ที่มา มติชน
โดย Siam Intelligence Unit
(ที่มา http://www.siamintelligence.com/the-lost-of-yinglucks-charm/)
คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554
นับถึงวันนี้ก็หนึ่งเดือนเต็มพอดี
การทำงานของรัฐบาลเพื่อไทยในหนึ่งเดือนแรก คงหาวลีไหนมาบรรยายได้ไม่ดีเท่ากับ "กลับสู่ความเป็นจริง"
มหัศจรรย์ "49 วันทำได้จริง" ในช่วงหาเสียง ที่สามารถพลิกโฉมคุณยิ่งลักษณ์จาก Nobody มาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ได้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว
สิ่งที่เราเห็นในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาสู่ "การเมืองที่แท้จริง" (realpolitik) ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง หรือการแก้ปัญหายากๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างวิกฤตน้ำท่วมรอบใหม่
และการหายไปอย่างสิ้นเชิงของ "มนต์เสน่ห์" ของคุณยิ่งลักษณ์ที่สร้างขึ้นในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นการ "เดี่ยวไมโครโฟน" ของคุณเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และการให้สัมภาษณ์สื่อแบบหลบฉากซ้ำๆ ซากๆ ของคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น "ต้องดูภาพรวม" "ขอเวลาทำงาน" "ว่ากันไปตามผลงาน" "ให้โอกาสทุกคนเท่ากัน"
สภาพการณ์เหล่านี้กำลังจะกลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงคุณยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลเพื่อไทยโดยตรง เพราะสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ "ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย" ต้องการจะเห็น
ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง วาทะเด็ดอันหนึ่งของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ลอยข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนไกล ก็คือ "คุณยิ่งลักษณ์เป็นโคลนนิ่งของผม"
ประโยคนี้เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยรุมถล่มปูพรมตามหน้าสื่ออย่างหนัก ด้วยวาทกรรมว่า "เลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ"
ในทางกลับกัน มันก็ช่วยให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย กลุ่มที่ยังนิยมคุณทักษิณอยู่ ก็เลือกคุณยิ่งลักษณ์แบบไม่ลังเล ด้วยเหตุผลว่า "เลือกยิ่งลักษณ์ได้ (สไตล์การทำงานแบบ) ทักษิณ" นั่นเอง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 1 เดือนแรกกลับไม่เป็นเช่นนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงจุดอ่อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีความเป็นเอกภาพ และคุณยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่ได้แสดง "ภาวะความเป็นผู้นำ" (leadership) แบบทักษิณให้เห็น
ในด้านหนึ่งเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณยิ่งลักษณ์ เพราะ "เก้าอี้นายกรัฐมนตรี" ไม่ใช่ของที่จะไขว่คว้ามาได้ง่ายๆ บางคนบ่มเพาะตัวเองมาชั่วชีวิตก็ไม่อาจได้มาครอบครอง แต่คุณยิ่งลักษณ์ที่ไม่มีพื้นเพทางการเมืองเลย กลับต้องมารับภาระนี้แบบไม่คาดฝัน การเตรียมพร้อมคงไม่มากเท่ากับ "นักการเมืองอาชีพ" ที่เตรียมตัวเป็นนายกฯ มาตั้งแต่เด็ก
พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์ด้านการสร้างภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์ตาม ที่ถนัด เสริมจุดแข็งปิดจุดอ่อน ช่วยดันคุณยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศได้อย่างมหัศจรรย์ในช่วง การเลือกตั้ง ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะคนที่กาเลือกพรรคเพื่อไทย "คาดหวัง" ในตัวคุณยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจ เกมของอำนาจในโลกความเป็นจริงอันโหดร้าย เปลี่ยนไปจากเกมหาเสียงที่พรรคเพื่อไทยเอาชนะมาได้อย่างสิ้นเชิง
คุณยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญกับความท้าทายโหดๆ ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ และการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยุทธศาสตร์สร้างภาพ-ประชาสัมพันธ์ที่พรรคเพื่อไทยถนัด ก็ใช้ไม่ได้เลยในเกมใหม่เกมนี้
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า คุณยิ่งลักษณ์ล้มเหลวในการบริหารจัดการ "ความคาดหวัง" ของคนไทย และถ้าปล่อยทิ้งไว้ ย่อมมีแต่ผลเสีย
สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องปรับกลยุทธ์โดยด่วน ก็คือ "ภาพลักษณ์และการบริหารจัดการข่าวสาร" ของรัฐบาล
ตัวคุณยิ่งลักษณ์เองต้องออกมาแสดงภาวะความเป็นผู้นำให้มาก ขึ้น กล้าที่จะฟันธง เป็นผู้นำให้สังคมเห็นว่า การตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐบาล มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมจึงต้องตัดสินใจเช่นนี้ มีเหตุผลอะไรสนับสนุน ทำแบบนี้แล้วประเทศจะได้อะไร
การออกมาแสดงภาวะผู้นำ ไม่ได้แปลว่าต้องออกมาพูดกับสื่อทุกวัน หรือกล่าวปาฐกถาต่อที่สาธารณะบ่อยๆ แต่แปลว่าการออกมาแต่ละครั้งควรมีความหมาย จับต้องได้ และแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ
ส่วนคณะรัฐมนตรีเองก็ต้องปรับยุทธศาสตร์การออกสื่อให้ชัดเจน มีทีมงานกลางคอยแจกงาน ควบคุมภาพลักษณ์ให้ไปในโทนเดียวกัน มอบหมายภาระงานให้ทีมโฆษกของรัฐบาลมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐมนตรีบางคนมีบทเด่นแต่เพียงคนเดียว หรือรัฐมนตรีแต่ละคนต่างให้สัมภาษณ์ไปคนละทาง
คุณยิ่งลักษณ์ไม่ควรกลัวเสียงวิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม ในการออกมาแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีเหตุให้วิจารณ์ได้อยู่แล้ว
แต่ถ้าเสียความเชื่อมั่น ทำลายความคาดหวังของฐานเสียงตัวเองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เมื่อนั้น รัฐบาลเพื่อไทยก็คงจะอยู่ต่อไปลำบาก