WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 2, 2011

91 ศพไม่จบง่ายๆ

ที่มา ข่าวสด

บทบรรณาธิการ


ปลาย สัปดาห์ที่ผ่านมา นางกฤตยา อาชวนิจกุล รองผอ.สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ตัวแทนศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณีเมษายน-พฤษภาคม 2553 (ศปช.)

แถลงความคืบหน้าการสอบสวนว่า รัฐบาลไม่สมควรสั่งทหารใช้ปืนสไนเปอร์กับประชาชน เพราะมีการใช้กระสุนปืนสไนเปอร์ในเหตุการณ์ทั้งหมด 2,000 กว่านัด

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงคลี่คลายได้ยาก หากความจริงกับการพูดของแต่ละฝ่ายยังบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะหากการทำงานของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และตำรวจ

ยังล่าช้าไม่มีความคืบหน้า

ใน เอกสารของศปช.ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม มีทั้งสิ้น 92 ราย เสียชีวิตในวันที่ 10 เม.ย. 26 ราย ในระหว่างวันที่ 14-19 พ.ค. 57 ราย ส่วนอีก 9 รายเสียชีวิตในการปะทะย่อยและในต่างจังหวัด

และภายหลังจากประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 7 เม.ย. ถึงปัจจุบันยังมีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวทั่วประเทศอีก 133 ราย

ข้อหาส่วนใหญ่ คือ การละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยการชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป การร่วมวางเพลิง สถานที่ราชการ และก่อการร้าย อีก 5 ราย ฯลฯ

ขณะที่การออกหมายจับ และการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มนปช.

ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

ลําพังการเสียชีวิตจากอาวุธสงครามของประชาชนเกือบ 100 คน และได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน ก็เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมอยู่แล้ว

แต่กระบวนการที่ทำให้ความจริงและความยุติธรรมล่าช้าออกไป ยิ่งสร้างรอยแผลและปัญหาให้กับสังคมยิ่งกว่า

ส่วนหนึ่งของความคับแค้นอัดอั้นนี้ สะท้อนจากผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอยู่แล้ว แต่เพียงเท่านั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ความปกติกลับคืนสู่สังคมไทย

มีแต่การนำความจริงมาเปิดเผยอย่างโปร่งใส เพื่อผลักดันให้กลไกของกระบวนการยุติธรรมที่แท้จริงเดินหน้าต่อไป

จึงจะสามารถทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง