ที่มา ประชาไท
สื่อมวลชนจีนวิจารณ์อาเซียนว่าสร้างความขัดแย้งมากกว่ากระชับสัมพันธ์ ผู้นำร่วมพิธีเปิดไม่ครบ ขาด 4 ประเทศ ส่วนถนนเพื่อผู้นำ-อาเซียนเลนเกิดอุบัติเหตุใหญ่หลายรอบ อุบัติเหตุย่อยร่วม 20 ครั้ง เมืองหัวหินรถติดระนาว
สื่อนอกจับตารอยร้าวอาเซียน
เว็บไซต์มติชนรายงานว่าสื่อต่างประเทศจับจ้องและรายงานข่าวไปทั่วโลกเกี่ยวกับเหตุวิวาทะที่ปรากฏในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ โดย จู เอ๋อจี ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหัวของจีนเผยแพร่รายงานข่าวบนเว็บไซต์ โปรยหัวเอาไว้ว่า "รอยร้าวที่ทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียนบนเวทีประชุม" ซึ่งเนื้อหาของรายงานชิ้นนี้ระบุว่า ปกติเวทีหารือของผู้นำจะมุ่งเน้นถึงความสมานสามัคคีและการร่วมมือกันพัฒนาก่อนที่จะจบลงด้วยการรับรองปฏิญญาร่วมกันโดยที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องที่ทำให้แปลกใจเกิดขึ้นมากนัก แต่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 นี้ กลับมีเหตุขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่ชาติอาเซียนจนไปบดบังแก่นสารหรือสาระสำคัญของการประชุมเอาไว้ นั่นคือการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และยังทำให้เกิดคำถามขึ้นด้วยว่าจริงๆ แล้วอาเซียนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแค่ไหน
รายงานชิ้นนี้ได้หยิบยกตัวอย่างหลายเหตุการณ์ขึ้นมาสนับสนุนบทสรุปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นวิวาทะที่โต้ตอบกันไปมาระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไทยกับฟิลิปปินส์ที่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องกำแพงภาษีนำเข้าข้าวที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน และการกีดกันภาคประชาสังคมเข้าร่วมพบปะหารือกับผู้นำอาเซียน นอกจากนี้ยังระบุว่า ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้นยังปรากฏว่าผู้นำชาติอาเซียนมาร่วมพิธีเปิดไม่ครบด้วย โดยขาดไปถึง 4 ประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถกอาเซียนวันที่2ไร้เงา2ผู้นำ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ในวันที่ 24 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่สองว่า หลังผ่านพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้นำอาเซียนยังเดินทางมาร่วมประชุมไม่ครบทั้ง 10 คน เช่นเดิม เนื่องจากประธานาธิบดีสุศีโล บัมบัง ยุทโธโยโน ของอินโดนีเซีย และประธานาธิบดีกลอเรีย อาโรโย ของฟิลิปปินส์ เดิมมีกำหนดจะเดินทางมาถึงไทยในช่วงค่ำ วันที่ 23 ตุลาคม แต่ปรากฏว่าได้เลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปอีก โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จะเดินทางมาถึงในเวลา 11.25 น. ขณะที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์มาถึงในเวลา 12.30 น. วันที่ 24 ตุลาคม ส่งผลให้การหารืออย่างไม่เป็นทางการของผู้นำอาเซียนระหว่างเวลา 08.00-09.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้หารือกันครบทั้งหมด ก่อนที่จะเข้าสู่กรอบการเจรจาระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาคือจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย มีผู้นำอาเซียนเข้าร่วมไม่ครบ แต่ทั้งสองประเทศส่งตัวแทนร่วมประหารือ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังพลาดการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น และอาเซียน-เกาหลีใต้ รวมถึงการถ่ายภาพหมู่ระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งมีขึ้นหลังเสร็จการประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม หลังเดินทางมาถึงท่าอากาศยานบ่อฝ้าย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างผู้นำอาเซียนกับบวกสาม คือจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ทันที ขณะที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เริ่มเข้าร่วมกิจกรรมกับผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ซึ่งจัดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารกลางวัน
อาเซียนเลน “ถนนเพื่อผู้นำ” อุบัติเหตุเพียบ
จากการณีที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 นี้ทางการได้จัด “ช่องการจราจรพิเศษ” หรือ “อาเซียนเลน” บน ถนนเพชรเกษม ระหว่าง กม.ที่ 208 หน้าที่ทำการวนอุทยานชะอำ ถึง กม.ที่ 235 ทางยกระดับหนองแก โดยช่องจราจรทางขวาสุดชิดเกาะกลางถนนทั้ง 2 ด้าน (ไป-กลับ) จำนวน 1 หลังจากเริ่มการประชุมแล้วมีรายงานข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้ง รวมทั้งสภาพการจราจรที่ติดขัด
เว็บไซต์ไทยรัฐเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่า สภาพตัวเมืองหัวหินมีรถติดตลอดทั้งวัน เนื่องจากตำรวจจราจรหัวหินได้รับคำสั่งให้ปิดกั้นสี่แยก จุดตัด จุดกลับรถต่างๆ ภายในเขตตัวเมือง โดยเปิดให้ยานพาหนะของประชาชนกลับรถได้เฉพาะบางจุดซึ่งห่างไกลกันหลายกิโลเมตร ทำให้ชาวหัวหินและนักท่องเที่ยวต่อว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก และไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะมีการตั้งกรวยกั้นช่องในเส้นทางที่เป็นอาเซียนเลนในเลนขวาสุด บนถนนเพชรเกษม ตั้งแต่สี่แยก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผ่านโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ไปจนถึงตัวเมืองหัวหิน จ.ประ-จวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ยานพาหนะอื่นเข้าไปในอาเซียนเลนได้ และเปิดให้ 2 เลน ที่เหลือบนถนนเพชรเกษม เป็นช่องทางสำหรับยานพาหนะทั่วไป โดยมีการใช้กรวยทั้งหมดราว 18,000 อัน มาติดตั้งบนถนน
นอกจากปัญหาการจราจรติดขัดแล้ว ยังพบว่าตลอดทั้งวันในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน มีอุบัติเหตุรถยนต์ในขบวนของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างๆ ที่ใช้เส้นทางอาเซียนเลนเฉี่ยวชนกับยานพาหนะ ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ของประชาชนเป็นจำนวนกว่า 20 ราย เนื่องจากชาวบ้านขับรถจักรยานยนต์ เข้าไปในอาเซียนเลน ช่วงจังหวะที่รถในขบวนขับผ่านมาพอดี
22 ต.ค.เวลา 11.30 น. พ.ต.ท.ชูเกียรติ เพชรแท้ สารวัตรเวร สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุรถพลิกคว่ำที่ ถ.เพชรเกษมขาล่องใต้ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 222+800 หน้าทางเข้าสนามกอล์ฟปาล์มฮิลล์ ชะอำ ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางอาเซียนเลนฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ พบรถโตโยต้าแคมรี่ ไฮบริด สีบรอนด์ ซึ่งเป็นรถ VIP ทำหน้าที่รับส่ง รมว.กระทรวงพาณิชย์ ของประเทศลาว ซึ่งมี จ.ส.อ.ขัตติยา ขัตติยมาตย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลขับประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้าอยู่ เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบริเวณ ถ.เพชรเกษมขาล่องใต้ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้าม ที่ระหว่างช่องจราจรเลนกลางซึ่งประชาชนใช้สัญจรและช่องทางอาเซียนเลนสำหรับผู้นำประเทศเข้าร่วมประชุมอาเซียน พบรถตู้โตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน ฮ-4965 กทม. ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รถคู่กรณี ซึ่งมีนายธนกร อเนก เป็นผู้ขับขี่จอดอยู่ ใกล้กันพบกรวยยางกั้นเส้นทางอาเซียนเลนกระจัดกระจายไปทั่ว
สอบถามทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายธนกรได้ขับรถตู้ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตมาตามเส้นทาง ถ.เพชรเกษมขาขึ้น กทม.เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เลี้ยวกลับรถที่จุดยูเทิร์นหน้าทางเข้าสนามกอล์ฟปาล์มฮิลล์ เพื่อมุ่งหน้ากลับ อ.หัวหินโดยหลังจากกลับรถได้ใช้ช่องทางเลนกลางซึ่งอยู่ติดกับเส้นทางอาเซียนเลน แต่เมื่อขับขี่ต่อไปประมาณ 100 เมตรนายธนกรได้เปลี่ยนช่องทางขับผ่านช่องกรวยยางกั้นเข้ามาในช่องทางอาเซียนเลน อย่างกะทันหันทำให้ จ.ส.อ.ขัตติยา ที่กำลังขับรถ VIP เพียงคนเดียวยังไม่มีคณะ รมว.พาณิชย์ลาวร่วมเดินทาง อยู่ในช่องทางอาเซียนเลน ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน หน้ารถด้านซ้ายของ รถ VIP จึงพุ่งชนบริเวณซุ้มล้อด้านขวาของรถตู้ก่อนเสียหลักพลิกคว่ำข้ามเกาะกลางถนนไปยังเส้นทางฝั่งตรงข้าม
23 ต.ค.เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.กิตติ เฟื่องฟู รอง ผกก.สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งมีเหตุรถพลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษม หน้าหมู่บ้านปาล์มวิว หัวหิน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ หมายเลขทะเบียน Lao 4 เป็นรถนำขบวนของ รมว.พาณิชย์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พลิกคว่ำอยู่ ตรวจสอบทราบว่า จ.ส.อ.ขัตติยา ขัตติมาส เจ้าหน้าที่ขับรถนำขบวนของ รมว.พาณิชย์ลาว ขับรถในเส้นทางอาเซียนเลน เส้นทางชะอำ-หัวหิน เพื่อไปเติมน้ำมัน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีรถตู้ขับเข้ามาในอาเซียนเลน บริเวณจุดตัดแยกหน้าหมู่บ้านปาล์มวิว ทำให้ จ.ส.อ.ขัตติยาหักหลบจนรถเสียหลัก ข้ามเกาะกลางไปพลิกคว่ำอยู่อีกด้านหนึ่งของถนน รถเสียหายทั้งคัน ส่วน จ.ส.อ.ขัตติยาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าเป็นความผิดของรถตู้ที่กลับรถกะทันหัน และยังเข้าไปวิ่งในอาเซียนเลน ขณะนี้คุมตัวคนขับรถตู้ คันดังกล่าวไว้สอบสวนที่ สภ.ชะอำแล้ว
23 ต.ค.เวลา 13.30 น. ที่ปากซอยหัวหินทันสมัย ถนนเพชรเกษม เป็นรถกระบะแวน ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ชข 7907 กรุงเทพมหานคร บนหลังคาติดสัญญาณไฟไซเรน มี ส.อ.ยุทธนา พิทักษ์ไกรสร เป็นคนขับ ชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน ปพม 733 กรุงเทพมหานคร น.ส.พนิดา วิวัฒนะ อายุ 18 ปี ขี่ออกจากซอยเพื่อขับข้ามถนน แต่ขณะขับรถตัดเข้าสู่อาเซียนเลน เป็นจังหวะเดียวกับที่ ส.อ.ยุทธนาขับรถกระบะมาในขบวนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พอดี จึงพุ่งเข้าชนอย่างแรง ทำให้ น.ส.พนิดาบาดเจ็บขาขวาท่อนบนหัก ศีรษะแตก มีแผลถลอกทั่วตัว ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
23 ต.ค. นอกจากนี้ยังมีเหตุรถในขบวนผู้นำบรูไนขับจะเข้าสู่ที่พักที่โรงแรมฮิลตัน หัวหิน ขณะผ่านสี่แยกกลางเมืองหัวหิน บริเวณถนนหัวหิน 55 ตัดถนนเพชรเกษม ด้วยความเร็วสูง เป็นช่วงที่สัญญาณไฟจราจรในถนนหัวหิน 55 เปลี่ยนจากไฟแดงเป็นไฟเขียว ทำให้ประชาชนที่รอสัญญาณไฟขับรถกรูกันจะข้ามสี่แยก ทำให้รถนำขบวนซึ่งเป็นรถตำรวจทางหลวงสีเลือดหมู-เหลือง ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด ที่กำลังขับนำขบวนของผู้นำบรูไนต้องหักหลบ และเบรกเสียงดังสนั่น จนรถผู้นำบรูไนที่ตามมาต้องเบรกกะทันหันจนเซปัดเล็กน้อย แต่โชคดีที่รถนำขบวนขับผ่านไปได้ด้วยดี
24 ต.ค. เวลา 10.00 น.พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่แยกไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดอุบัติเหตุรถซาเล้งที่วิ่งเข้ามาในอาเซียนเลนชนกับรถสถานทูตจีน ทำให้คนขับรถซาเล้งได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องนำส่งโรงพยาบาลหัวหิน ส่วนรถสถานทูตจีนนั้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงรถทีเสียหายเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ได้แจ้งให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบแล้ว พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดทุกจุดกลับรถ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 200 นายในการดูแลในบริเวณจุดกลับรถเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์แคมรี่ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากประเทศจีน ได้เดินทางออกจากโรงแรมที่พัก เพื่อมุ่งหน้า โรงแรมดุสิต อำเภอชะอำ โดยได้ใช้เส้นทางอาเซียนเลน ในขาขึ้นกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสามแยกไฟแดง ขณะที่รถยนต์กำลังขับผ่าน พบรถจักรยานยนต์ ซึ่งขับมาจากช่องทางประชาชน ทั่วไปขับเข้ามาตัดหน้า ทำให้รถทั้งสองคันพุ่งชนกันอย่างแรง
24 ต.ค. เวลา 16.10 น. เกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์เก๋งสีบรอน์ ทะเบียน loc (เกาหลี) ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในภาระกิจการประชุมอาเซี่ยน ไว้รองรับเจ้าหน้าที่และขบวนของประเทศเกาหลี ได้วิ่งมาด้วยความเร็วจากชะอำ มุ่งหน้าเข้า อ.หัวหิน ก่อนถึงทางแยกหน้าท่าอากาศยานหัวหิน ซึ่งขณะนั้นได้มีการปิดการจราจรทั้งในช่องขาเข้ากรุงเทพ และล่องใต้ โดยมีตำรวจประมาณ 5-6 นาย ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทันใดนั้น รถยนต์เกาหลี ได้หักหลบรถยนต์ ที่กำลังออกมาจากฝั่งสนามบิน เข้าเกาะกลางถนน ก่อนพุ่งชน ด.ต.สมจิต ใจดี ตำรวจ สภ.หัวหิน ซึ่งยืนปฏิบัติหน้าที่ให้สัญญาณมือหยุดรถที่วิ่งผ่านไปมาอีกฝั่งถนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรถคันดังกล่าวเบรกไม่อยู่ พุ่งชนตำรวจจนนำร่างลอยขึ้นก่อนตกลงมาระหว่างกระจกหน้ารถยนต์และหลังคา ก่อนตกลงมายังบนพื้นถนน โดยเพื่อนตำรวจ และทหารอากาศ ต่างกรูเข้ามาดู พบเลือดไหลอาบหน้า แต่ ด.ต.สมจิต ยังมีสติได้แต่ยิ้ม ขณะที่ ร.ต.อ.อนัญญ์ สงวนสุด และ ร.ต.ต.อาณัติ ศรีสดใส ตร.สภ.หัวหิน และเพื่อนได้นำขึ้นรถกะบะ และแจ้งขอใช้อาเซี่ยนเลนส์ เพื่อนำส่งไปยังโรงพยาบาลหัวหิน ซึ่งอยู่จากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 1 กม.
หลังจากไปถึงแพทย์ พยาบาล นำเข้าห้องฉุกเฉินทำการรักษาทันที พร้อมกันนั้นทาง พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ประจวบฯ พร้อมทหาร ฝ่ายความมั่นคงรับทราบได้เดินทางไปเยี่ยมอาการ ด.ต.สมจิต ที่โรงพยาบาลหัวหินแล้ว