ที่มา Thai E-News
18 มกราคม 2555
โดย ทีมข่าว ไทยอีนิวส์
หลัง กระแสโจมตีครอบครัวผู้เสียหายและญาติวีรชนจากเหตุการณ์สังหารหมู่ ประชาชนกลางมหานครกรุงเทพเมื่อเดือนเมษา - พฤษภา 2553 ว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง และรับจ้างตายเพื่อเงินเจ็ดล้านเจ็ด รวมทั้งการพยายามของสส. ประชาธิปัตย์ที่จะต่อต้านมาตราการเยียวยานี้
ฝ่ายญาติวีรชน ได้แสดงมาตรการตอบโต้ทั้งในรูปของบทกวี และการประท้วง
รวมทั้งนักวิชาการที่มีความเที่ยงธรรมหลายท่านได้เขียนข้อคิดและบทความหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องเงินกับชีวิต
ไทย อีนิวส์ เห็นว่าการตอบโต้กับกระแสโจมตีที่ไร้จิตสำนึกแห่งความเป็นคนเหล่านี้ เป็นส่ิงที่ญาติวีรชน และผู้ที่รักในความยุติธรรมสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง และสังคมควรร่วมรับรู้
วัน อาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2554 กลุ่ม "กวีราษฎร์" จัดงาน "กลับสู่แสงสว่าง" (วันแรก) ขึ้น ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยในงานดังกล่าว "พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ" (พ่อน้องเณอ(อายุ 17 ปี) ที่เสียชีวิตจากการยิงของทหารเมื่อ 15 พฤษภาคม 2553) ได้อ่านบทกวี "ส้นตีนแด่มหากวีผู้ยิ่งใหญ่" บทกวีที่เขียนถึงใครสักคนที่พันธ์ศักดิ์เรียกว่า "มหากวีผู้ยิ่งใหญ่" ผู้แสดงความรู้สึกไว้ต่อกรณีเงินชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ ชุมนุมทางการเมือง
บทกวี: ส้นตีนแด่มหากวีผู้ยิ่งใหญ่
กวีกเฬวราก
ที่มาเฟสบุค ปีเตอร์ ศรี มีเฌอเป็นลูกรัก
ส้นตีนเถอะมหากวีซีไหล
ซ่อนซุกตัวในไพรวนาสี
เที่ยวกู่ก้องร้องด่าประชาชี
ไม่ใส่ใจชีวีที่วางวาย
ควยไหมครับมหากวีซีไหล
ด่าจิกไพร่แลชาวนาว่าเสิบสาน
เหมารวมว่าเผาบ้านผลาญนครา
พ่อแม่มึงใช่ชาวนาหรือว่าไร
เขียนกวีด่าชาวนาว่าเป็นไพร่
เป็นวัวควายสนตะพายใช้แบกหาม
หลอกให้เผาบ้านเมืองจนวายปราณ
แล้วรับอามิสสินจ้างผ่านเยียวยา
ประชาชนล้มตายใบไม้ร่วง
มหากวีไม่ห่วงหรือสงสัย
ใช่พวกตนพวกข้าฯอย่าเอ็ดไป
เพียงเพราะพวกจังไรใส่เสื้อแดง
มหากวีซีอะไรก็ไม่รู้
มัวแต่อุดหูหัวอยู่ในห้อง*
กรีดร้องด่าคนตายขยายลำพอง
เพียงเพราะพี่น้องคิด – ไม่เหมือนมึง
เอาเถอะ..มหากวีซีไหล
ชั่วแต่ชาวนายังด่าได้ไม่เห็นหัว
โคตรพ่อแม่มึงคงหลั่งน้ำตารัว
ไอ้ลูกชั่ว...สอนไม่จำ - ระยำเลว
เป็นกวีซีอะไรยังไงหรือ
ฤาว่าแค่ฝึกปรือให้เข้าขั้น
ฝึกทักษะการกวีทุกวี่วัน
ส่วนความเป็นคนนั้น – บ่ สะออน
เป็นกวีซีอะไรก็ช่างเถิด
แต่อย่าเพริศเพราะศักดาหน้าตาใหญ่
บดขยี้ความเป็นคนของตนไป
เพราะหลงผิดคิดไม่ได้ไร้ปัญญา
สุดท้ายนี้.......
ขอพูดแรงแรงสักครั้งดังจากใจ
แดกส้นตีนสักทีไหมมหากวี.
หมายเหตุ
* ท่อนที่ว่า “มัวแต่อุดหูหัวอยู่ในห้อง” มาจากการพบเจอบทกวีและข้อความจำนวนมากที่มหากวีซี 8 ท่านหนึ่งเขียนด่าคนตายแล้วได้เจ็ดล้านเจ็ดในหน้ากระดานของตัวเองซึ่งจำกัด การมองเห็นแค่เพื่อนตัวที่มีอยู่พันกว่าคน โดยหลงลืมหรืออาจจะไร้สติไปว่าเพื่อนบางคนของเขาอาจจะแชร์แล้วตั้งค่า สาธารณะ เพียงแค่นั้นความมืดบอดของเขาก็ปรากฏสู่สายตาชาวโลก
เมื่อ ครั้งริแต่กลอน ไม่ใช่เพื่อจะเอาไปใช้จีบสาวแต่เห็นว่าการชมธรรมชาติอันสวยงามของโลกมนุษย์ นั้นใช้ร้อยแก้วรู้สึกไม่สมใจ และยึดติดในกมลสันดานมาตลอดว่าการเขียนบทกวีควรเขียนเรื่องสวยงาม ภาษาที่กลั่นเกลาอย่างสละสลวย คำศัพท์ที่ต้องแปลกลับไปมา และพยายามไม่เฉพาะเจาะจงในเรื่องอะไร โดยแสร้งบอกคนอ่านว่า “แล้วแต่ตีความ” เพื่อสร้าง “ความขลัง” ให้ตัวเองขึ้นมาสักนิดก็ยังดี
จน กระทั่งผมล้มที่รัชดาลัย จึงพบว่าบทกวีบางชิ้นที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับอวยเทวดา นางฟ้า หรือผู้มีบุญญาธิการ ด้วยภาษาชั้นสูง ใช้ขนบของร้อยกรองที่สามัญชนธรรมดายากที่จะเลียนแบบ กลับกลั่นออกมาจากสมองของคนที่จิตใจมืดดำ ไร้ความเป็นมนุษย์ อาจจะเพราะผู้ประพันธ์มัวแต่อวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนตัวเองก็รู้สึกว่าสูงตาม สิ่งที่ตนยกยอไปด้วย จึงเห็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเป็นเพียงสัตว์ชั้นต่ำที่ต้องโบยตีหรือเข่นฆ่า ให้บรรลัย หากไม่ยอมศิโรราบหรืออยู่ในอาณัติ ซึ่งบทกวีแบบนั้นสำหรับผมแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ “ส้นตีนชนิดหนึ่ง”
ผม จึงเห็นว่าการเขียนบทกวีถึงคนเหล่านั้นจึงควรใช้ภาษาชั้นต่ำ หยาบคายเพื่อเปิดเปลือยให้เห็นความไร้หัวจิตหัวใจของคนที่ไม่ใช่คนอีกต่อไป เพราะเขาคือ “มหากวี” ที่ไม่สามารถอ่าน “ภาษาคน” รู้เรื่องอีกต่อไป
ผม ร่างตัวบทส่วนใหญ่ตอนเย็นย่ำวันเด็กปีนี้ บนรถเมล์สาย 89 จากเจริญนครถึงตลิ่งชัน และนั่งนึกเรื่อยเปื่อยต่อบนรถเมล์สาย 127 โชคดีที่บ้านอยู่ไกลพอที่จะทะลุบางคำเมื่อรถถึงบางบัวทองแล้ว
อย่าง ที่บอก หลังจากล้มที่รัชดาลัยผมเลยนึกถึงส้นตีนอยู่บ่อยบ่อย ยิ่งเพื่อนรุ่นพี่บอกกล่าวว่าจะพาไปแดกตีนที่ “ฟ้าสูง” หลังงานนิติราษฎร์ด้วยแล้วผมยิ่งกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ขอขอบคุณสัตว์ชั้นสูงสมองเลอเลิศที่ขยันหาเรื่องราวให้ผมเสาะหาส้นตีนให้พวกคุณแดกได้อยู่เรื่อยเรื่อย.
พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ
คืนวันเด็กปี 2554
แม่ น้องเกดเตรียมของขวัญมอบให้นายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กรณีกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายเป็นกบฎ ไม่สมควรได้รับการเยียวยา และกล่าวอีกว่าแม่น้องเกดเป็นคนเห็นแก่ได้ออกสื่อหนังสือพิมพ์ข่าวสด ภายหลังได้พบเพื่อทวงถามว่า"ใครคือกบฎ" นายสาธิตปฎิเสธว่าไม่ได้พูดเช่นนั้นและจะฟ้องสื่อกลับด้วย
อ่านข่าวประกอบที่ข่าวสด "ปากปชป. ด่าแม่เกด เห็นแก่ได้ ย้ายแล้ว! คุกขังแดง"
"ธุรกิจประเภทใหม่ รายได้ดี...ธุรกิจการเรียกร้องประชาธิปไตย"
"ใครไม่ตายหรือบาดเจ็บ ยังเหลือวิธีสุดท้ายคือ แกล้งบ้า ให้ญาติไปขอรับเงินได้นะคะ"
"ถ้ารู้สึกผิดที่เหยียบศพเขาขึ้นมา ก็ใช้เงินตัวเองจ่ายสิคะ"
"เคยได้ยินแต่ปล้นแล้วเผา แต่เผาแล้วปล้นต่อ เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ"
ภาพและคำพูดข้างต้นใน facebook ของวรกร จาติกวณิช ได้รับการกดไลค์นับพันครั้ง เป็นปฏิกิริยาฉับพลันต่อมติ ครม.ที่อนุมัติการเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ วันที่ 19 กันยายน 2549-พฤษภาคม 2553 เป็นสิ่งที่ชี้ว่า ผู้คนจำนวนมากในสังคมนี้ ยังมองความตายของคนเสื้อแดงอย่างหยามเหยียด เป็นเสมือนยาพิษที่สาดซัดไปยังบาดแผลสด ๆ ของครอบครัวของผู้เสียชีวิต 92 คน และบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมากจากการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553
และ วันจันทร์ที่ผ่านมา (16 ม.ค.) ตัวแทนพรรค ปชป.ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอน มติ ครม. เรื่องการเยียวยา และสั่งให้รัฐบาลมีมติกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาความเสียหายให้ผู้ที่ได้รับผลก ระทบในเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งต่างๆ อย่างเป็นธรรมเท่าเทียมกัน
ช่าง เป็นตลกที่ขำไม่ออก เพราะมติ ครม.ดังกล่าว เป็นข้อแนะนำของ คอป.ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์นั่นเอง คอป.ระบุชัดว่า การชดเชยเยียวยาและฟื้นฟูเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความปรองดองในชาติ ที่จริง ปชป. น่าจะยื่นต่อศาลปกครอง ให้สั่งยุบ คอป. ไปเสียด้วยเลย
คน ตายคนเจ็บถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่จนบัดนี้ เราก็ยังไม่เคยเห็นหลักฐานว่า คนที่ตายมีอาวุธร้ายแรงอยู่ข้างกาย ถ้ามีหลักฐานรูปถ่ายใดๆ รัฐบาล ปชป.ในขณะนั้น คงเอามาป่าวประกาศเป็นล้าน ๆ ครั้งแล้ว ในทางตรงกันข้าม คลิปวีดีโอและรูปถ่ายจำนวนมาก ชี้ว่าพวกเขาถูกยิงตายเหมือนหมาข้างถนน โดยไม่มีอาวุธอยู่ข้างกาย
หลาย คนตายเพราะถูกลูกหลง เพราะทหารกราดกระสุนใส่ประชาชน หลายคนตายขณะกำลังเดินข้ามถนน การตายในลักษณะนี้เป็นผลจากการใช้กำลังอย่างเกินขอบเขตของฝ่ายรัฐนั่นเอง
ถ้าใครแน่ใจว่าคนตาย คนเจ็บคนไหนเป็นผู้ก่อการร้าย ก็ชี้ตัวออกมาเลย อย่ามาปูพรมข้อหามั่วๆ กับคนที่เขาเจ็บปวดมามากแล้ว
พวก คุณก็มีลูกไม่ใช่หรือ เงิน 7.5 ล้านแลกกับชีวิตลูกของคุณจะเอาไหม หรือคุณคิดว่าความเป็นคนชั้นสูงของคุณทำให้คุณรักลูกมากกว่าเงิน แต่คนจนเห็นแก่เงินมากกว่าลูก จึงปล่อยลูกไปตาย
กล้าไปถามพ่อแม่น้องเฌอ แม่น้องเกด และอีกหลายๆ พ่อแม่ไหมว่า ระหว่างเงิน 7.5 ล้านกับลูกของเขา อะไรสำคัญกว่ากัน
เคยใช้จินตนาการบ้างไหมว่า สำหรับพวกเขาวันพ่อวันแม่จะมีความหมายอะไร เมื่อไม่มีลูกให้ชื่นชมความเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาอีกต่อไป
กล้า ไปถามเมียและลูก 2 คนในวัยเรียนของครอบครัวอัศวศิริมั่นคงไหมว่า ชีวิตพวกเขาลำบากแค่ไหน เมื่อหัวหน้าครอบครัวต้องกลายมาเป็นคนพิการ ระหว่างเงิน 7.5 ล้านกับพ่อที่ไม่พิการ พวกเขาอยากได้อะไร
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
เคยคิดจะเปิดสมอง เปิดใจ รับฟังความทุกข์ของพวกเขาบ้างไหม
บอกว่า เป็นเงินภาษีของประชาชน..ก็ในเมื่อชนชั้นกลางในเมืองทั้งหลาย ช่วยกันเชียร์ให้รัฐบาล ปชป.ใช้กำลังปราบปรามเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด นี่ก็คือความรับผิดชอบทางสังคมที่พวกคุณต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสุขความ สบายใจที่ได้รับยังไงล่ะ แล้วขอโทษที ไม่ได้มีแต่พวกคุณที่จ่ายภาษี คนเสื้อแดงเขาก็จ่ายภาษีเช่นกัน
เวลารัฐบาลเอาเงินเป็นแสนล้านไป สนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่เห็นมีคนจนออกมาค้านเลย แต่ถ้ารัฐบาลทำอะไรเพื่อคนจนหรือคนเสื้อแดง พวกนี้ต้องอ้างเรื่องภาษีของกูทุกที
เงิน 7.5 ล้านนี่มันเกินค่าความเป็นมนุษย์ของพวกเขากระนั้นหรือ? ถ้าฉันมีอำนาจอนุมัติจ่ายเงิน ฉันจะจ่ายให้พวกเขามากกว่านี้แน่นอน
เงิน ชดเชย 4.5 ล้านบาท คำนวนจากการใช้รายได้ประชาชาติ GDP) ของปี 2553 หรือ 150,177 บาท/ปี คูณ 30 ปี แต่อันที่จริง รัฐบาลควรคำนวณจากรายได้ที่พวกเขาเคยได้รับจริงก่อนที่จะเสียชิวิตหรือ ทุพพลภาพ คูณจำนวนปีจนถึงอายุ 65 ปี จึงจะนับว่าเป็นความเหมาะสมขั้นต่ำ เพราะ เมื่อใช้ GDP ปี 2553 เป็นฐานในการคำนวณ เท่ากับว่าแต่ละคนมีรายได้แค่เดือนละ 12,514 บาทเท่านั้น ต่ำกว่าเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำที่เขาพึงได้หากยังมีชีวิตอยู่เสียอีก หลายคนมีรายได้มากกว่านี้แน่นอน
หรือแม้แต่เยาวชนที่เสียชีวิต ก็ต้องคิดด้วยว่า หากเขามีชีวิตอยู่ เขาจะทำรายได้อย่างน้อยเท่าไร พ่อแม่เขาจะพึ่งพาเขาในยามแก่เฒ่าได้ต่อไป นี่เป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
ส่วนเงินค่าเยียวยาทางจิตใจ อีก 3 ล้านบาท สำหรับความสูญเสียตลอดชีวิต มากเกินไปอย่างนั้นหรือ กรุณาถามตัวเองว่า มันมีค่าสูงกว่าคนที่คุณรักจริงๆ หรือ?
ขอเตือน ความจำอีกครั้งว่า คนเสื้อแดงมาเรียกร้องการยุบสภา มาขอแสดงสิทธิทางการเมืองให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้งว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล มายืนยันว่าเขาไม่ต้องการรัฐบาลที่เกิดจากค่ายทหาร พวกเขาไม่ได้มาเพื่อใช้ชีวิตแลกเงิน 7.5 ล้าน โปรดเลิกใช้เหตุผลวิปลาสกันเสียที
ปชป.บอกว่าต้องรวมคนที่ตายในตาก ใบ-กรือเซะ ใน 3 จว.ภาคใต้ ใน 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 แล้วทำไมตอนตัวเองเป็นรัฐบาลไม่คิดจะทำอะไรให้กับพวกเขาบ้าง จะได้เป็นบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป ทำไมตอนนั้นไม่เคยคิดทำอะไรที่สร้างสรรค์บ้าง แต่พอคนอื่นทำ กลับหาว่ามุ่งหาคะแนนเสียงกับคนเสื้อแดง อ้าว! ก็นี่เป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองไม่ใช่หรือ แล้วที่ปชป.ทำมาตลอด และทำอยู่นี่ ไม่ได้สนใจฐานเสียงชนชั้นกลางของพรรคเลยอย่างนั้นหรือ?
ในทางกลับกัน การ ชดเชยเยียวยาจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง นับแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา หากทำได้จริง ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป และจะช่วยให้การเรียกร้องให้มีการเยียวยาแก่คนกลุ่มอื่นๆ กระทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ขอแต่เพียงว่า เมื่อถึงคราวที่คนในจังหวัดภาคใต้ได้รับการเยียวยาบ้าง คนกลุ่มเดียวกันนี้จะไม่ออกมาตะโกนว่า “กูจ่ายภาษีเพื่อพัฒนาชาติ ไม่ใช่เพื่อสนับสนุน 'โจรใต้' แยกดินแดน”
ทั้งนี้ทั้งนั้น โปรดเข้าใจด้วยว่า การเยียวยาด้วยตัวเงิน เป็นแค่การผ่อนความทุกข์ของครอบครัวที่ได้รับผลกระทบให้เบาบางลงเท่านั้น การเยียวยาไม่ได้เป็นทั้งหมดของความยุติธรรม สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ การนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับความตาย-บาดเจ็บเมื่อ เม.ย.-พ.ค.53 มาลงโทษ ประชาธิปัตย์ยินดีคืนความยุติธรรมให้เขาหรือไม่?0 0 0 0 0