WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, April 17, 2011

สังคมบาดทะยัก กล่าวหา! ทำลายล้าง!

ที่มา บางกอกทูเดย์





ใส่ร้ายทุกรูปแบบไม่ยอมเลิก
แค่เรื่องเดิมๆ-ไม่มีอะไรใหม่!!
บรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ของไทยในปี 2554 ต้องถือว่ากลับมามีสีสันมากขึ้น
หลังจากที่ 2 ปีก่อนหน้า สถานการณ์การเมืองได้ทำให้สีสันลดทอนไป

ในปีนี้ บรรดากลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง มีบทเรียนแล้วว่า
การต่อสู้ตามวิถีประชาธิปไตยกับรัฐบาล
ที่ได้รับการอุ้มชูหนุนหลังจากขั้วอำนาจพิเศษต่างๆ นั้น ใช่เรื่องง่าย

ขณะเดียวกันก็ยังต้องระมัดระวังความรู้สึกของสังคมอีกด้วย
ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงสามารถนำประสบการณ์เลือดและความสูญเสีย
มาสร้างพัฒนาการที่ดีในการเรียกร้องประชาธิปไตยได้มากขึ้น
จึงทำให้ความรู้สึกต่อต้านจากสังคมลดลง

การชุมนุมแต่ละครั้งไม่ยืดเยื้อจนเกิดผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม
จึงทำให้ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแต่ละครั้ง
มีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆเป็นเรือนหมื่นเหยียบเรือนแสน

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูแลการชุมนุม อาจจะไม่รู้สึกกดดัน
เพราะสามารถพูดคุยกับแกนนำรู้เรื่อง ทั้งเรื่องของระยะเวลา และการใช้พื้นที่

แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคง
และหน่วยงานอำนาจรัฐของขั้วรัฐบาล กลับรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
เพราะจำนวนผู้ชุมนุมที่มากขึ้น ได้สร้างแรงกดดันทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะเป็นการชุมนุมที่สงบตามวิถีทางประชาธิปไตย และปราศจากอาวุธก็ตาม

การจับตามองการเคลื่อนไหวของการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง
ทั้งจากหน่วยงานความมั่นคงภายใน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
และจากกองทัพ จึงยังตึงเครียดต่อเนื่อง

แม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
จะพูดแล้วพูดอีกในเรื่องของการปรองดองก็ตาม

ดังนั้นแม้ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงบรรยากาศรื่นเริง
และแม้แต่กระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ก็ยังมีการโพสข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ว่า

ผมขอส่งความสุขและความปรารถนาดีมายังพี่น้องคนไทยทุกคน
เนื่องในวันสงกรานต์ด้วยความเคารพรัก+คิดถึงด้วยครับ
ขอให้พักผ่อนให้สนุกและปลอดภัยครับ

หลังสงกรานต์อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันในฐานะคนไทยด้วยกัน
สาดน้ำเสร็จก็สะอาดแล้ว หยุดสาดโคลนการเมืองกันเถอะ บ้านเมืองจะได้เดินต่อไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวถึงหรืออ้างอิงสถาบันฯเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
ผมขอร้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นแดง เป็นเหลือง เป็นพรรคการเมือง หรือกองทัพ

ประเทศไทยจะต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น
และทรงอยู่เหนือการเมือง นักการเมืองจะเล่นกันอย่างไรก็อย่าบังอาจ

ระบอบประชาธิปไตยดีกว่า และทุกฝ่ายต้องยกสถาบันฯไว้เหนือความขัดแย้งทางการเมือง
ก็จะเป็นการแสดงความจงรักภ้กดีโดยไม่ต้องโอ้อวดว่าเหนือกว่าคนอื่น

เอาไว้วันที่ 23ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ผมจะแนะนำนโยบายให้พรรคเพื่อไทย
เพื่อจะได้พิจ่ารณานำไปปฏิบัติเมื่อเป็นรัฐบาลและจะเล่าอะไรให้ฟัง

ก็เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ เพราะคำว่าปรองดองจนถึงวันนี้
เป็นวลีที่ “ดีแต่พูด”กันเท่านั้น ไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติอย่างจริงๆจังๆเลย

เพราะยังมีข้อกล่าวหาว่อนเทศกาลสงกรานต์ไปหมด
โดยที่กลุ่มคนเสื้อแดง และแกนนำ เป็นเป้าหมาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
กำลังโดนมรสุมข้อกล่าวหาอีกครั้ง
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาในเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

นายจตุพร ยอมรับว่าได้โทรศัพท์หานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จริง
เนื่องจากมีข่าวว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี จึงได้โทรศัพท์ไปถามว่า
จะแจ้งข้อหาเลยหรือไม่ จะได้มารายงานตัว

เพราะไม่เช่นนั้นหากมีข่าวออกไปว่าแจ้งข้อหาแล้วนายจตุพรไม่อยู่
ก็จะกลายเป็นหนีคดีไป จึงต้องสอบถามไว้เท่านั้น

นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับการแจ้งความคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขอยืนยันว่า
คนเสื้อแดงไม่เคยมีความคิดจะล้มล้างสถาบัน
โดยในวันที่ 17 เมษายน เวลา 13.00 น. ตนและพวกจะเดินทางไปที่ สน.สำราญราษฎร์
เพื่อแจ้งความกลับทหารที่แจ้งความดำเนินคดีกับตน
ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่าเป็นการแจ้งความเท็จ

และต่อจากนี้ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับหลายบุคคลที่เคยให้สัมภาษณ์
ที่เข้าข่ายข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

"ขอฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกให้ผมระวังตัวไว้
อยากถามว่านี่คือคำขู่ใช่หรือไม่ ผมเป็น ส.ส. เป็นประชาชน
คุณเป็นเจ้าหน้าที่แล้วมาขู่ผมอย่างนั้นเหรอ หมายความว่าจะฆ่าผมใช่ไหม
ถ้าจะฆ่ากันก็บอกกันมาตรงๆ จะเดินไปให้ฆ่าเอง
และอยากเตือนสติ พล.อ.ประยุทธ์ว่าพวกที่หมิ่นสถาบันนั้นก็คือ
พวกนักการเมืองที่เอาชื่อสถาบันไปแอบอ้าง ไม่ใช่คนเสื้อแดง" นายจตุพรกล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า
อยากให้ที่ปรึกษาหรือใครก็ตามที่มีสติไปเตือน
พล.อ.ประยุทธ์ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ ว่า
ความพยายามหยิบฉวยเรื่องสถาบันมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหว
เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองและประชาชนนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด
ทั้งบาดเจ็บ ล้มตาย และถูกคุมขังอีกเป็นจำนวนมาก
ด้วยการยัดเยียดข้อกล่าวหาก่อการร้าย ป้ายสีว่าเป็นคอมมิวนิสต์

และล่าสุดกำลังถูกป้ายว่าเป็นพวกโค่นล้มสถาบัน

ซึ่งสิ่งที่ผู้มีอำนาจกำลังกระทำอยู่นี้ไม่เป็นผลดี
เพราะประชาชนถูกใส่ร้ายมามาก และความอดทนของประชาชนก็มีขีดจำกัด
อย่าบีบคั้นจนเรากลายเป็นประชาชนนอกรัฐขึ้นมาอีก เพราะที่ไหนมีแรงกดที่นั้นก็มีแรงต้าน

“ดังนั้นอย่าบีบคั้นประชาชนมากเกินไป อย่าคิดว่าเอาปืนมาจี้แล้วประชาชนจะก้มหัวให้”

นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า ในวันที่ 18 เมษายนนี้ ทางแกนนำ
จะมอบหมายให้ทีมทนายความไปยื่นเอกสารและหลักฐานต่ออัยการ
เพื่อขอคัดค้านการถอนประกันและทางแกนนำพร้อมเข้าให้ปากคำต่อผู้รับผิดชอบคดี
แต่ขอให้ได้ดำรงความเป็นอิสระปฏิบัติหน้าที่อย่างสง่างาม
ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง

เพราะเรื่องราวจะไปกันใหญ่หากประเทศเป็น 2 มาตรฐานทุกมิติ
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องปกป้องสถาบัน
พักเทศกาลสงกรานต์ได้แค่วูบเดียว หลังเทศกาล อุณหภูมิการเมืองก็ร้อนต่อจริงๆ

เปรียบสถานะการณ์ในประเทศไทยวันนี้ น่าจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า
สังคมในบ้านเมืองไทยยังเต็มไปด้วย”พิษร้ายของบาดทะยัก” ใครโดนเข้าก็รอดยาก!!

มีแต่การจ้องทำลายล้างซึ่งกันและกัน!!
ไม่มีการลดราวาศอก!!
ไม่มีคำว่า”ปรองดอง”!! เป็นปัญหาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา- ธาริต เพ็งดิษฐ์
–จตุพร พรหมพันธ์ และ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
รวมไปถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องหา”คำตอบ”ร่วมกัน
เพราะเมืองไทย ประเทศไทย ไม่ใช่”สมบัติส่วนตัว”ของใครคนเดียว!!