ที่มา ไทยรัฐ
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปึ้กกว่าในเรื่องของ "ตัวช่วย" ในประเทศไทย "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ต้องโชว์ "ตัวช่วย" นอกประเทศมายื้อแต้มกัน
ตามเกมโคตรเซียนการตลาดยี่ห้อ "ทักษิณ" เปิดยุทธการ "โลกล้อมเมืองไทย"
ที่แน่ๆโดยการที่ได้สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เป็นพยานแก้ต่างในเวทีนานาชาติ ด้วยการประกาศสวนรัฐบาลไทย
"จะไม่ส่งอดีตนายกฯทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษการเมือง"
ชัดเจนโดยท่าทีของ "เพื่อนแท้" ที่แสดงความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของอดีตผู้นำไทย ย้ำกันชัดๆ การปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
แม้เครดิตตัวคนพูดเองจะไม่ได้หรูสักเท่าไหร่ มอมแมมในมาตรฐานของประชาธิปไตย
แต่โดยจังหวะและเหลี่ยมทางการทูตที่ประเมินกันได้จากปมปราสาทพระวิหาร วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายกฯฮุน เซน ของกัมพูชา พูดจาเสียงดังกว่าไทย ในฐานะประเทศที่ผ่านการปฏิวัติยึดอำนาจครั้งสุดท้ายมานานนับสิบๆปี ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านการรำลึก 3 ปี ครบรอบวันรัฐประหาร
เขมร 3 ฝ่าย เหลือใหญ่แค่ฝ่ายเดียว ขณะที่ไทยกำลังแตกเป็น 2 ฝ่าย แยกไทยเหลืองกับไทยแดง
กัมพูชาอยู่ในชัยภูมิดีกว่า
"ฮุน เซน" กล้าประกาศดังๆไปทั่วโลก "ทักษิณ" เป็นนักโทษการเมือง
เรื่องของเรื่อง เพื่อนบ้านรั้วติดกันป่าวประกาศให้ได้ยินโดยทั่ว ช่วยเพิ่มความชอบธรรม ขยายพื้นที่การเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองของ "นายใหญ่" กับฝ่ายโค่นอำนาจ ในสายตานานาชาติ
ยิ่งตามเกม "Catch me if you can" ยากไปกันใหญ่
นั่นว่ากันตามเกมยาวๆ
แต่กับช็อตเบื้องหน้าที่เห็นๆกัน กับยุทธศาสตร์ที่อดีตนายกฯทักษิณ โชว์กึ๋นเซียนการตลาดด้วยการส่ง "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ แม่ทัพอาสา "นายใหญ่" ยกคณะบินด่วนไปพบนายกฯฮุน เซน ที่กัมพูชา ไม่กี่วันหลังเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
แล้วก็เป็นข่าวใหญ่พาดหัวไม้หนังสือพิมพ์ "ฮุน เซน" สร้างคฤหาสน์หรูรอรับ "ทักษิณ" ลี้ภัย
ตบหน้ารัฐบาลไทยจนชา
ประเด็นฮือฮาลากยาว จากปมการเมืองภายในเมืองไทยด่ากันข้ามพรรค ขยายวงไปนัวเนียการเมืองระหว่างชาติ ตอบโต้ข้ามประเทศ
และก็จืดจนแทบสนิทเลย
โดยช็อตที่รัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ ทุ่มทุนสร้างไปกับเวทีประชุมผู้นำอาเซียนหวังกู้หน้า ฟื้นเครดิตจากคิวโดนม็อบเสื้อแดงบุกถล่มจนล่มไม่เป็นท่าที่พัทยา
โหมโรงโฆษณากันอึกทึกครึกโครม
แต่ถึงเวลา "งานกร่อย" ผู้นำมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และกัมพูชา 4 ประเทศจาก 10 ชาติสมาชิก พร้อมใจกันโดดคิวร่วมพิธีเปิดประชุมอย่างเป็นทางการ
ไม่ต้องพูดถึงเหตุผลที่เอ่ยอ้างกันตามมารยาทการทูต
แต่โดยความสำคัญของเวทีประชุมระดับนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่เข้าใจตรงกัน ชาติสมาชิกจะให้เกียรติกับประเทศเจ้าภาพ
รู้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้วทำไมเพิ่งติดภารกิจกะทันหัน
โดยระดับการให้ความสำคัญ มันพอจะจับอารมณ์ เดาท่าทีกันได้
มันก็เป็นอะไรที่เป็นเครื่องหมายคำถามถึงความล้มเหลวนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลไทย ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชื่อนายกษิต ภิรมย์ ที่วันๆเอาแต่เผาป่าไล่จับหนู "ทักษิณ"
ฟาล์วแล้วฟาล์วอีก จั่วลมวืดเป้า
นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า โดยผลพวงจากการเดินหน้าไล่กดดัน "นายใหญ่" หลายคิวที่มีข่าวกระเส็นกระสาย หน่วยเกสตาโปของไทยสร้างความอึดอัดให้ต่างประเทศ
กัมพูชา มาเลเซีย จนถึงดูไบ เซ็งไปตามๆกัน
โดยอาการหมั่นไส้ มันก็ต้องแสดงออกกันมั่ง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน