WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 29, 2009

นายหน้า"ไทย(ใคร)เข้มแข็ง"

ที่มา มติชน

คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12

โดย ทวี มีเงิน



นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศเมื่อรัฐบาลทำงานครบ 1 ปี จะตรวจสมุดพกดูผลงานของรัฐมนตรี จะดูว่าคนไหนสอบผ่าน ใครสอบไม่ผ่าน ใครได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ถือว่าสอบตก อาจพิจารณาปรับออกจากตำแหน่ง ฟังนายกฯแล้วรู้สึกดูดีถ้าทำจริง แต่ก็ต้องบอกว่า ลำพังแค่ดูผลงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรวจดูพฤติกรรมด้วยว่ามีคุณธรรม จริยธรรม ทำงานด้วยความโปร่งใสหรือไม่

ตรงนี้สำคัญไม่แพ้กัน

เท่าที่ดูรัฐมนตรีที่น่าจะสอบผ่านไม่น่าจะเกินสามถึงสี่คน ที่เหลือล้วนต่ำกว่ามาตรฐาน นอกจากไม่มีผลงานแล้ว หลายคนยังมีแต่ข่าวฉาวโฉ่เรื่องความไม่ชอบมาพากลออกมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่การทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียง จนถึงวันนี้จับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ที่มีนักการเมืองอยู่ข้างหลัง รวมถึงการจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขค่อนข้างชัดเจนว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้อง สุดท้ายก็อีหรอบเดิม คงเอาผิดได้แค่ข้าราชการตัวเล็กๆ ตามเคย ยิ่งทำให้นักการเมืองไม่รู้สึกรู้สา เพราะยังไงก็สาวไม่ถึงตัว

ยิ่งทำให้เหิมเกริมถึงขั้นมีความพยายามจะรื้อโครงการไทยเข้มแข็งใหม่ จะได้ทำมาหากินกันสะดวก โดยมีใบสั่งจากผู้มีอำนาจในวงการเมืองสั่งให้รื้อระบบการจัดทำแผนในโครงการไทยเข้มแข็งใหม่ทั้งหมด จากเดิมจะใช้วิธีให้หน่วยงานข้างล่างคือ อบต. อบจ.เสนอแผนขึ้นมายังข้างบนตามขั้นตอน เพื่อจัดทำโครงการเสนอของบประมาณ แต่แบบใหม่จะกลับหัวกลับหาง ผู้รับผิดชอบที่อยู่ข้างบนจัดการให้ทุกอย่างแบบสำเร็จรูปตั้งแต่ทำโครงการไปจนถึงจัดงบประมาณ เอาไปยัดใส่มือหน่วยงานที่อยู่ข้างล่างอย่าง อบจ. อบต.

วิธีนี้ดูเผินๆ เหมือนดี โครงการจะได้เร็วขึ้น จะส่งผลให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังการถ่ายทำเป็นการหาช่องในการทุจริตได้ง่ายแต่จับผิดยาก

พรรคพวกที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเล่าให้ฟัง เพราะเขาเจอกับตัวเอง ว่ามีนักบางคนวิ่งกันฝุ่นตลบ เอาโครงการไทยเข้มแข็งแพคใส่กระเป๋าเร่ขายโครงการให้องค์กรท้องถิ่นถึงที่ โดยขอค่านายหน้าหรือค่าหัวคิว หากเป็นโครงการขุดคลอง ค่าคอมมิสชั่น 60% แต่ถ้าเป็นถนน 50:50 เหลือผ่านองค์กรท้องถิ่นแค่ 40-50% เท่านั้น องค์กรท้องถิ่นไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ มีคนจัดการให้ทั้งหมด มีบริษัทมารับงาน เอกสารทุกอย่างจัดการให้เสร็จสรรพ รับประกันไม่มีปัญหาตามมา

ตอนนี้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นทำเลทองของ "นายหน้าไทยเข้มแข็ง" เพราะหากินง่าย กฎหมายเปิดช่องให้จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษได้เลย ไม่ต้องมีกระบวนการอะไรมากมาย

เรื่องอย่างนี้ไม่รู้ว่านายกฯอภิสิทธิ์เคยระแคะระคายบ้างไหม หากไม่เคยก็ลองสอบถามบรรดาปลัดกระทรวงเศรษฐกิจที่ต้องเกี่ยวข้องดู หลายคนกำลังอึดอัดกับใบสั่งให้รื้อโครงการ แต่ถ้าจะให้ดีควรสอบถามไปถึงบรรดานายก อบจ.จะได้รู้ว่าโครงการไทยเข้มแข็งนั้นเขามีวิธีหากินพิสดารเพียงใด จะได้รู้ว่างานนี้ไทยหรือใครเข้มแข็งกันแน่ เผลอๆ นายกฯอาจจะตกใจเพราะคาดไม่ถึงจริงๆ

ฉะนั้น แค่ตรวจการบ้านรัฐมนตรีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรวจดูความประพฤติ ทำอะไรแบบตรงไปตรงมาหรือไม่ และควรตรวจไม่เฉพาะรัฐมนตรีเท่านั้น ต้องตรวจให้ทั่วถึง ทั้ง ส.ส.ในซีกรัฐบาล เลขาฯรัฐมนตรี และที่ปรึกษาทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ว่าไปแล้วเป็นตราบาปรัฐบาลนี้ ตั้งแต่ออกมาเป็นพระราชกำหนดกู้เงินมาใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งโดยไม่ผ่านสภา ไม่ยอมตรวจสอบรายละเอียด อ้างว่า "โครงการเร่งด่วน" แต่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็น "โครงการแดกด่วน" เป็นบุฟเฟ่ต์คาบิเนตที่คนในรัฐบาลแย่งกันตักใส่ปาก จะเหลือหกเรี่ยราดถึงชาวบ้านก็แค่เศษๆ

นายกฯอภิสิทธิ์ที่ฝันหวานว่า เม็ดเงินลงทุน 1.4 ล้านล้านบาท หรือปีละ 3 แสนกว่าล้านบาท จิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจประเทศ ยิ่งโดนนักการเมืองรุมทึ้งไม่บันยะบันยัง เม็ดเงินเหลือลงทุนจริงๆ ย่อมไม่พอกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นได้แน่นอน

ระวังจะเป็น "รัฐบาลอิเหนา" ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง สมัยรัฐบาลทักษิณมาเหนือเมฆ กินอากาศ กินคำโตๆ คนก็มองไม่เห็น ไม่รู้สึก แต่รัฐบาลนี้ กำลังกินหิน กินทราย กินดิน แค่หยิบใส่ปากคนก็มองเห็นกันแบบจะจะ...สรุปว่าสัญชาตินักการเมืองเหมือนกันทั้งนั้น