WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, October 25, 2009

สงครามการเมือง"ไร้รูปแบบ" ทำลายภูมิคุ้มกันตัวเอง "ไทย"จับไข้!

ที่มา มติชน

วิเคราะห์




ต้องยอมรับว่า การเปิดตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต "ลูกป๋า" เป็นหัวหอกของพรรคเพื่อไทย และการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ตั้งแต่นาทีแรกในการเดินหมากการเมือง

ได้สร้างผลกระทบต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

สร้างผลกระทบต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

และสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติอย่างเหลือเชื่อ

คำพูดของ พล.อ.ชวลิต เรื่อง "ป๋าไม่ว่าง" เมื่อครั้งที่ พล.อ.ชวลิตติดต่อเข้าพบเพื่อขออโหสิกรรมก่อนบวช ได้จุดชนวนเหตุทำให้ พล.อ.เปรม ซึ่งเปรียบประดุจพยัคฆ์หลับ กลับต้องออกมาตอบโต้ตักเตือนเรื่อง "ทรยศชาติ"

การปรากฏตัวของ พล.อ.เปรม มิได้ย่างกรายออกมาเพียงคนเดียว หากแต่เมื่อมองไปเบื้องหลัง พล.อ.เปรม จะปรากฏเหล่าพลพรรค "ลูกป๋า" ยืนเคียงข้างอย่างหนาแน่น

เท่ากับเป็นการประกาศตัวของกลุ่มบุคคลเหล่านั้นว่า "เลือกข้าง ป๋า"

ขณะเดียวกัน หลังจากที่ พล.อ.ชวลิต เริ่มกลายเป็น "ตัวหลัก" ของพรรคเพื่อไทยในการห้ำหั่นทางการเมืองกับฝ่ายตรงกันข้าม ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ไหลทะลักเข้าพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการยกทีมเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

เฉกเช่นเดียวกับการประกาศตัวเองเช่นกันว่า "เลือกข้าง ทักษิณ"

ณ วันนี้การเมืองไทยจึงคมชัดเรื่องการแบ่งขั้วอย่างแจ่มแจ้ง

การเคลื่อนไหวของกลุ่มขั้วทางการเมืองดังกล่าว ส่งผลสะเทือนต่อการเมืองไทยอย่างหนักหน่วง

ผลการเคลื่อนไหวแบบเผชิญหน้าในทำนอง "โซนิคบอมบ์" หรือส่งสัญญาณเตือนให้ฝ่ายตรงข้ามระทึก ทำให้ปรากฏข่าวลือในทางลบกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะความหวาดผวาว่าสงคราม "ไทย" ฆ่า "ไทย" จะมิอาจหลีกเลี่ยงไปได้

ทั้งนี้เพราะ กระบวนการสมานฉันท์ที่ทางฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติคาดหวังว่าจะประสานรอยร้าวภายในประเทศกำลังเจอทางตัน

หนทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นการแก้ไขกติการ่วมกันเพื่อเริ่มต้นกันใหม่

ส่อเค้าล่ม!

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ดึงเอาเรื่อง "ทรยศชาติ" เข้าไป จนเป็นเหตุให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสองฟากฝั่งต้องเผชิญหน้า กระทั่งประธานในที่ประชุมต้องยุติการประชุม

นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แก้ไม่ตก

ปัญหารอยร้าวระหว่าง "ประชาธิปัตย์" กับ "ภูมิใจไทย" ปรากฏร่องรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จากเดิมเรื่องงบประมาณ ขยายผลไปสู่เรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ปัญหารอยร้าวภายในพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีไม่น้อย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มถูกตั้งคำถาม และประลองกำลัง จากกลุ่มคนที่พลาดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อครั้งที่ผ่านมา

ข่าวคราวการปรับคณะรัฐมนตรี ก็จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลกระเพื่อม เพราะทุกกลุ่มทุกมุ้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลต่างต้องการตำแหน่งที่ตัวเองต้องการ

วันนี้รัฐบาลจึงไม่มีเวลาบริหารประเทศอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาของรัฐบาลเองก็มีอยู่เต็มตัว

ยิ่งภายหลัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สวมบทแม่ทัพให้แก่พรรคเพื่อไทย และเขย่าขวัญคนไทยด้วยการนำ "ไฟใน" ออกไปเบื้องนอก

ดึงเอา "สมเด็จฯฮุน เซน" นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา มาเยินยอ และโอบอุ้ม "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"

ยิ่งสะท้อนวิสัยทัศน์รุกรบแบบ "ไร้รูปแบบ"

หาเหตุเอาคำพูดของนายกรัฐมนตรีประเทศเพื่อนบ้านมากล่าวหาระบบยุติธรรมของประเทศตัวเอง

ดึง "สมเด็จฯฮุน เซน" มาเกี่ยวข้องกับ "ศึกการเมืองภายใน"

เหมือน "เปิดคาง" ให้คนอื่นชก

ผลการกระทำเช่นนี้ย่อมส่งผลสะเทือนต่อประเทศ

ยิ่งเมื่อปรากฏออกมาอีกว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ที่ชะอำ-หัวหิน ซึ่งมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้นำประเทศอาเซียนมาร่วมกันไม่ครบ คล้ายๆ กับไม่มั่นใจความพร้อมในการจัดงานของรัฐบาลไทย

แสดงให้เห็นมุมมองผู้นำต่างชาติที่แลเห็นความเป็นไปของ "รัฐไทย"

แม้การเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต จะได้รับการชี้แจงว่าต้องการสร้างสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มิได้มีเจตนาทำลายชาติ และฝ่ายรัฐบาล ชี้แจงถึงความไม่พร้อมเพรียงของผู้นำอาเซียนในพิธีเปิดงานว่า ผู้นำแต่ละชาติติดภารกิจอื่น แต่ในการประชุมทุกคนจะมาร่วม

แต่สิ่งที่ปรากฏก็คือ ผลจากการทะเลาะวิวาททางการเมืองมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เริ่มส่งผลให้เห็นความเสียหายแก่ "รัฐไทย" มากขึ้นเป็นลำดับ

จากความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ วันนี้กำลังคืบคลานเข้าสู่ความเสียหายทางด้านการเมือง

จากความเสียหายภายใน กำลังขยายไปเป็นความเสียหายภายนอก

สถานการณ์ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า "ไทย" กำลังจับไข้ โดยมีคนไทยด้วยกันเป็น "ไวรัส" คอยทำลายภูมิคุ้มกัน

และเมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็ไม่มีใครคาดเดาถึงภัยภายนอกที่อาจจะกล้ำกรายเข้ามา

วันนี้ไทยจึงตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่ง!