WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 5, 2011

โพลเผย!เลือกตั้งครั้งใหม่"คนอีสาน"เลือก"พท."ทิ้งห่าง"ปชป."ถึง3เท่า! ภท.ผูกขาด"บุรีรัมย์"ที่เดียว

ที่มา มติชน

ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง "เลือกตั้งครั้งใหม่ชาวอีสานจะเลือกใคร" ซึ่งทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,354 ราย พบคะแนนโหวตพรรคเพื่อไทยสูงสุด 63.9% รองลงมาพรรคประชาธิปัตย์ 20.7%

อาจารย์ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของชาวอีสานที่มีต่อการเมืองและทิศทางในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,354 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมด 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำรวจระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2554 ผลสำรวจมีดังนี้

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า มีพรรคการเมืองที่เลือกไว้ในใจแล้ว ร้อยละ 58.9 ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด ร้อยละ 33.3 และที่ไม่ประสงค์จะออกเสียงเลือกตั้ง ร้อยละ 7.7

เมื่อพิจารณาผลการหยั่งเสียงเลือกพรรคในภาพรวมทุกจังหวัดของพื้นที่ภาคอีสาน ผลออกมาว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.9 จะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 20.7 จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ถัดมาร้อยละ 9.1 ตอบว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ร้อยละ 5.3 จะเลือกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จะเลือกพรรคความหวังใหม่ มีร้อยละ 0.7 ส่วนผู้ที่จะเลือกพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีร้อยละ 0.3 และจะเลือกพรรคประชาราช มีร้อยละ 0.1 ตามลำดับ


อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลการหยั่งเสียงตามจังหวัดที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ รวม 5 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ผลสำรวจมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

จังหวัดขอนแก่น ผลออกมาว่ากลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 65.1 รองลงมาจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 28.2 จะเลือกพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 4.8 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 2.0

จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 41.3 รองลงมา ร้อยละ 28.4 จะเลือกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ถัดมาผู้ที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ มีร้อยละ 22.0 และที่จะเลือกเลือกพรรคอื่นๆ ร้อยละ 8.3

จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างตอบว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทยมากที่สุด ร้อยละ 41.9 รองลงมาร้อยละ 36.4 จะเลือกพรรคเพื่อไทย ลำดับถัดมาจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 19.2 และจะเลือกพรรคอื่นๆ ร้อยละ 2.5

จังหวัดอุดรธานี พบว่ากลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 84.6 รองลงมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 14.7 และจะเลือกพรรคอื่นๆ ร้อยละ 0.8

จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มตัวอย่างตอบว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 71.2 รองลงมาจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 25.6 และจะเลือกพรรคอื่นๆ ร้อยละ 3.3

“ผลการหยั่งเสียงของคนอีสานในครั้งนี้ แม้จะเห็นแนวโน้มว่าพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นพรรคที่ครองฐานเสียงในภาคอีสานได้มากที่สุดเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ยกเว้นในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่อย่าลืมว่ายังมีกลุ่มตัวอย่างอีกถึง 1 ใน 3 หรือกว่าร้อยละ 33.3 ที่ตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกพรรคการเมืองใด ซึ่งมีนัยสำคัญว่า คนอีสานมีวิจารณญาณในการเลือกตั้งมากพอสมควร โดยคาดว่าคนกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร จะต้องมีการหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้สมัครและจับตาดูนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อเอามาประกอบการตัดสินใจก่อนจะเลือกพรรคหนึ่งพรรคใดอย่างแน่นอน ดังนั้น ผลการเลือกตั้งที่แท้จริงอาจพลิกผันได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าพรรคการเมืองใดจะชูนโยบายในพัฒนาประเทศได้ตรงใจประชาชนมากกว่ากัน

ยิ่งถ้าเอาความคิดเห็นเพิ่มเติมที่กลุ่มตัวอย่างเขียนระบุเอาไว้ให้มาพิจารณาด้วยแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนอีสานคิดอย่างไรและต้องการอะไรจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะหลายคนได้ให้เหตุผลคล้ายๆ กันว่าพรรคการเมืองที่ตนเองจะเลือกจะต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ต้องเป็นผู้ที่จะมาสร้างสันติสุขในสังคมไทย และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมไปถึงมีแนวทางในสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่ชัดเจนอีกด้วย” อาจารย์ประเสริฐกล่าวในตอนท้าย