WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, October 26, 2009

ระลึกถึงลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ญาติร่วมชาติไทยในเดือนตุลาคม

ที่มา Thai E-News


ชมการให้สัมภาษณ์ของนวมทอง ไพรวัลย์ ฉบับเต็ม คลิ้กตอนที่ 1 และ ตอนจบ


โดย อรรคพล สาตุ้ม
25 ตุลาคม 2552


…ถ้าเราจะมองดู ‘ชาตินิยม’(ในบริบทของไทย)ว่ามีความใกล้ชิดกับคำว่า ‘ศาสนา’ หรือ ‘เครือญาติ’(kinship)มากกว่าที่มันจะใกล้ชิดกับ ‘ลัทธิเสรีนิยม’(liberalism) หรือ ‘ลัทธิสังคมนิยม’ (socialism)…ชาติถูกจินตกรรมขึ้น ก็เพราะว่า สมาชิกของชาติ ที่แม้จะเล็กที่สุดก็ตาม แม้จะไม่เคยรู้จักเพื่อนสมาชิกร่วมชาติทั้งหมดของตนไม่เคยพบเห็นพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมด หรือไม่เคยแม้กระทั่งได้ยินชื่อเสียงเรียงนามพวกเขาเหล่านั้นก็ตาม กระนั้นในจิตใจของแต่ละคนก็มีภาพพจน์ของความเป็นชุมชนร่วม Renan นักปรัชญาฝรั่งเศสกล่าวถึงจินตกรรมนี้ว่า “สารัตถะของแต่ละชาติ ก็คือ บรรดาปัจเจกของชาติทั้งมวล ต่างมีหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน และในเวลาเดียวกันต่างก็ร่วมลืมหลายสิ่งหลายไปแล้ว…. เบน แอนเดอร์สัน ชุมชนจินตกรรม บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม (ฉบับแปลไทยในหน้า 9-10)*



การผลิตความทรงจำเรื่อง14 ตุลาคม-เดือนตุลาคมของรัฐธรรมนูญ 2540

ผู้เขียน เริ่มย้อนมองอดีตระลึกถึงเรื่องลุงนวมทอง ผ่านการเน้นที่ความเป็นเพื่อนร่วมชาติไทย และญาติร่วมชาติไทยในประวัติศาสตร์เดือนตุลาคม

จากประสบการณ์เกี่ยวกับเพื่อนๆ และผู้เขียนอ่านหนังสือชุมชนจินตกรรม บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม ภายใต้สิ่งแวดล้อมในการทำงานของชีวิตประจำวัน

โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียน รู้สึกน่าครุ่นคิดเห็นได้ชัด ขณะดูสื่อโฆษณาทีวีเรื่องหนึ่งจบลง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2552 ซึ่งผู้เขียนขอกล่าวถึงรุ่นพี่คนนี้ทางชื่นชมๆ เขาก็พูดถึงอย่างโหยหาอดีตในทางที่ดีๆ ต่อภาพโฆษณาทางสื่อทีวีว่า เมื่อผู้ชายคนหนึ่ง สั่งอาหารแล้วพูดว่า “ป้าขอบะหมี่ ถ้วยหนึ่ง” แล้วป้าตอบว่า “รอแป๊บหนึ่งนะลูก”

ซึ่งการผลิตสื่อโฆษณาทีวีดังกล่าว โปรยเสียงสรุปเรื่องเป็นประโยคชี้ให้เห็นว่า “คนไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก” สะท้อนว่าวัฒนธรรมไทยนั้น เราผูกพันนับญาติกันได้ทั้งหมด ไม่มีขีดจำกัดของชนชั้น และชาติพันธุ์ใดๆ ภายใต้ความเป็นชาติไทยในชุมชนจินตกรรมร่วมกันได้

เมื่อชาติถูกจินตกรรมขึ้น ก็เพราะว่า สมาชิกของชาติ ที่แม้จะเล็กที่สุดก็ตาม แม้จะไม่เคยรู้จักเพื่อนสมาชิกร่วมชาติทั้งหมดของตน ไม่เคยพบเห็นพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมด หรือไม่เคยแม้กระทั่งได้ยินชื่อเสียงเรียงนามพวกเขาเหล่านั้นก็ตาม

กระนั้นในจิตใจของแต่ละคนก็มีภาพพจน์ของความเป็นชุมชนร่วม และการระลึกถึงอดีตของเพื่อนสมาชิกร่วมชาติ ในความเป็นชุมชนร่วมกัน โดยผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ สร้างชุมชนจินตกรรมได้(อ้างอิงหนังสือเรื่องชุมชนจินตกรรม)

ซึ่งทำให้เรารู้จักเพื่อนสมาชิกร่วมชาติจากบทสัมภาษณ์เรื่องความทรงจำของญาติวีรชนในสิบสี่ตุลาคมจากสื่อหนังสือพิมพ์ได้ ซึ่งอดีตกับปัจจุบันเป็นมิติทางเวลาที่วางอยู่บนคนละกาละ และความทรงจำ คือ ข่ายใยที่เชื่อมโยงระหว่างกาละทั้งสองแบบ ความทรงจำพูดไม่ได้ แต่ดำรงอยู่ได้ผ่านตัวกลางของความทรงจำ

ความทรงจำแตกต่างจากประวัติศาสตร์ ความถูกผิดของความทรงจำขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเข้าใจที่ผู้คนและสังคม มีต่อเรื่องหนึ่งๆ นักคิดคนหนึ่งจึงกล่าวว่าความทรงจำไม่จำเป็นต้องถูกต้องตามประวัติศาสตร์ก็ ได้ และเพราะเหตุนี้ ความจริงแท้ จึงไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญของความทรงจำ และงานเขียนเป็นตัวกลางของความทรงจำ หรือจะพูดอีกอย่างว่างานเขียนเป็นตัวแทนของความทรงจำก็คงได้ คุณสมบัติเช่นนี้ จึงทำให้งานเขียนสามารถดึงความทรงจำจากอดีตมาสู่ปัจจุบันได้ และเมื่อมิติทางเวลาเป็นเรื่องลื่นไหล งานเขียนจึงทำให้อดีตและอนาคตโยงใยถึงกัน(1)

กระนั้น ความทรงจำของเรื่อง 14ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 จึงเป็นตัวแทนของการต่อสู้ทางอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ให้ถูกลบเลือน บิดเบือน สูญหายไป โดยเราสามารถรับรู้ผ่านงานเขียน รวมถึงการผลิตสื่อภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ 14 ตุลา สงครามประชาชน( ที่มีการวิจารณ์ว่า เปลี่ยนเป็นชื่อเดิมว่า คนล่าจันทร์ดีกว่า ฯลฯ)

และวันเวลาผ่านไป คนยุค 14 ตุลาคม ก็ยังไม่พ้นวังวนของปัญหาการเมืองประชาธิปไตย เพราะว่า พวกเขาต้องมาพบกับเหตุการณ์ของ 17 พฤษภาคม 2535 ซึ่งมันทำให้เกิดคนเดือนพฤษภา แล้ววันเวลาต่อมา มันเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสู่ขบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 2540 และแล้ว ความสำคัญของเดือนตุลาคม ก็ยังกลับมาเกี่ยวข้องในรัฐธรรมนูญ 2540 ว่า เราแทบจะหาสัญลักษณ์ของรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ได้เลย

แต่ไหนๆ รัฐธรรมนูญ 2540 นั้นประกาศใช้เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2540 ก็พอจะกล้อมแกล้มถือเอาเป็นวันสัญลักษณ์ไปได้เหมือนกัน(2)

ฉะนั้น การผลิตความทรงจำที่ดี และการโหยหาอดีตเพื่อสร้างชุมชนจินตกรรมขึ้น โดยความทรงจำต่อเดือนตุลาคม มันมีหลายแง่มุมที่ถูกผลิตออกมาเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือ จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน14ตุลาคมของปรีดี พนมยงค์ เป็นต้น

ส่วนผู้เขียน ต้องการชี้ให้เห็นเดือนตุลาคม มันถูกทำให้เป็นชุมชนจินตกรรม ภายใต้สมาชิกเพื่อนร่วมชาติเพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย แล้วมันเป็นพลังนำมาสู่การสร้างความเข้าใจเดือนตุลาคมจาก 14ตุลาถึงรัฐธรรมนูญ 2540 ในเดือนตุลา

รวมทั้งความทรงจำ ต่อลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เพื่อนร่วมชาติ และญาติร่วมชาติไทยด้วย

ความแตกสลายของเพื่อนร่วมชาติในเดือนตุลาคม

รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ กล่าวถึงความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาในปี พ.ศ. 2549 เมื่อ double false consciousness และ self-righteousness บังเกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทย

ในประเด็น 14 ตุลา และ 6 ตุลา มันต่อเนื่องเกี่ยวพันกันชนิดที่พูดได้ว่า ถ้า ไม่มีสิทธิเสรีภาพก็ไม่อาจต่อสู้เพื่อแสวงหาความเป็นธรรมทางสังคม ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าไม่มีความเป็นธรรมทางสังคม สิทธิเสรีภาพที่ได้มาก็ไม่มีความหมาย อย่างน้อยก็ไม่มีความหมายต่อสังคม ต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อเพื่อนร่วมชาติร่วมทุกข์ร่วมสุขคนอื่น ๆ อาจจะมีความหมายบ้างต่อปัจเจกบุคคล แต่นั่นไม่พอ การแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของสองเหตุการณ์นี้ที่แตกต่างแต่ว่าต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน คือ พันธมิตรสามประสาน ได้แก่ กรรมกร ชาวนา และสามัญชน เกิดขึ้นท่ามกลางการต่อสู้อย่างสันติในเมืองก่อน 6 ตุลา แล้วหลัง 6 ตุลา ก็คลี่คลายไปสู่การต่อสู้ด้วยอาวุธในชนบท

ผมอยากเสนอว่าอุดมการณ์ 14 และ 6 ตุลาคม หรืออุดมการณ์เดือนตุลา ได้แก่สิทธิเสรีภาพผูกกับความเป็นธรรมทางสังคมได้แตกสลายลงแล้วในปัจจุบัน เหตุการณ์ที่เป็นหลักหมายของการแตกสลายนี้คือการแบ่งแยกแตกข้างของพลังประชาชนในสังคมไทย ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับรัฐบาลทักษิณในช่วงปีที่ผ่านมา มันใช้เวลา 30 ปี กว่าอุดมการณ์เดือนตุลาจะพัง แต่ในที่สุด ผมคิดว่ามันพังแล้ว มันสะท้อนให้เห็นได้ง่ายผ่านความขัดแย้งในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่คนเดือนตุลา ซึ่งต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกข้างแยกค่าย ด่าทอประณามกันเอง ชุลมุนวุ่นวายจนเลาะเป็นวุ้นไปหมด(3)

ดังนั้น อุดมการณ์ของสิบสี่ตุลา ถึงจุดแตกสลายไปจากความเป็นเพื่อนร่วมชาติ พร้อมกับรัฐธรรมนูญ 2540 ในเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ขึ้นมา มันก่อเกิดเป็นแบ่งฝักฝ่าย เข้าข้างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(กลุ่มพันธมิตรกู้ชาติ) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ)

ซึ่งทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วยกลุ่มสหายเก่า ที่เคยเป็นมิตรร่วมรบในการต่อสู้ของสงครามกันมา แล้วกลายเป็นไร้เพื่อน โดยมันไม่ใช่สมการว่า พันธมิตร+ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ = พันธมิตรต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(หลอมรวมสีเหลืองและสีแดง)ได้

ซึ่งผู้เขียน สะท้อนเรื่องดังกล่าวได้ว่า มันเป็นการปะทะของอุดมการณ์ในเพื่อนร่วมชาติ สถานะทางการเมือง และอำนาจของกลุ่มการเมือง ผนวกกับความเป็นเพื่อน มิตร สหายกัน รวมทั้งในฐานะพ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท มิตร สหาย ญาติร่วมชาติ

แต่ว่า ภาพตัวแทนหนึ่งในเดือนตุลาคม คือ ลุงนวมทอง ผู้สละชีวิตเพื่อชาติ และประชาธิปไตย อีกทั้งลุงนวมทอง สวมเสื้อใส่เสื้อสีดำ ที่มีบทกวีของศรีบูรพา และรวี โดมพระจันทร์ ในฐานะสัญลักษณ์ของ 14 ตุลา ซึ่งทั้งความตาย และความหมายของการเสียชีวิตของลุงนวมทอง ในบรรยากาศของงานศพ จนถึงวันเวลา ณ ปัจจุบัน ทำให้เราต้องมาพิจารณาความเป็นตัวแทนของเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน ในการระลึกถึงคนธรรมดา สามัญชน กับวันหนึ่งของเดือนตุลาคม ที่มีฐานะเป็นญาติร่วมชาติไทย

ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ กับความเป็นญาติร่วมชาติไทยในเดือนตุลาคม

เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 นายนวมทอง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย ได้ขับรถยนต์แท็กซี่ โตโยต้า โคโรลล่า สีม่วง ทะเบียน ทน 345 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท สหกรณ์แหลมทองแท็กซี่ จำกัด พุ่งเข้าชนรถถังเบา M41A2 Walker Bulldog ป้ายทะเบียนตรากงจักร 71116 ของคณะปฏิรูปฯ และได้รับบาดเจ็บสาหัส

ซึ่งต่อมาในคืนวันที่ 31 ตุลาคม นายนวมทองผูกคอตายกับราวสะพานลอย บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (บริษัท วัชรพล จำกัด) โดยในจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พันเอก อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้

ในคืนวันที่ 31 ต.ค.2549 นายนวมทองแขวนคอตาย เขาตั้งใจสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความเป็นบทกวี ที่เคยใช้ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยด้านหน้าเป็นบทกวีของรวี โดมพระจันทร์ และด้านหลังเป็นบทกวีของศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) และข้อมูลต่อมา ที่มีบันทึกความทรงจำ เกี่ยวกับลุงนวมทอง ไพรวัลย์ (พ.ศ. 2489 - 31 ต.ค. 2549; อายุ 60 ปี) เป็นคนขับแท็กซี่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายใต้สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากขับแท็กซี่พุ่งชนรถถังของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า

นายนวมทองเป็นพลเมืองไทยเพียงคนเดียว ที่ได้ประกาศตนต่อสาธารณชนว่า ได้พยายามกระทำอัตวินิบาตกรรม เพื่อประท้วงการรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองฯ และได้บรรลุเจตนารมณ์ดังกล่าวในที่สุด เพื่อตอบสนองคำพูดของรองโฆษกคณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่เขาถือว่าเป็นการเหยียดหยามวัตถุประสงค์ในการกระทำของเขานั้นเอง(4)

กระนั้น ผู้เขียนระลึกถึงบทสัมภาษณ์ รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล แล้วกระตุ้นให้ผู้เขียนนึกถึงประสบการณ์ต่างๆ ไม่ให้ผู้เขียนหลงลืม “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์”..ว่าเราต้องระลึกถึงลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เราต้องเชิดชูถึงความเด็ดเดี่ยวของท่าน เป็นคนที่ผมเคารพมากเลย แต่นี่คือ คนยอดคน นี่คือ คนจริง งานศพของท่านอยู่ในวัดเล็กๆที่เมืองนนทบุรี เข้าไปลึกหน่อยจากถนนใหญ่ เป็นงานศพของคนกระจอก แต่มีพวงหรีดของสุรยุทธ์ จุลานนท์ด้วย และมีตำรวจเต็มไปหมด ถ้าคนไม่บอก ก็นึกว่า งานศพนี้จัดที่วัดเทพศิรินทร์ ซะอีก ในอนาคตข้างหน้า น่าจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ท่าน สร้างที่ลานที่ท่านขับรถแท็กซี่ชนรถถังนั่นแหละ แต่ไม่ต้องออกแบบให้เป็นอัศวินขี่ม้าขาวนะ เอาแบบขี่แท็กซี่ดีที่สุด เป็นเอกลักษณ์ดี ไม่เหมือนใคร.(5)

ครั้นแล้ว วันเวลาของงานศพ “ลุงนวมทอง”ผ่านไป จะทำอย่างไรดีไม่ให้ความทรงจำต่อลุงนวมทอง หายไป และผู้เขียน ครุ่นคิดเรื่องความเข้าใจเรื่องกาลเวลา เป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงความเป็น “ชาติไทย”สมัยใหม่ ที่มีกาลเวลาไม่ได้เพียงอยู่บนพื้นฐานของเวลาแบบการเวียนว่ายตายเกิดแบบพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ว่าผู้เขียนมองเวลาในฐานะของการมองปฏิทิน เป็นตัวแทนของวันเวลาของไทยในยุคสมัยใหม่ แล้วตระหนักถึงวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันสิ้นเดือนพอดี ทั้งมันเป็นวันสำหรับเงินเดือนออกของพนักงาน ในวันที่ท้าทายทหารของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ทำอย่างไรไม่ให้สิ้นเดือน ทำให้ความทรงจำต่อลุงนวม ไม่ต้องค้นหาวันเวลาที่หายสาบสูญสิ้นไป

แน่ชัดว่า ความต่างของวันที่ 31ตุลาคม กับวันที่ 14,6ตุลา ที่มีภาพสะท้อนหมู่เพื่อน มิตรสหาย ล้วนปรากฏตัว มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ยุคสมัยก่อน จนถึงปัจจุบันดังกล่าว โดยปรากฏทั้งฐานะบุคคล กลุ่ม เหมือนกับตัวละครจำนวนมาก แต่ว่ากรณีลุงนวมทอง เน้นได้ชัดเจนถึงความสามารถของปัจเจกบุคคล เขาเป็นคนๆ เดียว ซึ่งสะท้อนพลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย กลายเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 นั้น แล้วเราจะระลึกถึงอดีตของคนๆเดียวให้ไม่โดดเดี่ยว โดยระดมเชื้อเชิญให้ผู้คนมีส่วนร่วม ทั้ง พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติสนิท มิตร สหาย เพื่อนๆ ผู้รักประชาธิปไตย เพื่อจัดงานสานต่อ ความเป็นคนเด็ดเดี่ยวของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ โดยข้อความในจดหมายลาตายว่า ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก

ทั้งนี้ ผู้เขียนก็เคยนำเสนอความคิดเห็นเล็กๆ เกี่ยวกับเรื่องลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ในการจัดงานเรื่องศิลปะกับการเมือง: มุมมองว่าด้วย รสนิยม ชนชั้น ประวัติศาสตร์ และการตีความ ซึ่งจัดงานโดยกลุ่มประชาไท โลคัลทอลค์ และกลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ(6) ซึ่งกรณีง่ายๆ ว่า คุณอาจจะรู้สึกว่า นั่นเป็นเพื่อนของเรา คนนั้น คนนี้ โดยอาจจะลืมไปว่าเขาเป็นใคร และความทรงจำต่ออดีตในเรื่องเดียวกัน ที่เคยคิดเห็นตรงกัน กลับกลายเป็นความคิดเห็นไม่ตรงกัน เพราะ วันเวลาทำให้คนรุ่น 14,6 ตุลาคม ถูกวันเวลาแย่งชิงความทรงจำ และวันเวลาก็ชนะในการช่วงชิงความทรงจำของคนเรา ทำให้ลืมอุดมการณ์ของเพื่อนร่วมชาติบางคนได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนในฐานะคนเล็กๆคนหนึ่ง ก็ระลึกถึงลุงนวมทอง ในจินตนาการถึงการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 31 ตุลา ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เป็นเรื่องน่าสนใจมาก เพราะ เราต้องตระหนักว่า บรรดาปัจเจกของชาติทั้งมวล ต่างมีหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน และในเวลาเดียวกันต่างก็ร่วมลืมหลายสิ่งหลายไปแล้ว แน่นอนว่า ความหวังสักวันหนึ่งใน 31 เดือนตุลาคม เราระลึกจดจำถึง“ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” ญาติร่วมชุมชนจินตกรรมของชาติไทยได้

เชิงอรรถ

*เบน แอนเดอร์สัน ชุมชนจินตกรรม บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม(ฉบับแปลไทย)

1.ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์: วาทกรรมสิบสี่ตุลา

2.ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข ใต้เท้าขอรับ : ขอเป็นคน ‘เดือนตุลา’


3.รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ : ความแตกสลายของอุดมการณ์เดือนตุลาในปี พ.ศ. 2549 เมื่อ double false consciousness และ self-righteousness บังเกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทย

4.ข้อมูล:นวมทอง ไพรวัลย์
th.wikipedia.org/wiki/นวมทอง_ไพรวัลย์


5.ผู้เขียน สัมภาษณ์ รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล อาจารย์ประจำสถาบันศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ

6.ศิลปะกับการเมือง: มุมมองว่าด้วย รสนิยม ชนชั้น ประวัติศาสตร์ และการตีความ