ที่มา thaifreenews
เปรียบเทียบ ระหว่าง ทักษัณ กับ ซูจี และ โอบาม่า กับ ไอ้บ้ามาร์ค
ท่านสมเด็จ ฮุนเซ็น พูดถึงท่านทักษิณ เปรียบเทียบ กับ นาง อองซาน ซู จี เป็นประเด็นแหลมคมและน่ามาขบคิด สมเด็จฮุนเซ็นเป็นผู้นำที่ไม่ธรรดา มีวิสัยทัศน์ มองอ่านการเมืองได้ลึกซึ้ง การที่ท่านพูดเช่นนี้ย่อมมีนัยทางการเมืองที่น่าสนใจ แฝงอยู่แน่นอน จึงเป็นประเด็นที่ผมเอามาขบคิดต่อ ท่านอ่านแล้วเห็นด้วย หรือ เห็นต่างอย่างไรก็เชิญแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายเลยนะครับ
1 เหตุทางการเมือง
ทักษิณ:ทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ลงเลือกตั้งในนามหัวหน้าพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งแรกอย่างถล่มทลายในปี 44 และชนะการเลือกตั้งถล่มถลายมากกว่ากว่า ตอนปี48 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองอย่าง เลห์นัยว่าใครกันแน่ที่กำลังให้ท้ายกลุ่มคนเหล่านั้น ทั้งๆที่ประเทศไทยกำลังเดินไปได้ดี นำไปสู่การยุบสภา และเลือกตั้งทั่วไป ไทยรักไทยภายใต้การนำของทักษิณ ชินวัตรก็ชนะการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2546 แต่ถูกตุลาการ สมุนอำมาตย์สั่งยกเลิก การเลือกตั้งด้วยเหตุผลหว่านล้อมหลายๆประการ แต่เหตุหลักๆจริงก็คือดูถูกว่า ปชช.เลือกผิดภายหลังต่อมา ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหารโดย ลูกสมุนของอำมาตย์ในนาม คณะความมั่นคงแห่งชาติ คมชด้วยข้อหาน้ำเน่า ปร่ำปราที่ถึงจะเชยก็ยังไช้ได้เสมอ คือ คอรัปชัน และ ไม่จงรักภักดี ข้อหาแรก ทำให้ องค์กรอิสระ ของอำมาตย์ที่แต่งตั้งโดย คมช. ยึดทรัพย์ของทักษิณในเวลาต่อมา ทักษิณ ไม่สามารถกลับมาประเทศไทยได้ ถูกกล่าวโดย คมช. ลูกสมุนของ อำมาตย์ตอนนั้นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติออง ซาน ซูจี : จัดตั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาติ หรือ (NLD) เมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี คศ.1990 พรรค NLD ชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด แต่รัฐบาลทหาร สล๊อก ไม่ยอมและกักขังเธอด้วยข้อหา เป็นภัยต่อความมั่นของชาติ อองซานซูจี ไม่ใข้นักธุรกิจ (เพราะถึงเธออยากจะธุรกิจอะไร เพราะรัฐบาลทหารพม่าคุมหมดอยู่แล้ว) และถ้าเธอธุรกิจอะไรก็คงเดาไม่ยากว่าทรัพยสินของเธอก็ต้องถูก ยึดจากรัฐบาลทหารพม่าอย่างแน่นอน ส่วนความผิดค่อยหาเอาทีหลังได้สบายๆ อยู่แล้ว) แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันไม่ว่า อองซานซูจี หรือ ทักษิณก็เป็นนักต่อสูเพื่อปชต. ถึงแม้คนหนึ่งจะอยู่นอกประเทศ แต่อีกคนจะอยู่ในประเทศก็ตามแต่บทบาทไม่ต่างกันนัก อองซานซูจี เธอมีจุดยืนตรงนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วส่วนทักษิณ ประกาศเข้าร่วมกับขบวนเสื้อแดง ซึ่งชัดเจนว่าเป็นอยู่คนละขั้วกับอำนาจเผด็จการอำมาตย์ และส่วนใหญ่ของคนเสื้อแดงก็เป็นคนที่ชื่นชอบในนโยบายของพรรคไทยรักไทยเดิม ซี่งถูกยุบโดยตุลาการลูกสมุนของอำมาตย์
2.คุณูประการต่อประเทศ
ทักษิณ: ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้มากมาย เมื่อได้เข้ามาบริหารประเทศไทย ตั้งแต่ปี2544-2547 ไม่ว่าจะเป็น ปลดหนี้ IMF , 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน วางรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับรากหญ้า , ประกันราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะราคายางที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ของภาคใต้ซึ่งไม่ใช้ฐานเสียงหลักของพรรครัฐบาลไทย แต่ชาวสวนยางที่เป็นอาชีพหลักของคนภาคใต้ก็อื่มเอมไปถ้วนๆ หน้า และยังมีอีกมากที่ไม่สามารถบรรยายได้หมดเดียวจะยึดยาวเกินไปออง ซาน ซู จี :ด้านการบริหารประเทศ นาง อองซานซูจี ยังไม่มีผลงานเพราะเนื่องจาก อำนาจรัฐและการบริหารงานยัง เป็นของรัฐบาลพม่าจึง กลุ่มการเมืองของเธอยังไม่มีโอกาสได้อำนาจรัฐ ฉะนั้นบทบาทสำคัญๆ จึงเป็นบทบาททางด้าน การเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่ามากกว่า แต่มันก็มากพอแล้วที่ทำเธอเป็นที่นิยมชมชอบอย่างกว้างขวางในพม่า
3.วิบากกรรมทางการเมือง
ทักษิณ:ทักษิณถูกของร้องหลายครั้งว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งๆที่ ทักษิณได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศในระยะ5ปี นั้นหากจะต้องให้หัวหน้าใหญ่ของอำมาตย์ ตายแล้วเกิดใหม่สัก10 รอบ (ถ้ารอบต่อไปยังได้เกิดมาเป็นคนอีกนะ) ยังไม่รู้ว่าจะได้ครึ่งของทักษิณที่ทำไว้แค่ 5 ปีหรือเปล่า? เพราะทักษิณเป็นที่นิยมขมชอบจากปชช.มากเพียงนี้ และด้วยความสามารถของพวกอำมาตย์ ที่มิอาจเทียบทักษิณได้นั้น จึงทำให้เหล่าอำมาตย์ต่างประหวั่น พรั่นพรึ่ง นำมาสู่แผนอำมหิตเพื่อโค่นล้มทักษิณ แนวรุกของกลุ่มอำนาจการเมืองใหม่คือ 1.ทำให้พ้นจากตำแหน่ง 2. ทำให้ติดคุก หรือไม่ก็ 3. สังหาร ไม่เพียงแค่นั้น พวกอำมาตย์ยังพยายามที่จะทำลายทักษิณและครอบครอบด้วยวิธีการต่างๆ อองซานซูจี: ถูกขอร้องว่า อย่ามายุ่งเกี่ยงกับการเมือง จากรัฐบาลทหารพม่าเหตุผลสำคัญเป็นเพราะเธอเรียงร้องปชต. เพราะเธอเป็นคนที่มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นที่นิยมชมต่อประชาชนในพม่ามากเช่นกัน การที่ปล่อยให้เธออยู่บนเส้นทางการเมือง โดยไม่หาทางกำจัดเธอออกจากการเมืองไปซะย่อมเป็นอันตรายต่อ ศูนย์อำนาจของรัฐบาลทหารพม่าเป็นแน่ อองซานซูจี ต้องระหกระเหินและ ครอบครัวถูกข่มขู่ ต้องแยกกันอยู่กันสามีเพราะเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวกันการเมือง และเป็นศัตรูกับรัฐบาลทหารพม่า แม้วันที่เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เธอก็ไม่สามารถไปรับได้ เธอให้ลูกชายของเธอรับแทน เนื่องจากกลัวว่าถ้าเธอเดินทางออกไปจากพม่าแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก
4.ศัตรูทางการเมือง
ทักษิณ: ของกลุ่มการเมืองของทักษิณที่สำคัญที่สุดก็คือ กลุ่มอำนาจอำมาตย์ ซึ่งมีหัวหน้าใหญ่ที่ “คุณก็รู้ว่าใคร” คอยบงการและเล่นการเมืองผ่าน นอมันนี ของเค้า ส่วนปชป. คมช. พรรคการเมืองใหม่ผมมองว่า เป็นลิ่วล้อของอำมาตย์เท่านั้น แม้บางทีอาจจะมี หือ มีฮือ บ้างแต่ ศูนย์อำนาจฝ่ายนี้ ยังถูกบัญชาการ จากหัวหน้าอำมาตย์อย่างสิ้นเชิงออง ซาน ซู จี:ศัตรู ของกลุ่มการเมืองของนางอองซาน ซู จี คือรัฐบาล ทหารพม่าสล๊อก (SLORC)
[b ]** ตรงนี้ที่ผมว่ากระบวนต่อสู้เพื่อปชต.ของเสื้อแดงต่าง จากพม่าเพราะ เผด็จการของพม่าเป็นเผด็จการที่เปิดเผย ตัว ลงเล่นการเมืองอย่างชัดเจน แต่เผด็จการของที่นำโดยชนชั้น อภิชน ชนชั้นอำมาตย์ มีลักษณะ อีแอบ แฝงกาย ไม่กล้าแสดงตัวว่าเล่นการเมือง แต่เล่นการเมือง และคุมอำนาจ ฝ่ายกลุ่มก้อนแก๊งค์การเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงพรรคปชป.ด้วย **
โอบาม่า สังกัดพรรค Democrat ถ้าแปลเป็นไทย ก็แปลว่าประชาธิปัตย์นั่นแหละ ซื่อเหมือนแฮะ อภิสิทธิ์หรือ ไอ้บ้ามาร์ค <- เห็นมั๊ยตอนนี้ชื่อเหมือนกันแระ 555มาร์คเข้ามาเป็นนายกฯ กับโอบาม่า เข้ามาเ ป็นประธานาธิบดีของอเมริกา ไล่เลี่ยกัน แต่วิธีการต่างกับลิบลับ โอบาม่า รับรับการคัดเลือกและชนะการเลือกตั้ง ในการชิงชัยตำแหน่งปธน.อเมริกา ตามวาระสมัย ไม่มีอำมาตย์ช่วยยุบพรรค Republican ไม่มีทหารเข้ามายึดอำนาจ แล้วฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่มีคุณห้อยมาเป็นตัวช่วยไม่มีใครมาการันตรี ว่าคนนี้ดีที่สุด ส่วนมาร์คเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ เพราะได้พวกผีตองเหลือง บุกเปิดสนามบิน บุกรุกเข้าไปข้างในทำเนียบ บุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ที่มีตัวบงการใหญ่หนุนหลังโดย ....... <<<< ที่ไม่เขียนไม่ใช่ไม่รู้ แต่ผมคิดว่า “คุณก็รู้ว่าใคร?” เลยไม่อยากพิมพ์ให้แป้นพิมพ์สึกเล่น อิ อิ
และก็ดูเหมือน บ้ามาร์ค พิศสมัย อยากเป็นเหมือนเค้าเข้าจริงๆ
ด้วยการตั้ง สโลแกนของตัวเองให้เหมือนเค้าซะด้วย ว่า Change ที่แปลว่า เปลื่ยน โดยตั้งใจจะให้เหมือน โอบาม่า แต่ต่างกันที่เนื้อหาคือเค้าพยายามเปลื่ยนให้ดีขึ้น แต่ มาร์คเปลื่ยนให้เลวลง เห็นได้ชัดคือเวลาผ่านไป 9 เดือนกว่าๆ หลังจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้วแต่ ของเรายังซึมยาว งบประมาณที่มาจากการสร้างหนี้สาธราณะระยะยาวให้กับประเทศ ก็อันตรธานหายไป พร้อมกลิ่นเหม็นเน่า คอร์รัปชั่นโฉยกันให้ฟุ้ง ในขนาดที่สื่อส่วนใหญ่เงียบเป็นเป่าสากเพราะ ร่วมอื่มหมีพีลมันกับเค้าด้วย
และก็เป็นที่น่าสังเกตุว่าโอบาม่า คือตัวแทนของสัญลักษณ์ของคนผิวดำ ซึ่งหากจะมองและเปรียบเทียบให้ดีแล้ว โอบาม่าก็คือสัญลักษณของคนผิวดำ ซึ่งชนชั้นที่เคยถูกกดขี่และเหยียดหยามจะคนผิวขาว ที่เห็นว่าความผิวดำคือลูกหลานทาส
ตรงข้ามจาก ไอ้บ้ามาร์ค อย่างสิ้นเชิง เพราะมาร์คมาจากชนชั้นผู้ดี หรือ ชนชั้นอภิสิทธิชน (สมชื่อ)ในสังคม ที่มีพี่ใหญ่คือเผด็จการ อำมาตย์เป็นผู้ค้ำยันให้นั่นแหละ อภิสิทธ์เคยหนีทหาร หนีเลือกตั้งไม่ยอมลงเลือกตั้งเพราะกลัวแพ้กลัวการตัดสินใจจากประชาชน แต่อยากเป็นนายกฯจนตัวสั่น ขนาดให้พวกอำมาตย์ยึดอำนาจเขียน รัฐธรรมนูญที่เอื้อให้กับปชป.
จัดการเลือกตั้งที่มี กกต.เข้าข้างปชป. สื่อก็คอยประโดมโหมข่าวให้ แต่ก็มิวายยังแพ้การเลือกตั้ง ในกับ สมัคร สุนทรเวช ในนามพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย เดิมอีก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าคะแนนของตัวเองเป็นคะแนนบริสุทธิ์ ยังมีหน้าจะประกาศจัดตั้งรัฐบาล เสียงข้างน้อย ไร้ซึ่งภาวะความเป็นผู้นำอย่างสิ้นเชิง
แต่สุดท้ายด้วยวิธีการพิสดารพันธ์ลึก ที่พวกอำมาตย์หามา ก็เอา สมัคร ออกด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะตลกก็คือ ทำกับข้าวออกทีวี และจัดการยุบพรรคพลังประชาชน
จูบปากยี้ห้อย <- ฉายานี้แต่ก่อน ปชป.เรียก เนวิน ที่เห็นทุเรศสายคนปกติทั่วไป จัดตั้งรัฐบาลอย่างหน้าระรื่น
สรุปว่าเนื้อหา ที่มา ที่ไป เรื่องราว ระหว่าง โอบามาร์ กับ ไอ้บ้ามาร์ค แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนอภิสิทธ์และพวกปชป. จะพยายามเปรียบเทียบเพื่อสร้างภาพให้มาร์คเหมือนเป็นคนสำคัญ เพื่อปกปิด ปมด้อยและรอยด่างพร้อยทำเคยทำมาของ นาย อภิสิทธิ์ นั่นเอง ถ้าใครเห็นต่างหรือจะเพิ่มเติมก็คห.มาเลยนะครับ