WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, October 9, 2011

วรเจตน์ ภาคีรัตน์" เดินหน้าหยุดระบบปฏิวัติ

ที่มา มติชน



คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง มติชน



หลังเปิดความคิดคณะนิติราษฎร์ ที่ออกมาเสนอยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้มีกำหนดโทษคนทำรัฐประหาร จนส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันเข้มข้นและกว้างขวางสั่นสะเทือนไปทั้งวง การวิชาการ ระดับที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้

"วรเจตน์ ภาคีรัตน์" หัวขบวนนิติราษฎร์ ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ประกาศว่าสัปดาห์หน้าจะเปิดประเด็นเพื่อเคลื่อนต่อ

"การทำให้ระบอบประชาธิปไตยยั่งยืน การปรับความคิดเป็นเรื่องสำคัญ ปูฐานความคิดให้คนเห็นภาพ ที่สุดจะทำให้ประเทศไปในทิศทางประชาธิปไตยได้" คือบทสรุปทั้งเป้าหมาย และวิธีการของ อาจารย์วรเจตน์แห่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ความยุ่งยากของการบริการจัดการประเทศนี้ ถ้าจะว่ากันแบบตรงไปตรงมาคงต้องสรุปว่า เกิดจากความสับสนในรูปแบบการปกครอง

ไม่รู้ว่าจะบริหารจัดการชาติด้วยระบบไหนดี

ทางหนึ่ง เดินตามอารยประเทศ ด้วยการประกาศตัวเป็น "ประชาธิปไตย"

แต่อีกทางหนึ่งก็ช่วยกันปลุกระดมความคิด ความเชื่อ ว่านักการเมืองเป็นกลุ่มคนเลวร้าย แย่งชิงอำนาจกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

เป็นกลุ่มคนที่ต้องกีดกันไม่ให้เข้ามามีอำนาจ

เมื่อระบอบประชาธิปไตย เป็นระบบการปกครองที่กำหนดให้นักการเมืองเป็นผู้แทนประชาชนเข้ามาบริหารประเทศ เมื่อ

ประชาชนเลือกใครเข้ามา กลุ่มคน หรือที่เรียกว่าพรรคนั้นถือว่าได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนให้เป็นผู้บริหารชาติ จนกว่าจะพ้นวาระ

โดยรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดกำหนดไว้ชัดเจน

แต่เพราะมีบางกลุ่มบางพวกพยายามปลุกความคิดไม่ไว้วางใจนักการเมือง ประกอบกับนักการเมืองเองบางคนมีพฤติกรรมส่อไปในทางแสวงประโยชน์

ประชาชนส่วนหนึ่งจึงชื่นชมยินดีที่ "กองทัพ" ทำการรัฐประหาร ขับไล่รัฐบาลจากพรรคการเมืองให้พ้นอำนาจ และฉีกกฎหมายสูงสุดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า

ขณะเดียวกันก็มีประชาชนอีกฝ่าย ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารคืนอำนาจให้ประชาชน ผสานเสียงกับแรงกดดันจากอารยประเทศ

ทำให้รัฐบาลทหารไม่เคยไปรอด ต้องแปลงร่างมาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย บ่อยครั้งที่พยายามหารูปแบบ เชิดพรรคการเมืองบางพรรคขึ้นมาอยู่ข้างหน้า

แต่ที่สุดก็ไม่รอด ต้องยอมให้มีการเลือกตั้ง ให้รัฐบาลจากพรรคการเมืองกลับเข้ามา แล้วหาทางทำลายใหม่

สภาพที่การเมืองวนไปเวียนมากับสองระบบเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้ประเทศไม่พัฒนา แต่ยังทำให้เกิดการปะทะ มีการใช้กำลังรุนแรงกับประชาชน จนต้องสูญเสียเลือดเนื้อ และชีวิตมาหลายครั้งหลายหน

จนไทยเป็นเหมือนประเทศที่ไม่เคยเข็ดหลาบกับการไม่ทำให้การบริหารประเทศไปทางใดทางหนึ่ง

จะมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนได้ ประชาชนต้องเลิกสับสนไปเรียกหา อำนาจนอกระบบ

การจะทำเช่นนั้นได้ ต้องสร้างความคิดให้ประชาชนอย่างจริงจัง

เป็นความคิดที่จะร่วมกันหากลไกสกัดกั้นไม่ให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาอีก

เพื่อหยุดการสูญเสียซ้ำซาก

"อาจารย์วรเจตน์" และ "คณะนิติราษฎร์" กำลังเดินต่อเนื่อง

เพื่อประเทศไทยปลอดการปฏิวัติรัฐประหารอย่างถาวร