ที่มา ประชาไท
สนธิให้สัมภาษณ์เอเอสทีวีในโอกาสครบ 2 ปี ที่ถูกลอบสังหาร แฉเป็นฝีมือหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพ คนในรัฐบาลมีส่วนรู้เห็น ทำให้คดีไม่คืบ ชี้ พธม. เคลื่อนไหวรอบนี้ทำให้เสื้อแดงหันมาดูเอเอสทีวีมากขึ้น เชื่อจะมีโหวตโนเกิน 3 ล้านคนรวมกับคนไม่ไปเลือกตั้งจะเกิน 50% ลั่นพ่อยกแม่ยกจะได้เห็นธาตุแท้ถ้า ปชป. กลับมาจับมือเพื่อไทยตบหน้าอำมาตย์
มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์รายการพิเศษ ออกอากาศเมื่อเวลา 20.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยนายสนธิให้สัมภาษณ์ในโอกาสครอบรอบ 2 ปี ที่ถูกลอบยิงใกล้สี่แยกบางขุนพรหม
สนธิแฉหน่วยทหารเป็นคนลอบสังหาร คนในรัฐบาลมีส่วน
นายสนธิได้กล่าวพาดพิงว่ามือสังหารที่ลงมือปฏิบัติการในวันนั้นเป็นทหารเฉพาะกิจหน่วยหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า ทีมสัตว์สงคราม เพราะไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี แล้วแต่นายสั่งให้กำจัดเป้าหมาย ไม่สนใจว่าคนๆ นั้นเป็นใครมีคุณธรรมหรือไม่ รู้แต่ว่าต้องกำจัด อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ว่าทหารทุกคน เป็นบางคนเท่านั้นที่มีอำนาจและสายสัมพันธ์กับคนในรัฐบาล ซึ่งคนที่ลงมือบางคนถูกย้ายออกไปล่วงหน้าจากหน่วยดังกล่าวก่อนลงมือ ปฏิบัติการ โดยเสนาธิการทหารบกขณะนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่กระบวนการลอบสังหารเป็นกระบวนการใหญ่ มีการสร้างเรื่องเพื่อกลบเกลื่น เช่น บอกว่าย้ายไปปฏิบัติการในภาคใต้ แต่ก็ย้ายไปแต่ชื่อ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทำคดีนี้ไว้ลึกซึ้งพอสมควร และทยอยออกหมายจับได้ 3 คน แต่ยังจับตัวไมได้ เพราะบางคนหลบเข้าไปอยู่ในค่ายทหาร อีกประการหนึ่งทีมงานที่ทำงานนั้นถูกเส้นสายทางการเมืองบังคับตลอด ทีมงานที่มาทำคดีทีแรกก็ดี แต่ช่วงหลังก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งถ้าโอนคดีให้ พล.ต.อ.อัศวินมาทำ คดีก็จะไม่ไปไหน มีการทำให้คดีชะงัก เพราะรัฐบาลนี้ยังคงมีอำนาจอยู่ คนที่อยู่เบื้องหลังและเกี่ยวข้องล้วนเป็นคนที่มีอำนาจในรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น
ไม่คาดหวังความคืบหน้าคดี เชื่อยังมีคนตามล่าสังหาร
นายสนธิกล่าวด้วยว่า ช่วงแรกๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคงไม่คิดว่าเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล คิดว่ายังอินโนเซนต์อยู่ แต่ทำไปทำมานายอภิสิทธิ์ก็เริ่มเห็นว่ามันโยงกับใครในรัฐบาล เมื่อ พล.ต.อ.ธานีเกษียณอายุราชการก็เลยดึงเรื่องไว้ ไม่มีการแต่งตั้งใครมาทำคดีต่อ และพยายามโยนเรื่องไปให้ดีเอสไอหวังว่าจะกลบเรื่อง เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลนี้ยังมีอำนาจอยู่ คดีจะไม่ไปไหน เพราะคนที่สั่งการอยู่ในรัฐบาลเอง และเรื่องนี้สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ในเรื่องการรักษาความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งที่ตนเป็นสื่อมวลชนอาวุโส และคนร้ายลงมือในภาวะที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการตั้งด่านทหารประจำตามสี่แยกต่างๆ แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ กล้องวงจรปิดก็ถูกทำลาย คนที่ดูแลกล้องวงจรปิดก็คือตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้นรู้เรื่องหรือไม่ มีใครรายงานเรื่องกล้องเสียหรือไม่
นายสนธิ กล่าวด้วยว่าไม่คาดหวังเรื่องความคืบหน้าของคดี และเชื่อว่ายังมีขบวนการตามล่าสังหารตนอยู่ต่อไป ตราบใดที่มีการโกงกินและคนพวกนั้นคิดว่านายสนธิขัดขวางการเข้าสู่อำนาจของ พวกเขา ตนเป็นสื่อมวลชนอาวุโสหนึ่งในไม่กี่คนที่เหลืออยู่ แต่สื่อด้วยกันก็ไม่สนใจ เห็นอาชีพตัวเองถูกคุกคามเป็นเรื่องตลก พากันเงียบ เพราะรู้ว่าเบื้องหลังคือคนมีอำนาจ และสื่อหลายคนก็ร่วมมือกับผู้มีอำนาจ
“ผมผ่านความตายมาแล้ว เลยกลายเป็นเรื่องเฉยๆ ถ้าเราเอาหลักธรรมเข้ามาตอบ ข้อแรก ถ้าเราทำกรรมไว้ให้กับชาติบ้านเมือง มันคงตายไปแล้ว ผมโดนยิง 200 นัด กับเอ็ม 79 อีก 2 ลูก แต่มีแค่กระสุนถากหัว แต่ เสธ.แดงถูกยิงลูกเดียวตาย ถ้าเวรกรรมยังมาไม่ถึง และไม่ถูกกำหนดให้ตายก็คงไม่ตาย แต่ผมห่วงคนใกล้ตัวที่มาดูแลผม อาจจะทำให้เขาบาดเจ็บหรือสูญเสีย ซึ่งผมไม่ต้องการ”
เชื่อการเมืองไทยไปไม่รอด แฉทหาร-อำมาตย์หนุนอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
นายสนธิ กล่าวถึงการเมืองไทยปัจจุบันว่า ตนมองว่าการเมืองไปไม่รอดอยู่แล้ว สมัยก่อนพวกทหาร พวกอำมาตย์มองว่า เป็นเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจการเมืองถึงไม่ดี ถ้าพวกเราได้พรรคการเมืองที่ดีมีคุณธรรมมาเป็นรัฐบาล การเมืองจะดีขึ้น จึงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ โดยเอาทหารไปข่มขู่พรรคร่วมให้มาตั้งรัฐบาล
แต่ 2 ปีกว่าที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์แล้วว่านักการเมืองไม่ว่าใครก็ตาม นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อเข้ามาแล้วก็ชั่วเหมือนกันหมด การทุจริตสมัยนายอภิสิทธิ์รวมแล้วยังมากกว่าสมัยทักษิณอีก การแต่งตั้งข้าราชการไม่เป็นธรรมยุคนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ด้อยไปกว่ายุคทักษิณ แม้ว่าจะทำในนามพรรคร่วมรัฐบาลแต่นายอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบด้วย เรื่องความปลอดภัยสมัยทักษิณตนไม่ถูกลอบยิงแต่ยุคนายอภิสิทธิ์ตนถูกยิง เรื่องความมั่นคงเกี่ยวกับการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ยุคนายอภิสิทธิ์มีแต่พูดไม่ทำอะไร ปล่อยให้เกิดต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดีแต่พูดว่า “ใครจาบจ้วงเจอผม” แล้วให้ช่อง 5 เอาพระราชกรณียกิจมาเผยแพร่ นายเนวิน ชิดชอบ ก็คิดแค่ว่าการจงรักภักดีคือการจัดงาน นี่คือสติปัญญาของข้าราชการและนักการเมือง
ชี้ยุคอภิสิทธิ์ไม่ต่างจากทักษิณ แถมไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการเสียแผ่นดิน
การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันในสภาก็ไม่ต่างจากยุคทักษิณ การโกหกพกลมก็เหมือนกัน นายอภิสิทธิ์โกหกมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะสมัยนี้โกหกอย่างหน้าด้าน โกหกหน้าตาย ที่สำคัญคือไม่รู้สึกร้อนหนาวกับการที่ประเทศชาติสูญเสียแผ่นดิน กรณีเขมรสะท้อนถึงความล้มเหลวของทุกสถาบันโดยเฉพาะทหาร ซึ่งทหารยุคนี้ไม่ถูกฝึกและหล่อหลอมให้ปกป้องประเทศชาติ ลูกเมียทหารก็เอาแต่โชว์ฟอร์มเล่นเฟซบุ๊ก ถือกระเป๋าราคาแพง ไปเที่ยวยุโรป ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ประเทศชาติเป็นอย่างไรช่างมันขอให้เขาอยู่ได้
ส่วนนักการเมือง การเลือกตั้งคือการสลับเปลี่ยนขั้วกันไปมา เราออกมาสู้กับทักษิณด้วยหลักการ เมื่อนายอภิสิทธิ์เข้ามา หลักการของเราก็ไม่ต่างจากยุคทักษิณ เราจึงต้องออกมาประท้วง เพราะอภิสิทธิ์กับทักษิณไม่ต่างกัน เลวกว่าด้วยซ้ำ แต่โกหกแนบเนียนกว่า
เชื่อประชาชนจะเบื่อและโหวตโนถึง 3 ล้านคน รวมกับคนไม่ไปใช้สิทธิน่าจะเกิน 50%
นายสนธิกล่าวต่อว่า ความเบื่อหน่ายของประชาชนจะทำให้มีการกาช่องไม่เลือกใคร หรือ โหวตโนมากขึ้นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ครั้งที่แล้วมีการโหวตโน 1.5 ล้านคน คาดว่างวดนี้น่าจะมี 3 ล้านคน บวกกับคนที่ไม่ออกไปเลือกตั้งเพราะเบื่อการเมือง รวมแล้วน่าจะเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าเราถูกคนกลุ่มน้อยมัดมือชกเพื่อเข้าไปมีอำนาจปกครองประเทศเพื่อ ประโยชน์ของคนกลุ่มน้อยพวกนี้ การโหวตโนที่จะมากกว่าทุกครั้งทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลัวมาก และกระแสไม่เอาการเลือกตั้งมีมากขึ้น อยากให้นักการเมืองหยุดสัก 3-5 ปี แล้วมาปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการปกครองประเทศชาติให้มีคุณธรรมจริยธรรมจริงๆ ไม่ให้มีการปล้นชาติบ้านเมือง สร้างหลักจริยธรรมในการปกครองบ้านเมืองอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นกระแสมากขึ้น แต่ถ้านักการเมืองไม่ยอมก็เป็นจุดจบของประเทศชาติ
ลั่นถึงเวลาที่อำมาตย์-ทหาร-ปชป. ต้องเผชิญกับทักษิณเอง โดยที่ พธม. จะไม่ยุ่ง
นายสนธิกล่าวว่า ข้อเรียกร้องของพวกเรานั้นถูกต้อง พิสูจน์ชัดแล้ว แต่ถ้าเราทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องอยู่เฉยๆ ให้เขารบกันเอง อาจถึงเวลาที่กลุ่มอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์ หรือทหารบางคนต้องเผชิญกับกลุ่มอำนาจใหม่คือทักษิณ ชินวัตร โดยที่เราไม่ต้องเข้ายุ่ง ให้เขารบกันเอง แต่สิ่งที่เราสู้มาประเด็นไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนที่มาชุมนุม คนที่ดูการชุมนุมผ่านเอเอสทีวีมีเป็นจำนวนมาก และขณะนี้มีคนที่เคยคิดตรงข้ามกับเราคือเสื้อแดงที่หันมาดูเรา แท็กซี่ที่เคยเป็นศัตรูเราก็ฟังเรามากขึ้น ตรงนี้ถือว่าได้ผล อันที่สอง การที่เราออกมาครั้งนี้ เราไม่ได้ชุมนุมเพื่อตัวเราเอง แต่เราชุมนุมเรื่องชาติบ้านเมืองเรื่องการเสียดินแดนให้เขมร เพราะฉะนั้นเรายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องชอบธรรมที่สุด สิ่งที่เราสู้มา เริ่มได้ผล วันนี้ความจริงเริ่มปรากฏ รัฐบาลยิ่งอยู่ไป ความจริงยิ่งโผล่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจบีซี หรือที่เราพูดมาตลอดว่าระวังรัฐบาลทำเช่นนี้จะเข้าทางเขมรที่ทำให้เรื่อง พรมแดนกลายเป็นเรื่องพหุภาคี นายอภิสิทธิ์ก็บอกไม่มีทาง วันนี้นายอภิสิทธิ์ก็พูดไม่ออก ซึ่งตอนนี้ก็มีอินโดนีเซียเข้ามาแล้ว เรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่นายอภิสิทธิ์เคยบอกว่าเป็นของไทย ตอนนี้ก็ไม่พูดแล้ว บอกแค่ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน นายอภิสิทธิ์โกหกอะไรมาจึงถูกจับได้ตลอด คำถามคือนายอภิสิทธิ์ จะโกหกต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
เชื่อพ่อยกแม่ยกจะเห็นธาตุแท้ เมื่อท้ายสุดเพื่อไทย-ปชป. จะจับมือกันตบหน้าอำมาตย์
“ที่สำคัญคือคนที่เชื่อคุณอภิสิทธิ์อยู่ จะทนให้คุณอภิสิทธิ์โกหกต่อไปอีกนานแค่ไหน ถ้าทนได้ตลอดไปก็แสดงว่าอนาคตสังคมไทยมันไม่มีแล้ว” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่า การชุมนุมจะยุติลงเมื่อใด แม้ว่าโดยส่วนตัวอยากจะให้พี่น้องได้พัก เพื่อหยุดดูการต่อสู้กันของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าท้ายที่สุด 2 พรรคนี้จะจับมือกันและร่วมกันตบหน้าอำมาตย์ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และถึงเวลาแล้วที่จะให้กลุ่มอำมาตย์เผชิญหน้ากับอำนาจใหม่คือทักษิณ ชินวัตรเอาเอง เมื่อถึงตอนนั้นพ่อยกแม่ยกจะเห็นธาตุแท้และได้รู้ว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ประชาชนไม่ว่าสีอะไร เมื่อได้เห็นการโกงกินแล้วจะออกมาร่วมกันต่อสู้อย่างแน่นอน และตราบใดที่ยังมีความถูกต้อง พันธมิตรฯ จะยังรวมตัวกันต่อไป และหากประเทศชาติต้องการความถูกต้อง ก็จะยังมีพันธมิตรฯ อยู่ต่อไป
ที่มา: เรียบเรียงจาก เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์