ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
ที่ใช้กันจนเกร่อคือการลาหยุด
แม้จะเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่เจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าวิธีการดังกล่าวคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ รู้เช่นเห็นชาติอย่างดีว่าเป็นแนวทางเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ
การปิดถนน การยึดทำเนียบฯ และการยึดสนามบิน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเพื่อบีบบังคับอำนาจรัฐให้ยอมสยบใต้เท้าของตน
ในอดีตที่ผ่านมาสหภาพรถไฟสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชนมาหลายครั้ง หลายครา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่เคยมีใครถูกลงโทษ ปล่อยให้ลอยนวลและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม
เป็นการปล่อยเพื่อรอเวลาให้พวกนี้ออกมาสร้างความเดือดร้อนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เปรียบไปเหมือนคนร้ายที่ก่อคดี ตำรวจแทนที่จะจับหรือยัดเข้าคุกเพื่อให้หลาบจำ หรืออย่างน้อยป้องปรามคนร้ายรายอื่นๆ ทำเลียนแบบ
กลับไม่สนใจปล่อยเลยตามเลย
วันดีคืนดี โจรก็ออกมาก่อเหตุอีกเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางถูกลงโทษ
แม้จะยอมรับในระดับหนึ่งว่าการมีสหภาพแรงงาน ขององค์กรต่างๆ ทางหนึ่งเป็นการปกป้องสิทธิพึงมี พึงได้ของพนักงาน และยังใช้จับทุจริตของผู้บริหารอย่างทรงประสิทธิภาพ
แต่เมื่อใดก็ตามที่สหภาพเริ่มล้ำเส้น พยายามแสวงหาอำนาจ เมื่อนั้นจุดมุ่งหมายสำคัญของการก่อตั้งสหภาพก็จะเปลี่ยนไป
การแสวงหาอำนาจหลักๆ มีอยู่ 2 รูปแบบ หนึ่งคืออำนาจในองค์กรของตน
อีกหนึ่งคืออำนาจทางการเมือง
ยิ่งกับสหภาพการรถไฟ ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลและอำนาจในมือไม่ธรรมดา เพราะควบคุมระบบขนส่งหลักของเมืองไทย
หากประธานสหภาพ มีใจฝักใฝ่ในการแสวงหาอำนาจและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเมื่อไหร่ ความวุ่นวายก็จะตามมาเมื่อนั้น
ดูเหมือนประธานสหภาพรถไฟ คนปัจจุบันจะมีทั้ง 2 เงื่อน ไขที่ว่าอย่างครบถ้วน
การพยายามต่อรองเพื่อปลดคนโน้น คนนี้ ที่ไม่ทำตามประสงค์ของตัวเอง คือการแสดงออกถึงอำนาจในองค์กร
ขณะเดียวกันก็แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรฯ พยายามจะมีบทบาททางการเมือง
จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกสหภาพ การรถไฟฯ และภาครัฐ ต้องพึงสังวรให้จงหนัก ว่าจะลงมีดเพื่อแก้ไข หรือจะปล่อยให้เหตุแบบนี้เกิดต่อไปเรื่อยๆ
จะทำอะไรก็ทำสักอย่าง ยิ่งนาทีนี้ประชาชนกำลังรุมด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
โอกาสทองฝังเพชรเลยนะนั่น!??