ที่มา ประชาไท
การจู่โจมปิดสถานีวิทยุชุมชน และ ดีเอสไอ ขอถอนประกัน แกนนำ 9 คน ในข้อหาปลุกปั่นยุยง ประชาชน รวมทั้ง คุณจตุพร พรหมพันธ์ และแกนนำรวม18คน โดนข้อหาในมาตรา112 ,116 ซึ่งเป็นมาตราเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อหาปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกฯ
นอกจากนี้ในฝั่งกองทัพ การออกมาตบเท้าแสดงความพร้อมเพื่อสำแดงกำลังโดยสามารถเคลื่อนออกมาได้ ตั้งแต่ ในทันที ครึ่งชั่วโมง ไปถึงสามชั่วโมงในการเคลื่อนกำลังไปสู่เป้าหมาย และใช้สถานีวิทยุชุมชนเครือข่าย กอ.รมน.จำนวนกว่า 700 สถานีในการ โจมตีใส่ร้ายป้ายสี ประชาชน คนเสื้อแดง ล้วนเป็นท่าทีดุดันของกองทัพ ร่วมกับ กอ.รมน. ในการพร้อมทำรัฐประหาร
นี่ไม่ใช่การขู่ขวัญเฉยๆ แต่มีปฏิบัติการที่เป็นจริงต่อแกนนำคนเสื้อแดง และสื่อเสื้อแดง โดยใช้กฏหมายอาญามาตรา112(หมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ) และกฏหมายอาญามาตรา116 (ยุยงให้เกิดการแตกแยกฯ) สองมาตรามาเป็นเครื่องมือจัดการกับประชาชนโดยไม่คำนึงถึงว่า มีหลักฐานจริงๆตามข้อกล่าวหาหรือไม่
นี่เป็นปฏิบัติการที่กล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่งของกองทัพไทย โดยไม่แยแสกับสายตาประชาชนไทยและไม่แยแสกับสายตาสังคมโลก ตรงข้ามกับพม่าที่กำลังพัฒนาดียิ่งๆขึ้นในการพัฒนาประชาธิปไตย แต่ในประเทศไทย ประชาธิปไตยไทยมีแต่สาละวันเตี้ยลง จนไม่เหลือซากประชาธิปไตยแล้ว
ความจริงขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์รัฐประหารแท้ๆ ไม่กี่วันมานี้วุฒิสมาชิกรุ่น คมช. แต่งตั้ง ยังกลับมาเรียงหน้าเป็นแถว พร้อมกับการแย่งชิงตำแหน่งกรรมาธิการสำคัญๆโดยนายทหารใหญ่เกี่ยวพันกับคมช.เข้ามาบงการ
การใช้กำลัง กอ.รมน.ลงพื้นที่แทรกแซง กดดันการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง โดยห้ามเลือกพรรคที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าล้มเจ้า ก็ยืนยันสถานการณ์รัฐประหารที่ดำรงอยู่เช่นกัน ไม่พูดถึงการประเคนงบประมาณในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และ ให้หน่วยงาน กอ.รมน.ในการทำงานพิเศษตามที่กองทัพปรารถนา นี่จึงเป็นสถานการณ์รัฐประหารของระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ยังคงดำรงอยู่
การก่อรัฐประหารซ้ำจึงอาจไม่จำเป็นต้องทำแบบเดิมๆก็ได้ อาจใช้การบิดเบือนกฏหมายบางมาตราในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีและคณะผู้บริหารโดยวิธีพิเศษที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่การใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐประหารก็อาจเกิดขึ้น ได้เช่นกัน เพราะดูปฏิบัติการที่ทำไปแล้ว ก็ไม่แยแสกับความถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด
แต่ถ้าสถานการณ์ยุบสภา เลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้จริง นี่ก็จะเป็นสถานการณ์ใหม่ที่เป็นการเริ่มก้าวย่างเข้าสู่การต่อสู้ในแบบ เพื่อระบอบประชาธิปไตย ประชาชนไทยและชาวโลกจะได้เห็นการรณรงค์หาเสียงประเภทที่สู้กันเอิกเกริกสุด ตัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคที่มีขบวนการประชาชนคนเสื้อแดงสนับสนุน จะคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง เพราะสำหรับนปช.แดงทั้งแผ่นดิน จะถือการรณรงค์ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม และมีปฏิญญาร่วมกันที่จะสนับสนุนพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ให้ชนะเลือกตั้ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลประชาชนให้ได้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยมีระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิด ขึ้นให้ได้ ดังนั้นคนเสื้อแดงจะร่วมมือเป็นใจเดียวกันที่จะช่วยกันรณรงค์เต็มกำลัง เพราะนี่เป็นวิถีทางโดยสันติวิธีที่สำคัญในการต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย ในวิถีทางรัฐสภา ที่มือประชาชนสามารถโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตยได้โดยการไม่เลือกพรรคการ เมืองของระบอบอำมาตย์
แล้วพรรคไหนเป็นพรรคการเมืองของระบอบอำมาตย์ก็ ดูไม่ยาก เพราะรู้ๆกันอยู่ ตั้งแต่การก่อตั้งพรรค อายุขัยพรรค ยาวนาน พรรคใดที่ต่อต้านคณะราษฎร ทำลายบุคคลำคัญในระบอบประชาธิปไตย โดยใช้เรื่องราวสถาบันกษัตริย์ พรรคใดที่ไม่ต่อต้านทหารเผด็จการในการทำรัฐประหาร กลับร่วมมือกับคณะรัฐประหารหลายยุคหลายสมัย นับแต่รัฐประหารพศ.2490เป็นต้นมา จึงเป็นหลักไมล์สำคัญในการทำลายระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่บัดนั้น และในยุคเผด็จการทหารครองเมือง ถ้าเข้ากันได้ดีกับกลุ่มจารีตนิยม พรรคนี้จะไม่ต่อต้านคัดค้าน แต่ถ้าคณะทหารใดที่ขัดแย้งกับกลุ่มจารีตนิยม และมีประชาชนออกมาต่อสู้ พรรคนี้ก็จะออกมาต่อสู้แบบหน่อมแน้ม เสร็จแล้วก็ด่าว่า เพื่อนพาคนไปตาย แล้วลงท้ายพรรคตนเองก็จะได้อำนาจบริหาร พรรคแบบนี้จึงเป็นพรรคของระบอบอำมาตยาธิปไตยที่เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ ระบอบอำมาตยาธิปไตยสามารถดำรงอยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย ถ้าเราสามารถโค่นล้มพรรคของอำมาตย์ฯตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยโดยการ เลือกตั้ง นี่ก็จะเป็นชัยชนะของระบอบประชาธิปไตยเหนือระบอบอำมาตยาธิปไตย
คนเสื้อแดงจึงจะต้องคึกคักเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งพวกฝ่ายอำมาตย์ด้วยเช่นกัน เพราะนี่เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของประชาชนทีอดทนเป็นฝ่ายผู้ถูกกระทำย่ำยีเข่นฆ่าแต่เพียงฝ่ายเดียวมาเกือบห้าปีแล้ว