ที่มา Thai E-News
16 มกราคม 2555
ที่มา Voice TV
เครือ ข่ายองค์กรภาคีสีขาว เปิดตัว หนังสือเดินทางแห่งความดี โดยเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการจ้างงาน และเป็นการกระตุ้นทุกภาคส่วนในการรับ คนดี เข้าทำงาน
สำนัก งานทูตความดีแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาคีสีขาว ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันชั้นนำทั่วประเทศ เปิดตัว ดี พาสปอต หรือหนังสือเดินทางแห่งความดี ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนความดี ในรูปแบบสมุดบันทึกความดี และปลูกจิตสำนึกเยาวชนในการทำความดีทุกรูปแบบ พร้อมระดมเครือข่ายภาคธุรกิจให้ความสำคัญพิจารณาคัดเลือกผู้ถือ ดี พาสปรอต เข้าทำงานเป็นอันดับแรกๆ
นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานสำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ดี พาสปรอต เป็นสมุดบันทึกการสะสมแต้มความดีในการเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งสามารถเป็นเครื่องชี้วัดได้ว่า บุคคลนั้นเป็นคนดี และในขณะนี้โครงการมี 16 องค์กรต้นแบบ และ15 มหาวิทยาลัยนำร่องทั่วประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม
โดยตั้งเป้าให้ องค์กรต่างๆ อีก 500 แห่งเข้าร่วมโครงการ และเตรียมนำ ดี พาสปรอต ไปใช้จริงในสถาบันการศึกษาและองค์กรภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการรับสมัครงานที่เน้นพิจารณาที่ผลการเรียนควบคู่ไป กับคะแนนความดีที่สะสม
ทางด้านนายแพทย์ชาญวิทย์ วสันต์ธนารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กรสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ หรือ สสส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับคนดีเข้าทำงาน ถือเป็นการส่งเสริมความดีให้เป็นที่ประจักษ์
ซึ่งนอกจากจะสร้าง ประโยชน์ต่อองค์กรแล้ว ยังทำให้ที่ทำงานมีความสุข ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไปสู่สังคมที่นิยมยกย่องคนดี และส่งเสริมคนดีให้มีความก้าวหน้าในชีวิต
0 0 0 0 0
มีหลายปฏิกริยาต่อข่าวนี้ในเฟสบุค
จรรยา ยิ้มประเสริฐ เขียน "กู จะบ้าตายกับความเพี้ยนของผู้กุมความคิดในสังคมไทย การทำ white-list นี่ก็คือการ blacklist คนอื่นได้เลยเช่นกันนะ มันจะพากันออกนอกลู่นอกทาง นอกกรอบสิทธิมนุษยชน นอกกรอบประชาธิปไตย กันไปถึงไหน?"
Mongkhon Mars Atthajak โพสต์ว่า "พูดตรง ๆ ครับ บ้ากันไปแล้ว ถ้าจะเอามาตรฐานความดีแบบนี้นะครับ คนชนบท ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้งานทำหรอก ช่างนึกเรื่องโง่ ๆ แบบนี้กันออกมาได้"
และ คำ ผกา (Kiku Nohana) โพสต์สั้นๆ แต่แรงว่า "ป
ไทยอีนิวส์ต้องขออนุญาตยำใหญ่กับข่าวนี้ด้วยเช่นกันว่า
D-passport หรือ หนังสือเดินทางแห่งความดี (D-Ambassador) เป็นอีกเพียงหนึ่งความพยายามบนความฉาบฉวยและไร้ฐานคิดของสังคมดัดจริต ที่ยิ่งทำก็ยิ่งรังแต่จะนำมาซึ่งความน่าขบขันและน่าสมเพชเวทนา
ชะตา กรรมบ้านเมืองตั้งอยู่อยู่บนการวัดค่า "ดี-เลว" อันเสแสร้ง ยามนี้ จึงเปรียบดังคนที่กำลังเจ็บปวดกับฝีที่บวมเป่ง ใกล้ถึงเวลาปริแตก!