WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 3, 2011

ศีลธรรมกับ ‘พื้นที่ความเป็นมนุษย์’

ที่มา ประชาไท

ผม “ถูกใจ” การ์ตูน “เชีย” ข้างล่างนี้มากครับ

การ์ตูนเซียร์ ไทยรัฐ, 2 พ.ค. 2554
(ภาพจากไทยรัฐออนไลน์, 2 พ.ค. 2554)

ในความเห็นของผมเป็นภาพการ์ตูนที่เสนอ “ประเด็นทางศีลธรรม” อย่างแหลมคมที่เราควรช่วยกันคิดอย่างจริงจัง หากเราต้องการปกป้อง “พื้นที่ความเป็นมนุษย์” ของเราจากการครอบงำของศีลธรรมอำมหิต

ความเป็นมนุษย์ของเรานั้นมี “พื้นที่” ทั้งมิติกว้างและลึกที๋เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย สถานการณ์และบริบทที่หลากหลาย ซับซ้อน แต่ดูเหมือนว่าสถาบันทางศีลธรรมเช่น สถาบันทางศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ฯลฯ พยายามใช้พื้นที่ทางศีลธรรมมาสวมทับหรือครอบงำพื้นที่ความเป็นมนุษย์ของเราแทบทุกมิติ

พูดอีกอย่างว่า ความเป็นมนุษย์แทบทุกมิติของเรา “ถูกยัด” เข้าไปในพื้นที่ทางศีลธรรมที่เป็นเรื่องดี-ชั่วแบบขาว-ดำ เช่น ศีลธรรมเข้าไปจัดการพื้นที่ภายในจิตใจของเราว่า เรามีความคิดสองประเภทคือคิดดีกับคิดชั่ว เมื่อคิดดีก็เป็นบุญเมื่อคิดชั่วก็เป็นบาป การพูดและการกระทำของเราก็ถูกจัดเป็นสองประเภทคือดีกับชั่วหรือบุญกับบาปเท่านั้น

และโดยที่กรอบคิดทางศีลธรรมแบบขาว-ดำนี้ ถูกขยายไปครอบคลุมแทบทุกกิจกรรมของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางการเมือง เศรษฐกิจ กิจกรรมทางเพศ และแม้แต่ละคร ภาพยนตร์ ภาพเปลือยก็ไม่ได้มีความหมายในเชิงศิลปะที่เป็นอิสระหรือพ้นไปจากกรอบของดี-ชั่วแบบขาวดำ หากแต่จำเป็นต้องถูกพิพากษา กระหนาบ สำทับ ลงโทษโดยอ้างอิงกรอบของศีลธรรมแบบขาว-ดำได้เสมอ

ฉะนั้น เรื่องราวของตัวละครอย่าง “เรยา” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องราวของตัวละครที่ถ่ายทอดผ่านบทละครและการแสดงซึ่งเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง หากนัยยะสำคัญกว่าคือมันมีความหมายถูก-ผิด ดี-ชั่วในทางศีลธรรมหรือไม่? หากผิดศีลธรรม รัฐย่อมมีความชอบธรรมในการใช้ “อำนาจ” เข้าไปจัดการ เช่น ด้วยการตักเตือน เซ็นเซอร์ แบน ฯลฯ

จะเห็นว่า ความหมายของศีลธรรมแบบ ขาว-ดำดังกล่าวไม่ใช่สัมพันธ์อยู่กับ “เหตุผล” แต่สัมพันธ์กับ “อำนาจ” เช่น พฤติกรรมของเรยา จะถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควรเลียนแบบเป็นต้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผลหรือวิจารณญาณของคนดูละครแต่ละคน แต่ขึ้นอยู่กับ “อำนาจ” เช่น อำนาจวินิจฉัยของนักศีลธรรม นักเทศน์ สถาบันศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น

เมื่อความหมายอของศีลธรรมสัมพันธ์กับอำนาจ ศีลธรรมจึงไม่ได้มาจากเหตุผลที่แต่ละคนมีเสรีภาพในการวินิจฉัยด้วยวิจารณญาณของตนเอง หากแต่ศีลธรรมเป็นเรื่องที่ต้องเชื่อฟังผู้มีอำนาจ ถูก-ผิดอยู่ที่ผู้มีอำนาจเป็นผู้บอก

ฉะนั้น เมื่อผู้มีอำนาจบอกว่าการสลายการชุมนุมที่เป็นเหตุให้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเป็นเรื่องที่ไม่ผิด ประชาชนก็ต้องเชื่อ ไม่ต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจรับผิดชอบเหมือนที่เรียกร้องให้แบนหรือเซ็นเซอร์ละคร หรือภาพยนตร์ ฯลฯ ที่ผู้มีอำนาจวินิจฉัยหรือชี้นำว่าผิดหลักศีลธรรม

ดังกรณีวัยรุ่นโชว์เปลือยกายในงานสงกรานต์ที่สีลมเช่นกัน ผมหดหู่ใจมากเมื่อเห็น “พระชื่อดัง” ออกมาพูดว่า เป็น “ความเสียหายระดับสากล” พร้อมเรียกร้องว่าหน่วยงานในพื้นที่ควรมีส่วนรับผิดชอบ ไล่ไปตั้งแต่ผู้ว่าฯ กทม.จนถึง “มหาเถรสมาคม” ที่หดหู่ใจเพราะผมไม่เคยเห็นพระชื่อดังรูปใดๆ รวมไปถึงมหาเถรสมาคมออกมาเรียกร้องให้ “ผู้มีอำนาจ” รับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมที่ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

กลายเป็นว่า พื้นที่ความเป็นมนุษย์ในมติที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความเป็นมนุษย์ในมิติที่เจ็บปวด บาดเจ็บ ล้มตาย เพราะถูกอำนาจอันอยุติธรรมกดขี่เข่นฆ่า กลับเป็นพื้นที่ที่ศีลธรรมแผ่ไปไม่ถึง ศีลธรรมแบบขาว-ดำ + อำนาจนิยม ไม่เคยไม่เคยแคร์ต่อความไม่เป็นธรรมทางสังคม และไม่เคยโอบอุ้ม หรือแม้แต่ปลุกปลอบใจประชาชนคนเล็กคนน้อยที่ถูกกดขี่บีฑาใดๆ เลย

นอกจากจะไม่เคยอยู่ข้างคนเล็กคนน้อย หรือประชาชนที่ถูกกดขี่เอาเปรียบแล้ว ศีลธรรมแบบขาว-ดำ + อำนาจนิยม ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ทั้งในรูปของ “ยากล่อมประสาท” ที่มอมเมาประชาชนให้สยบยอมต่ออำนาจที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนชั้นปกครอง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์ ลดทอน ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ตลอดถึงใช้เป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยตลอดมา

ฉะนั้น เป็นความจริงหรือไม่ว่า หากพื้นที่ความเป็นมนุษย์ในมิติที่สำคัญอย่างยิ่งคือ พื้นที่ที่เป็นมิติเสรีภาพ ความเสมอภาคในความเป็นคน และความเป็นธรรม ศีลธรรมแบบขาวดำ+ อำนาจนิยม ที่สืบทอดโดยสถาบันทางศาสนาและชนชั้นปกครองนอกจากจะไม่ได้ช่วย “ปกป้อง” หรือช่วย “ขยาย” พื้นที่ความเป็นมนุษย์ในมติดังกล่าวแล้ว

ยังนับวันจะทำลายอย่างอำมหิตและน่าสยดสยอง !