ที่มา Thai E-News
โดย คุณวาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ที่มา เวบไซต์ vattavan
9 มกราคม 2553
จะขอพูดถึงบทความเก่าของ “วาทตะวัน” ที่ผ่านสายตาท่านผู้อ่านไปแล้ว และอาจกลายเป็น talk of the town ต่อไปในอนาคตข้างหน้า
เรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกผมวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้หนักหนาสาหัส ในเรื่องความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ คนแรกคือ “เลดี้ดั๊ก” หรือ “จารุวรรณ เมณฑกา” ที่ผมให้อีกหนึ่งฉายาดังว่า “เป็ด หัวยักษ์” ซึ่งในที่สุดแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็งัวเงียขี้ตากรัง ออกมาแถลงว่าได้รับเรื่อง และตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนตามข้อกล่าวหา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิริรวม 2 คดี ด้วยกัน ได้ข่าวล่าสุดว่า ผู้ที่ผมกล่าวอ้างไว้ในบทความอย่าง พล.ต.ต.เสวก “อัศวินดำ” ปิ่นสินชัน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ กำลังทยอยกันเข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการแล้ว ได้ข่าวล่าสุดว่า ผู้ที่ผมกล่าวอ้างไว้ในบทความอย่าง พล.ต.ต.เสวก “อัศวินดำ” ปิ่นสินชัน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ กำลังทยอยกันเข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการแล้ว
อีกรายหนึ่ง คือนายวิชา มหาคุณ พระเอกประจำ ป.ป.ช. ซึ่งต้องขอให้ท่านผู้อ่าน ย้อนไปดูคอลัมน์ของ “วาทตะวัน” ชื่อ “บอกตรงๆว่า รับไม่ได้ กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุด ‘ไอ้บัง’ จริงๆ!!!” ซึ่งลงเว็บ www.vattavan.com และหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ไปตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นกรณีเกี่ยวข้องกับ พันตำรวจเอก ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือ ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือที่รู้จักกันในฉายาว่า “โอ๋ สืบหก” (เพราะเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจนครบาล ที่ 6) ซึ่งถูก ป.ป.ช.ดำเนินคดี กรณีคนไปร้องด่านายกทักษิณชินวัตร ที่ศูนย์การค้าพารากอน ปทุมวัน แล้วถูกชาวบ้านอัดเอา จนตำรวจต้องแยกเอาตัวหลบไปโรงพัก ซึ่ง ป.ป.ช. ความเห็นว่า “โอ๋ สืบหก” เป็นเจ้าพนักงานละเว้นในการปฏิบัติตามหน้าที่ ส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนายตำรวจผู้นี้
ต้องถูก ‘ไล่ออก’ จากราชการไป!
แต่ท่านผู้อ่านครับ
เกมไม่ได้จบลงง่ายๆ แค่นั้น เพราะ “โอ๋ สืบหก” นั้นเป็นนายตำรวจสายเลือดดี เป็นตำรวจตระเวนชายแดนอยู่หลายปี ผ่านการรบกันยิงกันมาพอตัว มีเลือดนักสู้เต็มหัวใจ เมื่อเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าตัวก็ฟ้องศาลปกครองเข้าให้ ต่อสู้กันยาวนานนับปี จนในที่สุดศาลปกครองท่านก็มีคำสั่งว่า
อนุกรรมการไต่สวนมีลักษณะต้องห้าม กระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการไต่สวนไม่ถูกต้อง และการปรับข้อเท็จจริงไม่เข้ากับบทกฎหมาย มติของคณะกรรมการ ที่ชี้มูลความผิด “โอ๋ สืบหก” จึงมิได้เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้ และไม่มีผลบังคับ!
คำพิพากษานี้ ถึงที่สุดแล้ว เพราะผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง ป.ป.ช. ผู้บัญชาการต้นสังกัด และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ต่างก็ไม่อุทธรณ์คำพิพากษา ทำให้นายตำรวจที่ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ อย่าง “โอ๋ สืบหก” ซึ่งมีตำแหน่งสูงขึ้นเป็น ‘รองผู้บังคับการ’ แล้วได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง และเข้ารับการฝึกอบรมจนสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรผู้บริหารชั้นสูง มีคุณสมบัติครบถ้วน ที่จะโอกาสก้าวหน้าเป็น ‘นายพล’ ได้แล้ว
แต่ท่านผู้อ่านครับ
“โอ๋ สืบหก” ก็ไม่ได้หยุดยั้งแต่เพียงเท่านั้น เขายังได้ฟ้องร้องนายวิชา มหาคุณ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ป.ป.ช. กับพวกรวม 5 คน ซึ่งได้สอบสวนดำเนินการกับเขาอย่างไม่ชอบธรรม ต่อศาลอาญาในข้อหากระทำผิดต่อตำแน่งหน้าที่ราชการ และศาลนัดไต่สวนคำร้องเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว และนัดไต่สวนฝ่ายโจทก์ต่อ ในวันจันทร์ ที่ 11 มกราคม 2553 (เพราะครั้งที่แล้วไต่สวนไม่เสร็จ)
ที่น่าสนใจมาก คือ ฝ่ายโจทก์ยังได้อ้างตุลาการศาลเชียงใหม่ ผู้ตัดสินคดีนี้มาเป็นเบิกความในชั้นไต่สวนด้วย ผมจึงเห็นว่าเป็นกรณีที่น่าศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะ ป.ป.ช. ที่ดูเหมือนว่า ใหญ่โตคับฟ้านั้น
ถูกฟ้องเป็นจำเลยได้!
ถ้าผู้ถูก ป.ป.ช.กระทำ เขาเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. ไม่ว่าเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม
จึงอยากชักชวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเพื่อนข้าราชการอื่น ที่ว่างราชการ ไปฟังการสืบพยาน ในวันจันทร์ที่ 11 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จะได้เป็นความรู้ไว้ เผื่อในวันข้างหน้า ท่านอาจต้องตกอยู่ในฐานะเดียวกับ “โอ๋ สืบหก” จะได้รู้ลู่ทางที่จะดำเนินการต่อสู้กับ ป.ป.ช. และหากท่านไม่ได้ความเป็นธรรม จากการสอบสวนของ ป.ป.ช.ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลัก “ศุภนิติกระบวน” อย่างที่ “โอ๋ สืบหก” โดนเข้าอย่างจัง จะได้รู้แนวทางเอาไว้สู้รบปรบมือ ไม่ใช่ปล่อยให้คนพวกนี้มาย่ำยีเอากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมือง ได้แต่เพียงฝ่ายเดียว และเพื่อแสดงให้เห็นว่า
คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็พร้อมที่จะตอบโต้ด้วยความรุนแรง หนักแน่น ในสัดส่วนหรืออัตราเดียวกันกับผู้ที่รุกรานเขา!
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวนายวิชา มหาคุณ นั้น ยังต้องมีการบ้านอีกแยะ เพราะ “โอ๋ สืบหก” ได้ร้องไปยังพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เรื่องที่ตัวเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวนของนายวิชา มหาคุณ และขอให้ยื่นถอดถอนบุคคลผู้นี้ ออกเสียจากความเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งบัดนี้ ปรากฏว่า
เรื่องราวเพื่อการถอดถอนนายวิชา มหาคุณ ก็ผ่านขั้นตอนการสอบทานของประธานวุฒิสภา ไปเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่ว่าศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ท่านจะมีดำเนินการไปตามกระบวนการที่มีอยู่!
ผมสงสัยว่า นายวิชาฯ ก็คงร้อนใจไม่น้อย เพราะมีสายข่าวรายงานเข้ามาให้ทราบว่า ตัวนายวิชาฯ ต้องมุดเข้าบ้าน “ป๋า” หลายครั้งหลายหน แต่ข่าวเขาไม่ได้บอกว่า มุดเข้าบ้าน “ป๋า” คนไหน? ผมจะลองไปสืบเสาะดู แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
เรื่องของ “โอ๋ สืบหก” และนายวิชา มหาคุณ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม กระพริบตาเมื่อไหร่ อาจพลาดช่วงสำคัญไป จึงต้อง “แหกตา” ดูกันชนิดไม่กลัวลมโกรก จนตาอักเสบ เพราะเรื่องมันน่าติดตามจริงๆ!