ที่มา ไทยรัฐ
ผ่ายุทธวิธีโหมเฮือกสุดท้ายเพิ่มอำนาจต่อรองล้างผิด "ทักษิณ"
เริ่มเดินหน้าโชว์ฟอร์มทันที
หลังจากคืนสังเวียนการเมือง สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้เพียงไม่กี่วัน
"บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เริ่มเดินเกมด้วยการเดินทางไปพบกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ และกลับมาให้สัมภาษณ์ว่า
สมเด็จฮุน เซน ให้ความสนใจและเน้นความสัมพันธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทย เพราะความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณมีมานานแล้ว ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ทำงานทางการเมือง เป็นนักธุรกิจธรรมดา และเป็นนักการเมือง ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ ความสัมพันธ์ต่างๆยังมีอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง
เขามีความรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรให้กับประเทศเยอะแยะ แต่ทำไมวันนี้แม้กระทั่งแผ่นดินที่จะอยู่ก็ยังไม่มี เขามีความเจ็บปวดในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนไทยและไม่ได้เป็นครอบครัวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ภริยาของสมเด็จฮุน เซน ถึงกับร้องไห้ เขาจึงต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า เขากับ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นเพื่อนกันตลอดกาล กัมพูชาพร้อมให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาพำนักอาศัย วันนี้เขาได้จัดบ้านพักอย่างดีสวยงามด้วย ไว้ต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างมีเกียรติ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง
ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันคำพูดของตัวเอง
"ในฐานะเพื่อนผมรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง ประสบเคราะห์กรรม แต่ผมกับทักษิณยังเป็นเพื่อนกัน ในฐานะที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมานาน แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่
ผมมีความรู้สึกเจ็บปวดในเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนไทย ผมและคนในครอบครัวได้รับรู้เรื่องนี้ ภรรยาผมถึงกับร้องไห้ และมีความเห็นที่จะสร้างบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาอยู่ในกรุงพนมเปญในฐานะเพื่อนอย่างมีเกียรติ"
กลายเป็นข่าวฮือฮา "ฮุน เซน" เจ็บปวดแทน "ทักษิณ" สร้างบ้านหรูให้อยู่ในพนมเปญ
ที่สำคัญ ก่อนที่ พล.อ.ชวลิตจะขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องการพบปะกับสมเด็จฮุน เซน
พร้อมฝากให้ พล.อ.ชวลิตเดินทางไปประสานกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศพม่า และมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
"ทักษิณ-บิ๊กจิ๋ว" ประสานงาน เดินเกม อย่างใกล้ชิด
สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณวางตัวให้ พล.อ.ชวลิตเข้ามาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนทางการเมือง และยุทธศาสตร์การต่อสู้ของเขา
โดยเฉพาะเมื่อโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ประกาศชัดเจน
การสร้างความสมานฉันท์ ต้องหันหน้าเข้าหากัน ต้องอโหสิกรรม ลืมเรื่องเก่า
แฝงนัย เข้ามาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณเต็มที่
โดยเฉพาะเป้าหมายที่เป็นยุทธศาสตร์หลักของ "นายใหญ่"
ที่ต้องการกลับประเทศไทยแบบบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีคดีอาญาติดตัว และการทวงคืนขุมทรัพย์ 76,000 ล้านบาทที่โดนอายัดไว้
ตามด้วยการเปิดเกมใส่ฝ่ายตรงข้าม "ทักษิณ"
กระแทกใส่ฝ่ายอำมาตย์เต็มๆ
โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวพาดพิงไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า
ตอนที่จะบวชไปขอเข้าพบป๋าเปรมเพื่อกราบลาบวช แต่ ไม่ให้เข้าพบ
ส่งผลให้ พล.อ.เปรม ต้องออกมาเปิดใจหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 13 ที่สโมสรทหาร-บกว่า
เป็นเพื่อนกับจิ๋วมานาน เมื่อเพื่อนจะไปลาบวชต้องให้ อโหสิกรรม แต่เรื่องจริงไม่ทราบว่าเขาจะบวช
ส่วนที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ว่าผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติ ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือ
วันนั้นก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผมให้คนไป
บอกเขาว่า จะทำอะไรขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ
"ป๋าเปรม" ตอกกลับแบบอื้ออึงเลย
ที่สำคัญ ในการพูดเปิดใจของ พล.อ.เปรมครั้งนี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีบรรดาบิ๊กๆทหารยืนเป็นแบ็กกราวน์อยู่ด้านหลังเป็นแผง
ไล่ตั้งแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกฯ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ. ทหารสูงสุด พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.
สะท้อนขุมข่ายกำลังที่ยังแน่นปึ้ก
ขณะเดียวกัน เมื่อหันกลับไปที่พรรคเพื่อไทย หลังจาก พล.อ.ชวลิตเข้ามาขับเคลื่อนการเมืองในพรรค เตรียมรับตำแหน่งประธานพรรค
ก็มีความเคลื่อนไหวจากอดีตนายทหาร จปร.7 อาทิ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แสดงบทบาทมากขึ้น
ที่สำคัญ บรรดาอดีตนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 10 เพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตบเท้าชักแถวสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยกันเป็นแผง
อาทิ พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต พล.ท. พฤณฑ์ สุวรรณทัต พล.ท.มนัส เปาริก พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร พล.อ.จิรสิทธิ เกษะโกมล พล.อ.อำนวย ถิระชุณหะ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ
โชว์พลังเข้าเสริมทัพ "ทักษิณ" เสริมฐานพรรคเพื่อไทยให้แกร่งขึ้น
และก็เป็นไปตามเกม พล.อ.พัลลภ เปิดฉากกล่าวต้อนรับอดีตนายทหาร เตรียมทหาร รุ่น 10 ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ขอต้อนรับน้องๆที่มาร่วมงานด้วยความยินดี วันนี้ที่ทุกคนมาเข้าก็เพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งที่ พล.อ.เปรมเคยกล่าวหาว่า คนที่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ทรยศชาติ วันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าคำพูดดังกล่าวไม่เป็นจริง
ขณะที่ พล.อ.อำนวย ระบุถึงการเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยของเตรียมทหารรุ่น 10 ว่า
กลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10 ที่เข้ามาจะทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น เพราะแต่ละคนเป็นข้าราชการระดับผู้ใหญ่ เป็นเครื่องยืนยันถึงความจงรักภักดี เพราะกว่าจะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ ต้องทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองอย่างหนัก ตรงนี้น่าจะเป็นจุดแข็งของพรรคได้
ตั้งป้อมชนอำมาตย์ ปิดจุดอ่อนเรื่องความจงรักภักดี
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเดินเกมการต่อสู้โดยตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์เดิม
ล้างผิด ทวงขุมทรัพย์คืน
แน่นอน การที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปกัมพูชา เจรจาแก้ปัญหาชายแดน พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และโชว์ความเป็นสหายรักระหว่าง "ทักษิณ-ฮุน เซน"
ก็เพื่อทำให้เห็นว่า ปัญหาวุ่นวายระหว่างไทย-เขมร ไม่ใช่เรื่องยากที่ "ทักษิณ" จะแก้ได้
รวมถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ให้ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพูดคุยกับทางประเทศพม่า และมาเลเซีย ก็คงเป็นแนวเดียวกัน
ยิ่งมีการเคลื่อนไหวในห้วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ก็ทำให้มองได้ว่า
เป็นยุทธวิธียืมมือประเทศเพื่อนบ้านบีบไทยอีกแรง
หลังจากที่เคยใช้ยุทธวิธีโลกล้อมประเทศไทย ใช้สื่อต่างประเทศโจมตีลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและสถาบันต่างๆมาแล้ว แต่ช่วงหลังเกิดอาการแผ่วปลาย เพราะประเทศมหาอำนาจไม่เล่นด้วย
ไม่ยอมให้ใช้ประเทศของตนเป็นฐานโจมตีประเทศไทย เพราะขัดต่อหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธวิธี หันมาใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นคีมบีบประเทศไทย
นอกจากนี้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยปฏิเสธการเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ยืนยันจะเอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้
นั่นก็เท่ากับการแก้ปัญหาความขัดแย้งในระบบรัฐสภาด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นหมันไปโดยปริยาย
ลำพังฝ่ายรัฐบาลกับวุฒิสภา เสียงคงไม่พอ เพราะวุฒิสภาก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ที่สำคัญ มวลชนนอกสภาทั้งกลุ่มเสื้อแดงและกลุ่มเสื้อเหลืองต่างก็คัดค้าน ไม่เอาด้วย
ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง ประกาศตั้งเป้า ถ้าชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้แน่
เป้าหมายยุทธศาสตร์ตรงนี้ ยังเหมือนเดิม คือ ปลดล็อกคดีความ นิรโทษกรรม
ล้างผิด "นายใหญ่" ทวงขุมทรัพย์คืน
จากความเคลื่อนไหวในการเดินเกมต่อสู้ของ "ทักษิณ" ผ่านการขับเคลื่อนของ "บิ๊กจิ๋ว" ขุมข่ายพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง
ทั้งเรื่องการออกมาตั้งป้อมชน "ป๋าเปรม" ประกาศล้มระบบอำมาตย์ ประสาน "ฮุน เซน" และประเทศเพื่อนบ้านหวังบีบรัฐบาลไทย รวมถึงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
6 ประเด็น ชูธงนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้แทน
ชี้ให้เห็นว่า "ทักษิณ" ยังเน้นเป้าหมายยุทธศาสตร์เดิม
แต่ยุทธวิธีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย มีการพลิกแพลง ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่ละสถานการณ์
จนมาถึงขั้นที่ใช้ พล.อ.ชวลิตเข้ามาขับเคลื่อนเดินเกม ใช้ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาร่วมกดดัน ใช้นายทหารเพื่อนร่วมรุ่นเข้ามาเป็นกำลังหนุน
ถ้ายังไม่ได้ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่วางไว้ การต่อรองในสิ่งที่ต้องการยังไม่สำเร็จ
ยังไม่มีการอโหสิกรรม
ก็ต้องยกระดับยุทธวิธีและความเข้มข้นขึ้นไปอีก ไม่มีคำว่าหยุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง งวดเข้ามาเรื่อยๆ
ดีกรีความเข้มข้นในการต่อสู้ ยิ่งต้องแรงขึ้นไปอีก
และเมื่อประเมินจากขุมข่ายกำลังที่โหมระดมกันเข้ามา
สถานการณ์มันอาจถึงขั้น ต้องสู้กันแบบเลือดเดือด.
"ทีมการเมือง"