ที่มา thaifreenews
โดย lovethai
“ชุมพล”แฉกลุ่มอำมาตย์ครองประเทศ
จวกยับการเมืองไทยพิกลพิการ บ่นอึดอัดอยู่ใต้อำนาจอำมาตยาธิปไตย ซัดนักวิชาการ-เอ็นจีโอกลายพันธุ์เป็นนักล่าตำแหน่ง
วันนี้ (25มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานการประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาครั้งที่ 1/2554 เพื่อรับรองงบการเงิน การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค รายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2553 รวมทั้งพิจารณาแผนการดำเนินการสำหรับปี 2555 โดยมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและประธานที่ปรึกษาพรรค นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตร นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า น.ส.มัลลิกา จิระพันธ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี ไม่มา ซึ่งมีข่าวว่าเตรียมย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมงานด้วย
จากนั้นรัฐมนตรีของพรรคได้แถลงผลงานต่อสมาชิกพรรค โดยพล.ต.สนั่น กล่าวว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าสีใด สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน ควรหันหน้ามาพูดจากัน มีเอกภาพ มีความรัก สามัคคีกัน การเมืองไม่ขัดแย้ง ซึ่งตนสร้างถนนทางเดินสู่ความปรองดอง เพื่อต้องการให้ลดความขัดแย้ง ความเคียดแค้น หากเมื่อไหร่ประเทศปรองดองกันได้ ประเทศก็จะเจริญและประชาชนก็จะอยู่ดีกินดีขึ้น
นายชุมพล กล่าวว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่น่าจะมีขึ้นไม่วันที่ 26 มิ.ย.หรือไม่ก็ 3 ก.ค. หากนายกฯทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภาในวันที่ 1 พ.ค.จะมีการยุบสภาในวันที่ 11-12 พ.ค.จะเลือกตั้งในวันที่ 26 มิ.ย.หากนายกฯทูลกล้าฯกฤษฎีกายุบสภาในวันที่1-7 พ.ค.จะมีผลยุบสภาในวันที่ 17-19 พ.ค.และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งจะเป็น 2 ทางเลือกของนายกฯ แต่เชื่อว่านายกฯคงไม่ทูลเกล้าฯในวันจักรี (6 เม.ย.)แน่นอน
นายชุมพล กล่าวต่อว่า สภาพสังคมเวลานี้ยังไม่จบ แต่ละกลุ่มจะพยายามยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองได้เปรียบได้ประโยชน์ ไม่ยอมปรองดองหรือประนีประนอม ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และสภาพการเมืองตกอยู่ใต้สภาพการจำยอม พรรคการเมืองและนักการเมืองถูกจ้องจับผิด วันดีคืนดีก็ถูกจับยุบพรรค และนักการเมืองถูกเว้นวรรค สถาบันสูงสุดกำลังถูกละเมิดนำไปอ้างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าเหลือง แดง หรือใต้ดิน องค์กรอิสระส่อไปในทางเลือกข้าง และสองมาตรฐาน หลังเลือกตั้งต้องหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งตนไม่อยากใช้คำว่าระบบอำมาตยาธิปไตยครอบงำทุกด้าน แต่มันเป็นอย่างนี้ อย่าง ส.ว.สรรหา อำมาตย์ฯก็สรรหาเข้ามาครึ่งหนึ่ง ทำไมไม่ให้ประชาชนเลือก เพราะจะชั่วหรือดีทุจริตก็โทษประชาชนได้ ตนไม่เห็นว่าส.ว.สรรหาดีตรงไหน วันๆพยายามหาช่องโหว่ของกฎหมายยื่นญัตติและตีความ มีการกล่าวหาว่า ส.ว.เลือกตั้งเป็นสภาทาส แต่ชุดนี้ยิ่งกว่าอีก ผลทั้งหมดต้องโทษนักวิชาการ วันนี้นักวิชาการตกอยู่ในสภาพไม่เป็นนักวิชาการ เอ็นจีโอก็ไม่ใช่เอ็นจีโอจริง กลายพันธุ์เป็นนักล่าตำแหน่ง ตอนนี้ก็กำลังล่า ส.ว.สรรหา
“สภาพบ้านเมืองขณะนี้เราขาดการชี้นำ ใครพูดก็ไม่มีใครฟังแล้ว มันจึงออกทะเล อย่างนี้สังคมจะอยู่ได้อย่างไร ผมเองก็อึดอัด ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ตกอยู่ในภาวะจำยอม พรรคชาติไทยก็ตกอยู่ในสภาพจำยอม แต่ต้องถูกปิดม่านท่ามกลางความขัดแย้งของกลุ่มผู้มีอำนาจ ถูกยุบไปโดยไม่ได้ทำผิด ตกเป็นเหยื่อ คนทำผิดลอยนวล คนทำผิดได้ใบเหลือง คนไม่ได้ทำผิดได้ใบแดง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ผิด ๆถูก ๆ อ่านแบบลุกลี้ลุกลน สังคมถึงได้พิกลพิการอย่างนี้ คนทำผิดคนเดียวแต่ลงโทษคนทั้งบ้านไม่พอ แถมยังเผาบ้านทิ้ง มันไม่ยุติธรรม การเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้สะท้อนอำนาจบางอย่างที่ต้องการให้ผลักดันไปที่อื่น ประชาธิปไตยไม่เดินหน้า ทุกพรรคกลัวถูกยุบเหมือนหนูกลัวแมว ต้นตอของปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ” นายชุมพล กล่าว
(ที่มา เดลินิวส์ , 25 มีนาคม 2554)