาชนชาวไทยเรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพในการออกความคิดเห็นโดยที่ไม่ กล้วการถูกทำร้ายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในขณะเดียวกันคนไทยก็มีความงุนงงเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลอเมริกันให้การ สนับสนุนเผด็จการที่อำมหิตในประเทศไทยและทั่วโลก

มันเป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่งที่ทหารไทยใช้ปืนเอ็มสิบหก และสไนเปอร์ ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากอเมริกา เพื่อที่จะเข่นฆ่าคนไทยที่มีแต่มือเปล่า และเข่นฆ่าคนเสื้อแดงที่เรียกหาประชาธิปไตยเท่านั้น พวกเราเพียงแต่ต้องการให้พี่น้องชาวไทยในประเทศไทย มีความเป็นอยู่ที่สงบและอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ที่ผู้คนไม่มีความกลัวต่อการเสนอความคิดเห็นของตัวเอง หรือมีกฏหมายหมิ่นที่ป่าเถื่อนและไม่เป็นธรรมมาห้ามให้คนวิจารณ์สถาบันพระ มหากษัตริย์ ถึงแม้ว่าคำวิจารณ์นั้นๆจะตั้งอยู่บนรากฐานของความจริงก็ตาม ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีความรุนแรงที่จะต้องติดคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี

ภายใต้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ทรงประมุขของประเทศ ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย และทรงแต่งตั้งผู้พิพากษาทั้งหมด ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ยังเป็นเจ้าของเครือธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และพระองค์ยังทรงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การวิพากษ์วิจารณ์ถึงความจริงเหล่านี้ในประเทศไทย ไม่สามารถรอดพ้นไปจากความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามและคุมขัง

พวกเราต้องการให้คนรากหญ้าและคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ มีโอกาสเท่าเทียมกับคนรวยคนชั้นสูงทั้งหลายในกรุงเทพฯ ในการที่ได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม และมีสิทธิในการรับการดูแลรักษาในกรณีที่เจ็บป่วย เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดอำนาจโดยรัฐประหาร 2549 - ซึ่งเป็นรัฐประหารที่เห็นชอบโดยที่ปรึกษาระดับสูงของหัวหน้าศักดินาใหญ่ ประชาชนจึงได้ลุกขึ้นประท้วงความอยุติธรรมที่เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นนี้

ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมืองของทักษิณ ผู้สนับสนุนอดีตนายกทักษิณจึงได้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งใหม่ ผลปรากฏว่าพรรคการเมืองนี้ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น เพียงไม่ถึงหนึ่งปี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของวัง นายกรัฐมนตรีถูกตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกฏหมายเลือกตั้ง และก็อีกครั้งที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาอีกและได้รับ ชัยชนะที่คูหาเลือกตั้ง อีกครั้งแม้ว่าจะได้นายกรัฐมนตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ ถึงกระนั้นก็ตาม ระบอบอำมาตย์ศักดินาก็มีสัญญาณว่าไม่ไว้ใจเนื่องจากว่า พรรคการเมืองนี้เกิดขึ้นโดยผู้ที่ให้การสนับสนุนอดีตนายกทักษิณ ในที่สุดก็ถูกโค่นล้มด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล และถือเป็นครั้งที่สามที่ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ยุบพรรคของทักษิณและถอดถอน นายกรัฐมนตรี


ในเดือนธันวาคม 2551 โดยได้รับการสนับสนุนจากอำมาตย์ศักดินาอย่างเปิดเผย ผู้นำพรรคประชาธิปไตย ผู้จบการศึกษาจากอีตัน และอ๊อกซ์ฟอร์ด อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีการจัดการเลือกตั้ง

ทักษิณ ผู้สร้างตัวจนเป็นมหาเศรษฐี ไม่แตกต่างจากนักธุรกิจคนอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างเขากับชนช้ันอภิสิทธิชนคนอื่นๆ คือทักษิณมีความห่วงใยในคนทั่วไป และคนรากหญ้าในประเทศไทย นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เขาอยู่ในหัวใจของคนจนในประเทศไทยทั้งประเทศ

ด้วยความเบื่อหน่ายต่อความอยุติธรรมและความฉ้อฉลต่างๆ ในฤดูร้อนปี 2553 ขบวนการคนเสื้อแดงได้ออกมาประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่ พวกเขาไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับเป็นกระสุนปืนสไนเปอร์จากทหารที่มาจากค่ายรักษา พระองค์ ประชาชนกว่า 90 คน ถูกยิงเสียชีวิต และสูญหาย และอีกกว่าสองพันคนได้รับบาดเจ็บ ไม่มีรัฐบาลใดที่จ้างสไนเปอร์ยิงประชาชน แล้วยังจะได้รับอนุญาตให้ปกครองประเทศต่อไป

ในขณะที่สร้างภาพลักษณ์ต่อชาวโลกว่าสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้วและได้มีการตั้งคณะกรรมการ ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อกระบวนการ "การปรองดอง" และการเยียวยา แต่รัฐบาลเผด็จการได้ให้การสนับสนุนอย่างลับๆ ต่อกลุ่มทหารนักฆ่าให้ล่าตัวและฆ่าปิดปากคนเสื้อแดงฝีปากกล้าที่อยู่ทั่ว ประเทศ แกนนำคนเสื้อแดงที่มอบตัวเพื่อยุติการปราบปรามประชาชนของรัฐบาลในช่วงเดือน พฤษภาคม 2553 จำนวนมากยังอยู่ในคุก และหลายคนยังต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ

การสังหารพลเรือนปราศจากอาวุธเมื่อปลายเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 คือคำให้การต่อโลกว่ารัฐบาลเผด็จการในปัจจุบันไม่มีความชอบธรรม โหดร้ายป่าเถือน และจะไม่ยอมให้อะไรทั้งนั้นมาขัดขวางการดำรงอยู่ในอำนาจของพวกเขา ความโหดร้ายของพวกเขา และยิ่งจะสร้างความโกรธแค้นให้เกิดในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น รัฐบาลเผด็จการอภิสิทธิ์อาจจะมีปืนและสไนเปอร์ แต่พลังแห่งประชาชนจะชนะในที่สุด

รัฐบาลอเมริกันควรเรียนรู้ข้อผิด พลาดจากประวัติศาสตร์ในอดีต จำได้หรือไม่ เผด็จการของกษัตริย์ชาห์ ของอิหร่าน นายพลออกัสโต พินโนเช่ ของชิลี รัฐบาลอเมริกาทำให้ประชาชนของสองประเทศมีความเกลียดชังประเทศสหรัฐอเมริกา มาก เนื่องจากการให้การสนับสนุนที่ไม่ถูกต้อง

ชาวเสื้อแดงมีประมาณ 45 ล้านคน ชาวเสื้อแดงไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่พวกคอมมิวนิสต์ เขาเพียงแต่ต้องการเรียกร้องอิสรภาพเช่นเดียวกันกับพวกเราชาวอเมริกัน เป็นประชาชนที่ต่อสู้ เช่นเดียวกับชาวตูนีเซีย และชาวอียิปต์ ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์

มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่งที่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนในการใช้สไนเปอร์และ M 16 จากสหรัฐฯ ได้ใช้ฝีมือเหล่านั้นในการสังหารพลเรือนที่ปราศจากอาวุธ

โดยสรุปแล้ว พวกเราขอเรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทบทวนนโยบายเกี่ยวกับประเทศไทย ที่สอดคล้องกับการเปลียนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่งของบรรยากาศทางการเมืองใน ประเทศไทย
พวกเราขอเรียกร้องให้หยุดการให้การช่วยเหลือสนับสนุนทางการ ทหารแก่ประเทศไทย นอกเสียจากว่ามีข้อแม้ที่เข้มงวด เช่นห้ามการนำอาวุธสงครามไปเข่นฆ่าบุคคลที่ชุมนุมโดยสงบ

โปรดกรุณาเรียกร้องให้ประเทศปลดปล่อยนักโทษการเมือง นักโทษที่โดนกฏหมายหมิ่น รวมทั้งแกนนำเสื้อแดงทั้งหมด และให้ประกาศจำหน่ายคดีกฏหมายหมิ่นที่ยังคั่งค้างอยู่ทั้งหมด รวมทั้งคดีการเมืองทุกคดี

หากข้อเรียกร้องข้างต้นไม่ได้รับการตอบรับ โดยดี พวกเราขอเรียกร้องให้ตัดสิทธิ์ประเทศไทยออกจากกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ พิเศษทางการค้า และถ้าหากข้อเรียกร้องข้างต้นได้รับการตอบรับและปฏิบัติโดยดี ประเทศอเมริกาจะเป็นประเทศที่อยู่ในหัวใจของชาวไทยทุกคนที่รักประชาธิปไตย

ด้วยความนับถืออย่างสูง

พวกเราขอแสดงความขอบคุณมายังท่าน

สหภาพคนไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตย (UTAD)
Email: utad2011@gmail.com

************************************

จดหมายภาษาอังกฤษ

Union of Thai-Americans for Democracy
P.O. Box 4293 Inglewood,
CA 90309


Dear President Obama,

We wish to introduce ourselves as a union of some 10,000 socially concerned professional Thai-Americans working in many fields all across the country.

We write to urge You to stop supporting the (censor)-military establishment in Thailand and it’s puppet government headed by Abhisit Vejjajiva of the so-called Democrat Party.

U.S. foreign policy toward Thailand is not working anymore and must be changed.

During the Vietnam and Cold War era, the U.S. government feared communism and was willing to use every available means to suppress its expansion, even if that meant supporting military dictators or tyrannical ( censor)That was then.

Thai people today are better informed than ever before, and the majority crave for a true democracy, as we Thai-Americans enjoy our great democracy here.

Thai people admire our way of life and our political system whereby government is of the people by the people and for the people. Thai people long for the democracy we have and the freedom of expression we cherish so dearly. On the other hand Thais are confused, like many, by continued U.S. support for tyrants and dictators around the world and in Thailand.

What we want is for our brothers and sisters back home to live in peace in a truly democratic society, without constant fear of vicious reprisals for saying what they think. In Thailand people are prohibited by the fearful, draconian laws of lèse majesté from criticizing or commenting the Monarchy, even when such comments are based on plain truth and fully justified. The penalty for lèse majesté (insulting the power of the King) is 3 - 15 years for each and every offence.

Under constant threat of closure and sentencing, Thai media is forced to adopt nothing less than absolutely positive tone with regard to the Monarchy.

According to the current Thai Constitution, Thai Monarch is Head of State, Supreme Commander of the Arms Forces and he appoints all the judges. He is also head of the largest business conglomerate in Thailand and, personally, the top investor in the Stock Exchange of Thailand. None of this may be commented critically by Thai people without real risk of victimisation and imprisonment.

We want that everybody in Thailand, not just the Bangkok elite, have equal opportunity to obtain good education for their children and have equal access to health care.

When former Prime Minister Thaksin Shinawatra was ousted by a military Coup d'Étât in 2006, - that was ordered and endorsed by the Monarchy’s top advisers, the people rose in protest against the blatant injustice.

Thaksin’s political party was ordered to be dissolved by the Constitutional Court for highly spurious reasons. His supporters immediately formed a new political party to compete in the General Election. Once again the new party won a landslide victory. Less than a year later, with the urging of the Palace, charges were levelled against the PM. Again the Constitutional Court dissolved the pro-Thaksin party on charges of “campaign irregularities.” Again Thaksin’s supporters formed a new party and won another landslide victory at the polls. Again, although the new PM was a staunch monarchist, the royalists still felt threatened by the scale of Thaksin’s popularity and, facing baseless charges, for the third time the Constitution Court ordered the dissolution of the pro-Thaksin party and removal of the PM.

In December 2008, with the open support of the Palace, the Eton and Oxford royalist leader of the so-called Democrat Party, Mr Abhisit Vejjajiva, became the new Prime Minister - without a General Election.

Thaksin was a self-made billionaire, no different to other successful businessmen in Thailand. What distinguished him from the rest of Thailand’s privileged class was that he cared about the welfare of the ordinary, grass root people of Thailand. That is why he has remained in the hearts and minds of the majority, who are the poor.

Sick of all the gross political injustice and manipulation, in the spring of 2010 the Red Shirt Movement came out in protest, demanding the dissolution of the illegitimate Abhisit government and a new and fair General Election. They did not ask more, but what they got was live bullets from snipers of the Royal Guard. More than 90 civilians were shot dead or posted missing and several thousands were seriously wounded or injured. No government that employs snipers against the people can be permitted to govern.

While presenting itself to the world as Thailand’s latest back-to-normal set-up in search of reconciliation and new aid, the regime is secretly sponsoring para-military hid-squads to hunt down out-spoken Red Shirts all across the country. Many of the Red Shirt leaders that surrendered to end the bloodshed during the Government’s May 2010 massacre were denied bail and remain in jail, many others are in hiding.

The killing of unarmed civilian protestors last April and May 2010 is a telling testimony to the world that the current regime is illegitimate, brutal and will stop at nothing to stay in power. Their continued brutality can only breed defiance. The Abhisit regime may have guns and snipers, but the people's power will prevail in the end.

Please learn from our past mistakes. United States government support for General Augusto Pinochet and the Shah of Iran turned the people against the United States. We don’t want to see this repeated in Thailand.

The Red Shirts today number about 45 million. They are absolutely not communists or terrorists, they are ordinary freedom-loving Thai, people just like us - the American people, people struggling - like the people of Tunisia or Egypt - for their most basic rights.

It is very wrong that US-trained Thai snipers are using our M16 rifles to kill unarmed civilians.
In summation, we urge You to re-assess U.S. policy in Thailand in light of the new and rapidly changing political climate there.

We urge You to stop all military aid to Thailand until there a strict condition in place to guarantee that the Thai military cannot use U.S. weapons against peaceful demonstrators.

We urge You to issue a formal request for the immediate release all Red Shirt leaders, all political and lèse majesté prisoners, and for the dismissal of all pending lèse majesté cases.

We request that You remove Thailand from our list of Most Favored Nations if the above requests are denied.

If the above objectives are achieved, the USA will remain forever in the hearts and minds of all Thai people who value democracy - in Thailand and all over the world.

With our deepest sincerity,

We Thank You.
Union of Thai-Americans for Democracy (UTAD)
Email: utad2011@gmail.com

***************************


"พวกเราเข้าพบยื่นจดหมายให้กับ สส. ที่มีบทบาทสำคัญและอยู่ในคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แก่ท่าน สส. Howard L. Berman และได้เข้ายื่นให้กับวุฒิสมาชิก Dianne Feinstein ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญที่วอชิงตัน นอกจากนี้ยังได้เข้ายื่นหนังสือให้กับ สส. อีกสองท่านได้แก่ Henry Waxman ซึ่งเป็น สส. สมัยที่ 3 และมีอิทธิพลในวอชิงตันคนหนึ่งทีเดียว และสุดท้ายได้ไปยื่นให้ สส. Karen Bass ที่ใกล้ชิดกับคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามามาก" แกนนำสหภาพไทย-อเมริกันเพื่อประชาธิปไตยกล่าวกับไทยอีนิวส์