WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, January 8, 2010

จาตุรนต์ โต้ นายกรัฐมนตรี: กรณีหวยออนไลน์

ที่มา ประชาไท

การออกสลากเลขท้าย 2 ตัว - 3 ตัวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการศึกษาของนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพบว่า มีการเล่นหวยใต้ดินกันอยู่ทั่วประเทศในวงเงินสูงมาก และในปี 2544 ได้เพิ่มขึ้นถึงปีละประมาณ 542,000 ล้านบาท นักวิชาการและผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ได้เสนอให้ออกสลากแบบ 2 ตัว - 3 ตัวขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเสี่ยงโชคแบบถูกกฎหมาย ที่รัฐบาลสามารถควบคุมและคุ้มครองผู้ซื้อให้ได้รับความเป็นธรรม โดยได้รับเงินรางวัลครบถ้วน ลดปัญหาอาชญากรรมจากการฉ้อโกงและการทำธุรกิจใต้ดินผิดกฎหมาย และดึงรายได้จากเจ้ามือหวยซึ่งเป็นเงินนอกระบบ มาอยู่ในระบบที่ตรวจสอบได้และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ช่วยเหลือสังคมและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ตั้งแต่ช่วงแรกๆ นั้นได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะแรกจำหน่ายด้วยการพิมพ์สลากใบ และระยะที่ 2 จำหน่ายด้วยเครื่องจำหน่ายอีเล็คทรอนิกส์ที่ปัจจุบันเรียกกันว่า "หวยออนไลน์"
เมื่อการพิมพ์สลากจำหน่ายถูกยกเลิกไป และต่อมาได้รับการวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้มีการพิจารณาหาทางออกหวยออนไลน์อย่างถูกกฎหมายโดยไม่ต้องมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อการนี้ การพิจารณานี้เป็นไปอย่างยืดเยื้อ ใช้เวลานาน และผ่านรัฐบาลมาหลายรัฐบาล รัฐบาลนี้เองก็ได้รับรู้เรื่องนี้ และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเป็นทางออกทั้งในทางกฎหมาย การบริหารจัดการ และการดูแลแก้ปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งยังได้มีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งผู้ที่รับผิดชอบทั้งหลายมั่นใจว่าสิ่งที่จะทำนี้มีผลดีมากกว่าผลเสีย และเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากกว่าการปล่อยให้มีหวยใต้ดินอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา
แต่แล้วจู่ๆ นายกรัฐมนตรีก็ออกมาประกาศยกเลิกการออกหวยออนไลน์นี้ ราวกับว่าเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนชาวไทย ท่ามกลางความงุนงงแปลกประหลาดใจของผู้เกี่ยวข้องและประชาชนทั้งประเทศ
ถ้าฟังการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีอย่างผิวเผิน โดยเฉพาะถ้าฟังเฉพาะคำคมๆ ที่นายกรัฐมนตรีมักถนัดใช้ในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอด้วยแล้วอย่างน้อยก็อาจรู้สึกว่านายกรัฐมนตรีคงจะมีเหตุผลในเรื่องนี้ และคงได้คิดมาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ถ้าใครเข้าใจความเป็นมาของเรื่องนี้พอสมควรและอ่านคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีให้ละเอียดแล้ว ก็จะพบว่าคำอธิบายของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการยกเลิกหวยออนไลน์มีปัญหาอย่างมาก ทั้งในเชิงตรรกะ การให้เหตุผลในทางวิชาการ และความไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง นอกจากนี้การที่เพิ่งมาตัดสินใจแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในช่วงนี้ ยังแสดงถึงปัญหากระบวนการและขั้นตอนในการตัดสินใจที่ไม่เป็นมืออาชีพ และความไม่รับผิดชอบต่อผลเสียที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อรัฐและต่อเอกชน ทั้งที่เป็นคนในประเทศและชาวต่างประเทศ รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามสัญญากับเอกชนโดยไม่มีเหตุผลอันเพียงพอ และปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนเกิดความเสียหายมากกว่าที่จำเป็นอีกด้วย
เหตุผลที่สำคัญที่สุดของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ข้อค้นพบทางวิชาการ แต่เป็นการใช้ตรรกะที่ท่านเองคงคิดมาอย่างดีแล้ว ว่าอาจเป็นคำคมแห่งปีใหม่นี้เลยก็ได้ที่ว่า "ไม่นิยมการแก้ปัญหาในลักษณะการกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการกระทำในวิธีดังกล่าวแล้วนำไปสู่การเพิ่มความรุนแรงของปัญหา กรณีนี้คืออบายมุขให้มากยิ่งขึ้น" นายกรัฐมนตรียังขยายความตรรกะของท่านด้วยว่า "หากคิดว่าการแก้ปัญหาหวยใต้ดิน โดยทำให้คนมาเล่นหวยถูกกฎหมายนั้น ถามว่าตรรกะนี้จะใช้อีกกี่เรื่อง จะใช้ตรรกะเดียวกับปัญหายาเสพติดหรือไม่ว่ามันไม่หมดเสียที ฉะนั้นต้องทำให้ถูกกฎหมาย ปัญหาจะได้แก้ได้ จะเอาแบบนั้นหรือไม่.......หากใช้ตรรกะแบบนี้ คิดว่าต้องใช้ให้เสมอภาคกับทุกๆ เรื่อง"
ตรรกะของนายกรัฐมนตรีมีปัญหาอย่างไร ? ที่เป็นปัญหาคือ การออกหวยออนไลน์ไม่ใช่การอนุญาตให้บรรดาเจ้ามือหวยใต้ดินทั้งหลายออกหวยกันเองได้โดยเสรีและไม่ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป การออกหวยออนไลน์จึงไม่ใช่การทำสิ่งผิดกฎหมายให้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หากแต่การออกหวยออนไลน์เป็นการทำกิจกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะทำให้คนที่เล่นหวยใต้ดินอย่างผิดกฎหมายหันมาเล่นหวยที่ถูกกฎหมายแทน
นอกจากนั้นถึงแม้การเล่นหวยเป็นอบายมุขอย่างหนึ่งที่รัฐไม่พึงที่จะสนับสนุนให้คนเสพกันมากๆ แต่สังคมก็ยอมรับความเป็นจริงที่ว่าไม่อาจขจัดการเล่นหวยให้หมดสิ้นไปได้ และไม่ถือว่าการเล่นหวยเป็นประเภทเดียวกันหรือร้ายแรงอย่างเดียวกันกับยาเสพติด อย่างยาบ้าหรือยาอีที่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ทั้งขายและเสพ
ยาเสพติดหรือสิ่งเสพติดนั้นมีหลายอย่าง หลายระดับความรุนแรง เหล้าและบุหรี่ก็เป็นสิ่งเสพติดและเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง แต่สังคมก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันสังคมก็ไม่ได้ปล่อยให้มีการผลิตและเสพเหล้าและบุหรี่กันอย่างเสรี มิฉะนั้นก็อาจมีเหล้าเป็นพิษ มีบุหรี่ที่เป็นพิษร้ายแรงเกิดขึ้นมากมาย และรายได้จากการจำหน่ายเหล้าบุหรี่ก็คงไม่ถูกนำมาเป็นของรัฐ
นายกรัฐมนตรีใช้ตรรกะว่าจะยอมให้ยาเสพติดกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายไปไม่ได้ ถ้าทำให้หวยถูกกฎหมายแล้วก็ต้องเสมอภาค คือต้องให้ยาเสพติดถูกกฎหมายไปด้วย ดังนั้นเมื่อไม่ยอมให้ยาเสพติดกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ก็ต้องเสมอภาค คือต้องไม่ยอมให้หวยกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายไปด้วย
ฟังตามตรรกะของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ยอมให้ออกหวยออนไลน์ เพราะจะเท่ากับการทำสิ่งผิดกฎหมายให้เป็นถูกกฎหมายแล้ว ก็จะเกิดคำถามตามมาได้ว่า ถ้าอย่างนั้นรัฐบาลยอมให้มีหวยของรัฐบาลที่เรียกเป็นภาษาราชการว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งก็เป็นอบายมุขอยู่ได้อย่างไร และเหตุใดเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งปล่อยให้มีการเพิ่มสลากกินแบ่งอีกงวดละ 12 ล้านฉบับ หากใช้ตรรกะของนายกรัฐมนตรีอย่างเสมอภาคตามที่นายกรัฐมนตรี เสนอเองสลากกินแบ่งทั้งหมดก็มีไม่ได้เพราะก่อนที่จะมีหวยออนไลน์ ก็มีการออกหวยโดยเอกชน และ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเสมอภาคของนายกรัฐมนตรี เหล้าบุหรี่ทั้งหลายซึ่งก็เป็นยาเสพติดก็ให้มีไม่ได้ด้วย แต่เมื่อสังคมยอมให้มีหวยได้เหมือนอย่างที่ยอมให้มีเหล้าและบุหรี่ได้ ปัญหาจึงอยู่ที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไรให้ลดผลเสียที่จะเกิดขึ้น และทำให้เกิดเป็นผลดีต่อส่วนรวมให้มากที่สุดได้อย่างไรมากกว่า
นายกรัฐมนตรีบอกว่าจากงานวิจัยที่เคยติดตามและสอบถามข้อมูลจากหลายฝ่ายพบว่าหวยใต้ดินไม่เคยหมดไป หรือลดลงก็ไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้ามาเล่นหวยเพิ่มขึ้นนั้นมันเทียบกันไม่ได้ หมายความว่าคนที่เข้ามาสู่วงจรการเล่นหวยเพิ่มมากกว่าการลดลงของหวยใต้ดิน งานวิจัยที่ท่านอ้างถึงอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่ที่ท่านว่าสอบถามจากหลายฝ่ายไม่ทราบว่าท่านไปถามใครมาบ้าง และได้ถามคนในต่างจังหวัดดูบ้างหรือไม่ ท่านไม่ทราบบ้างเลยหรือว่าเจ้ามือหวยใต้ดินเต็มบ้านเต็มเมืองเคยเดือดร้อนกันอย่างไรตอนที่หวยบนดินอยู่ระยะหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลติดตามเรื่องนี้มานาน แต่เพิ่งตัดสินใจตอนนี้ ทำไมตัดสินใจช้า จะมีใครสักกี่คนที่อ่านคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีแล้วเข้าใจ หลายคนอ่านแล้วคงจับประเด็นแทบไม่ได้ และส่วนที่จับประเด็นได้ก็คงเห็นว่าไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาเสียเลย
ในตอนท้ายของการตอบคำถามที่ถามว่าเรื่องนี้ยืดเยื้อมา 3-4 ปีแล้ว แต่รัฐบาลจะใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจ 1 เดือนนั้น หลักการตัดสินใจคืออะไร นายกรัฐมนตรีตอบว่า "เรื่องนี้เป็นนโยบาย ที่ผ่านมาติดขัดปัญหากฎหมายเป็นหลัก และคงจำได้ว่าเมื่อมีการวินิจฉัยว่าหวยบนดินผิดกฎหมาย ก็มีการสอบถามว่าจะทำเช่นใดให้หวยออนไลน์ถูกกฎหมาย จึงมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ เช่น กินรวบเป็นกินแบ่ง มันก็ใช้เวลาตรงนั้นมา และในส่วยนโยบายก็มาดูว่าจะเดินต่อในแนวทางนี้หรือไม่"
นี่ยิ่งไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาเลย นายกรัฐมนตรีย่อมต้องติดตามเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว และถ้าเห็นว่าเป็นปัญหานโยบาย ก็ต้องกำหนดเป็นนโยบายได้มานานแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาข้อกฎหมาย การปล่อยให้เรื่องเดินหน้าเรื่อยๆ ย่อมหมายถึงต้องมีการเตรียมการต่างๆ ของทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องตามไปชดใช้มากขึ้นด้วย
การยกเลิกหวยออนไลน์นี้ไม่ได้เป็นการลดอบายมุขอย่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง แต่จะทำให้เจ้ามือหวยใต้ดินทั้งหลายสนุกสนานเพลิดเพลินกับการหารายได้อย่างผิดกฎหมาย สร้างอิทธิพลกันต่อไปอย่างสบายใจ ผู้ที่จะได้ประโยชน์แน่ๆ จากการยกเลิกนี้อีกพวกหนึ่งคือ ผู้ขายลอตเตอรี่ที่เพิ่งมีการเพิ่มจำนวนขึ้นอีกงวดละ 12 ล้านฉบับนั่นเอง ผู้ที่เสียประโยชน์คือรัฐและสังคมไทย ที่นอกจากจะไม่สามารถลดหวยใต้ดิน สูญเสียโอกาสที่จะนำรายได้ที่เกิดจากการเสี่ยงโชคของประชาชนมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้ว รัฐยังจะต้องเสียเงินชดเชยความเสียหายให้แก่เอกชนอีกมากแน่ๆ ที่จะเสียหายมากอีกอย่างก็คือ ความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีไทยและรัฐบาลไทยในสายตาของเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งกำลังซ้ำเติมให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นจากกรณีมาบตาพุดให้เลวร้ายหนักยิ่งขึ้นไปอีก
การให้ข้อมูลผิดๆ การใช้เหตุผลแบบเลี่ยงบาลี การใช้ตรรกะวิบัติสะท้อนวิธีคิดแบบมักง่าย บิดเบือน และใช้สีข้างเข้าถูของนายกรัฐมนตรีที่ "หล่อหลักลอย" จึงไม่เพียงแสดงวิธีใช้โวหารเอาตัวรอดอย่างไร้หลักการไปวันๆ เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการดูถูกสติปัญญาของสื่อมวลชน และของประชาชนทั้งหลายอย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย เช่นนี้แล้วสังคมไทยจะยังคงปล่อยให้คนที่เก่งแต่ปากแบบนี้ "ลอยนวล" ไปอีกนานเท่าใด !