ที่มา ข่าวสด
โดยมีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นำทีมนายทหาร ออกมาต้อนรับน้องใหม่หน้าเก่าด้วยคำเตือนดุเดือด "ระวังจะทรยศต่อชาติ"
กลายเป็นโจทย์ให้ต้องวิเคราะห์ค้นคว้าหาคำตอบว่า เมื่อมีพล.อ.ชวลิต เข้ามารับบทแม่ทัพของขั้วทักษิณ
ความขัดแย้งระหว่างขั้วพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กับขั้วอำนาจปัจจุบัน จะพัฒนาไปในทิศทางใด และจะเป็นประโยชน์กับใคร
แค่ยกแรก ขั้วอำนาจปัจจุบันก็เพลี่ยงพล้ำ จากปรากฏการณ์ที่พล.อ.เปรม ลงทุนออกโรงด้วยตนเอง
เนื่องจากพล.อ.เปรม มีตำแหน่งประธานองคมนตรี เป็นข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองได้
ขั้วเสื้อแดงของพ.ต.ท.ทักษิณ เพียรพยายามยั่วและดึงพล.อ.เปรม ให้ตบะแตก ออกมาตากแดดตากฝนในสนาม รบกลางแจ้งให้ได้
และประสบความสำเร็จในที่สุด เมื่อพล.อ.เปรม ออกมาเตือนพล.อ.ชวลิต ด้วยข้อหาทรยศต่อชาติ ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเต้นกันทั้งพรรค
ภาพในวงกว้าง การออกโรงครั้งนี้ทำให้พล.อ.เปรมเปลืองตัวไม่น้อย
เพราะคำเตือนดังกล่าว เท่ากับเปิดเผยจุดยืน และส่งผลได้-เสียทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง
พล.อ.ชวลิตเอง หลังจากดึงพล.อ.เปรมออกมาร่วมวงการเมืองได้สำเร็จ
ก็เปิดฉากปฏิบัติการใหม่ ยกระดับการเคลื่อนไหวของตัวเองไปอีกขั้น
ขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กำลังเตรียมจัดการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่หัวหิน ประจวบคีรี ขันธ์ อย่างยิ่งใหญ่
งานลักษณะนี้ถือเป็นงานที่นายอภิสิทธิ์ทำได้ดี มีโอกาสโกยคะแนนนิยม ด้วยคุณสมบัติของความเป็นคนรุ่นใหม่ มีการศึกษาที่รอบด้าน
แต่การเคลื่อนไหวของพล.อ.ชวลิต ทำให้งานประชุมกร่อยไปถนัดใจ
ด้วยการชิงเดินทางไปเยือนเขมร พบปะนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเขมร ซึ่งมีปัญหาตึงเครียดกับประเทศไทย ด้วยเรื่องเขาพระวิหาร
นายฮุนเซน ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผู้นำเขมรถือว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอ และเปิดเผยว่า ได้สร้างบ้านเอาไว้ให้พ.ต.ท.ทักษิณมาพัก หากเดิน ทางมาเขมร
และยังแสดงท่าทีว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาที่เขมร จะไม่ส่งตัวให้รัฐบาลไทย แม้จะมีคดีติดตัว โดยเห็นว่าเป็นคดีการเมือง และการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
จนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องออกมาตอบโต้ว่า นายฮุนเซน อาจจะได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ตนเองไม่อยากให้นายฮุนเซนตกเป็นเหยื่อหรือเบี้ยของพ.ต.ท.ทักษิณ
ทำให้บรรยากาศมิตรไมตรีในการประชุมอาเซียนซัมมิทหนนี้ลดฮวบ
ความสัมพันธ์ไทย-เขมรที่เลวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งเลวร้ายหนักลงไปอีก
เป็นเกมการเมืองจากนักการเมืองรุ่นเก๋าจาก 2 ประเทศ ที่ทำให้นักการเมืองรุ่นหลังอย่าง นายอภิสิทธิ์ อยู่ในสภาพวุ่นวาย ปั่นป่วน
การเปิดรุกของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใส่นายอภิสิทธิ์ โดยผ่านพล.อ.ชวลิต ในครั้งนี้ ต้องการเร่งสภาพสุกงอมให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่สะสมปัจจัยด้านลบจากเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย
เพื่อนำไปสู่การร่วงหล่นจากอำนาจในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแต่งตั้งผบ.ตร. ที่กลายเป็นการนำตัวเองเข้าสู่สถานการณ์อันตราย และยากที่จะอธิบายขอความเห็นใจ จากใคร
แทบไม่น่าเชื่อว่า กรณีการแต่งตั้งผบ.ตร. จะทำให้นายอภิสิทธิ์และรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ อยู่ในสภาพหมิ่นเหม่และยากจะอยู่รอดปลอดภัย
ในระยะสั้น ส่งผลให้ไม่สามารถดึงเอาพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมหัวจมท้ายได้
และในระยะยาว หากแก้ปัญหาผบ.ตร.ไม่ตก ตามแนวทางที่ควรจะเป็น ก็อาจจะหมายถึงอนาคตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ด้วย
พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ที่มีแกนนำสำคัญคือนายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล แสดงท่าทีชัดแจ้งว่า ไม่สามารถร่วมหัวจมท้ายกับรัฐบาลในเรื่องนี้ได้
และยังไม่หวั่นเกรงที่จะแตก หักกับพรรคแกนนำรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย
ทำให้เกิดกระแสจากพรรคร่วมรัฐบาล ทวงสัญญาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคประชาธิปัตย์?
เพื่อเคลียร์พื้นที่ แก้กติกาการเลือกตั้งที่ตนเองไม่เสียเปรียบ เผื่อมีอุบัติเหตุฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลือกตั้ง
หลังจากพล.อ.ชวลิตเปิดตัวออกมาเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่วัน และเห็นอาการของอีกขั้วหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณก็เริ่มกล่าวถึงการกลับสู่ประเทศไทย การกลับมานำพรรคเพื่อไทย และการนั่งในสภาอีกครั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ ฟันธงว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีหน้า หรือปี 2553
ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทยเอง ก็เดินหน้าเข้าสู่การเตรียมเลือกตั้ง ดึงบุคคลที่มีชื่อเสียง รวมถึงอดีตนายทหารนายตำรวจ เข้าพรรคอย่างเต็มพิกัด
โดยไม่ได้สนใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อว่าไม่ว่าจะเลือกตั้งแบบไหน พรรคเพื่อไทยมีแต่นอนมาสถานเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความหวังของพ.ต.ท. ทักษิณ จะเป็นจริงหรือไม่ ตัวชี้ขาดอยู่ที่นายอภิสิทธิ์ หากนายอภิสิทธิ์ ยอมละวางความยึดมั่นบางอย่าง กล้าตัดสินใจ มองสถานการณ์ตามความเป็นจริง ก็อาจพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองหลุดพ้นจากโซนมรณะได้
สภาพการณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น อาจส่งผลดี ยืดอายุของตัวเองและของรัฐบาลต่อไปได้อีกระยะ
ความยึดมั่นถือมั่นบางอย่างในขณะนี้ อาจนำไปสู่คำว่า "สายเกินไป"
และอาจจะหมายถึงชีวิตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ทั้งชีวิต