WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 7, 2010

จดหมายจากผู้เห็นใจ “ดารณี” ถึง "บก.นิตยสารฉลาดซื้อ"

ที่มา ประชาไท

เรียน บก.ฉลาดซื้อ
คอลัมน์ “คุยเรื่องฟันกับผู้บริโภค” โดยทันตแพทย์หญิงนิธิมา เสริมสุธีอนุวัฒน์ (ฉลาดซื้อ ปีที่ 16 ฉบับที่ 106 ธันวาคม 2552) สร้างความผิดหวังและความหวั่นใจให้ดิฉันเป็นอย่างยิ่ง เมื่อผู้เขียนคอลัมน์ซึ่งเป็นทันตแพทย์ถูกอคติครอบงำความคิดและบดบังจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพแพทย์เสียจนหมดสิ้น
ดิฉันพลอยผิดหวังกับกองบรรณาธิการ ฉลาดซื้อ ไปด้วยที่ตัดสินใจตีพิมพ์บทความเรื่อง “โรคข้อขากรรไกรอักเสบ...เจ็บนี้อีกนาน” ของทพญ.นิธิมา โดยไม่ผ่านการไตร่ตรองว่ามุมมองและการตัดสินผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งอย่างเลือดเย็นของทันตแพทย์หญิงคนนี้นั้นเป็นสิ่งที่ควรปรากฏในนิตยสารที่อุทิศตนเพื่อการปกป้องสิทธิของคนอย่าง ฉลาดซื้อ หรือไม่
หรือเป็นเพราะว่าผู้ป่วยหญิงคนนั้นคือ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปีโด” นักโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 18 ปีเนื่องจากกระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 (ว่าด้วยการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) ผู้เขียนคอลัมน์และกองบก.จึงคิดว่าการวิจารณ์ความเจ็บป่วยอย่างไร้ซึ่งความเมตตาของแพทย์จึงเป็นสิ่งที่ย่อมกระทำได้?
ทันทีที่เห็นชื่อเรื่องว่า “โรคข้อขากรรไกรอักเสบ” ดิฉันนึกชมผู้เขียนในใจว่าช่างรู้จักเลือกโรคที่จะเขียน ถึง เพราะผู้อ่านจำนวนไม่น้อยคงเคยผ่านหูผ่านตาและเกิดความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับโรคนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวเกี่ยวกับการตัดสินคดีของดารณี เนื่องจากเธอและญาติได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อให้แพทย์รักษาโรคข้อขากรรไกรอักเสบเรื้อรังซึ่งกำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เธอถูกจองจำเมื่อกลางปี 2551
แต่ศาลยกคำร้อง คือ ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวดารณี หรือ “หญิงปากกล้าคนนั้น” ตามที่ทพญ.นิธิมาเรียกโดยไม่เอ่ยชื่อจริงของเธอแม้แต่ครั้งเดียวในบทความ
อาการข้อขากรรไกรอักเสบของดารณี ดิฉันเห็นมาด้วยตัวเองเมื่อครั้งที่ไปสัมภาษณ์เธอที่คุกหญิง เรือนจำคลองเปรมเมื่อปีที่แล้วเพื่อเขียนสกู๊ปเกี่ยวกับชะตากรรมของผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การสัมภาษณ์เกือบจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะนอกจากเวลาที่จำกัดในการเยี่ยมแต่ละรอบและเสียงตะโกนแข่งกันเซ็งแซ่ระหว่างผู้ต้องขังกับญาติในห้องเยี่ยมแล้ว การที่ดารณีแทบจะขยับปากพูดไม่ได้เนื่องจากขากรรไกรอักเสบทำให้ดิฉันจับคำพูดของเธอได้ลำบากมาก
ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ ประชาไท รายงานอาการของดารณี ทำให้ทราบว่าอาการของเธอหนักกว่าตอนที่ดิฉันไปสัมภาษณ์เธอมาก รายงานชิ้นนั้นอ้างคำบอกเล่าของพี่ชายดารณีที่ไปเยี่ยมน้องสาวทุกอาทิตย์ว่าดารณีไม่สามารถทานอาหารทั่วไปได้ ต้องรับประทานแต่นมเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถอ้าปากและบดเคี้ยวอาหารได้
บทความเรื่องโรคข้อขากรรไกรอักเสบที่เขียนโดยทันตแพทย์จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่ดิฉันพลาดไม่ได้ เพราะเชื่อมโยงกับบุคคลในข่าวที่ดิฉันติดตามความเป็นไปอยู่อย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่อ่านย่อหน้าแรกก็พบว่าบทความนี้ได้รับ “แรงบันดาลใจ” จากข่าวของดารณีจริงๆ
“เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงกลางคนร่างท้วม ฝีปากกล้าผู้ตกเป็นจำเลย ในคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ .....ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยระบุเหตุตามคำร้องว่า จำเลยมีอาการป่วยอย่างรุนแรง เป็น โรคข้อขากรรไกรอักเสบเรื้อรัง และปัจจุบันมีอาการกำเริบหนัก ทำให้ขากรรไกรของจำเลยติดกันจนไม่สามารถอ้าปากได้...จากสาเหตุดังกล่าวจึงเห็นได้ชัดว่าอาการเจ็บป่วยของจำเลยทำให้ไม่สามารถไปกระทำความผิดซ้ำได้อีก จึงยื่นคำร้องต่อศาลขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปรักษาตัว ปรากฏว่าศาลอาญามีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยคนนั้นค่ะ”
จากนั้นคุณหมอก็นำผู้อ่านไปทำความรู้จักกับโรคข้อขากรรไกรอักเสบ ซึ่งหลังจากที่ดิฉันอ่านบทความนี้จนจบแล้ว ดิฉันชักไม่แน่ใจว่าจะเชื่อข้อมูล “วิชาการ” ที่คุณหมอเขียนไว้ดีหรือไม่ ทั้งที่ข้อมูลก็ดูน่าเชื่อถือดี อ่านแล้วช่วยให้เข้าใจโรคนี้ดีขึ้นเยอะ แถมยังบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าโรคนี้รักษายาก ทางการแพทย์มักใช้วิธีช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยเท่านั้นเอง เช่น ให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ใส่เฝือกฟันเพื่อลดแรงกัดฟันในเวลานอน หรือ ฉีดสเปรย์คลายกล้ามเนื้อ
“โรคข้อขากรรไกรอักเสบเรื้อรัง เป็นโรคที่ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากนิสัยส่วนตัว ความเคยชิน เช่น มีนิสัยกัดฟัน หรือ เกิดจากสภาพจิตใจที่ผิดปกติ เช่น มีความเครียดมาก จึงรักษาให้หายขาดยากค่ะ ส่วนมากทันตแพทย์จะแนะนำให้ลดความเครียดภายในจิตใจ รักษาศีล เจริญสติ ทำสมาธิและภาวนาเพื่อให้จิตใจผ่อนคลายความตึงเครียดลง” คุณหมอสรุปไว้ในบทความ
อ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉันอดสะดุดใจไม่ได้กับข้อสังเกตที่ว่า โรคนี้เกิดจาก “สภาพจิตใจที่ผิดปกติ” และเริ่มรู้สึกแย่กับบทความชิ้นนี้มากขึ้นเมื่ออ่านย่อหน้าต่อมาที่คุณหมอให้ความเห็นไว้ว่า “ในกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อรักษาอาการของโรคนั้น ก็เป็นเรื่องที่ฟังได้ เพราะแม้ปล่อยตัวออกมารักษาอย่างไรก็ไม่หาย”
ความรู้สึกแย่นั้น กลายเป็นความอดรนทนไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมาเขียนจดหมายถึงบก.ฉลาดซื้อ อยู่ในขณะนี้ เมื่อคนที่เป็นแพทย์มองความเจ็บป่วยทุกข์ทรมานของผู้ต้องขังหญิงคนหนึ่งว่าเป็นเพราะ “กรรมหนัก” พร้อมทั้งช่วยรักษาดารณีด้วยการบอกให้เธอ “แก้กรรมด้วยการรักษากาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ สำนึกผิด”
ขอคัดลอกย่อหน้าสุดท้ายของบทความ “โรคข้อขากรรไกรอักเสบ...เจ็บนี้อีกนาน” ของทันตแพทย์หญิงนิธิมา เสริมสุธีอนุวัฒน์ มาให้อ่านกันเต็มๆ ดังนี้
“ย้อนกลับมาคุยถึงหญิงปากกล้าคนนั้น ในกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อรักษาอาการของโรคนั้น ก็เป็นเรื่องที่ฟังได้ เพราะแม้ปล่อยตัวออกมารักษาอย่างไรก็ไม่หาย โรคเฉพาะตัวของหญิงปากกล้าคนนี้ นอกจากจะเป็นการอักเสบบริเวณข้อต่อขากรรไกรเนื่องจากการกัดเน้นฟันตลอดเวลาแม้ในขณะพูดในชีวิตประจำวันแล้ว ยังอาจจะเกิดจากเหตุที่เธอทำกรรมหนักด้วยกาย วาจาใจ หลายครั้ง จะหนีอย่างไร ก็หนีกฏแห่งกรรมไปไม้พ้นค่ะ เมื่อจิตใจกำลังทุกข์มาก จิตใจมีความเครียดก็ส่งผลต่อร่างกายให้เครียดตาม ด้วยมีกรรมหนักประจำใจจึงเหนี่ยวนำให้ยิ่งกัดฟันหนักขึ้นอีก โดยไม่รู้ตัวทั้งยามหลับยามตื่นทำให้อ้าปากไม่ได้ กินไม่ได้ พูดจาไม่ได้ เจ็บปวดแสนสาหัส ดุจดั่งตกนรกทั้งเป็น ฉะนั้นนอกจากการใส่เฝือกฟัน (splint หรือ night guard) เพื่อบรรเทาอาการปวดทรมานแล้ว คงต้องแก้กรรมนี้ด้วยการรักษากาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ สำนึกผิด ตั้งจิตอธิษฐานขอพระราชทานอภัยโทษ ตั้งตนให้อยู่ในศีล ในธรรม สวดมนต์ภาวนาทำสมาธิถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อได้ทำบุญรักษาศีลและเจริญภาวนาแล้ว อาการอ้าปากไม่ขึ้นพูดไม่ได้ปวดกระดูกขากรรไกร น่าจะหายดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ”
ดิฉันไม่ได้เขียนจดหมายนี้มาเพื่อถกเถียงทางวิชาการว่า โรคข้อขากรรไกรอักเสบที่รุมเร้าดารณีอยู่นั้นจะรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร เพราะคงไม่มีปัญญาไปถกเถียงกับทันตแพทย์ แต่ถึงไม่ได้เป็นหมอ ดิฉันก็คิดเป็นว่า ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาล ดิฉันไม่มีทางคิดอย่างที่ทพญ.นิธิมาคิดเด็ดขาดว่า ไม่ต้องปล่อยตัวดารณีก็ได้ เพราะ “แม้ปล่อยตัวออกมารักษาอย่างไรก็ไม่หาย”
ดิฉันไม่คิดจะถกเถียงกับคุณหมอว่าดารณีควรจะต้องสำนึกผิดหรือขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ และดิฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการที่คอลัมน์นิสต์คนหนึ่งหรือนิตยสารฉบับหนึ่งจะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของดารณี เพราะนั่นเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
แต่คุณหมอกำลังล้ำเส้นไปจากการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมา ก้าวล่วงไปสู่การสั่งสอนและซ้ำเติมผู้ต้องหาหญิงคนหนึ่งที่กำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย ซึ่งดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ใครสักคนจะมองความเจ็บป่วยของดารณีว่าเป็นเพราะ “กรรมหนัก” (ซึ่งเข้าใจว่าทพญ.นิธิมาหมายถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความคิดเห็นนั้นมาจากคนที่ประกาศตัวอย่างภาคภูมิว่าเป็น “ทันตแพทย์หญิง” แถมยังเป็นสมาชิกชมรมทันตสาธารณสุขภูธรเสียด้วย
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอเรียกร้องให้กองบรรณาธิการ ฉลาดซื้อ พิจารณาเนื้อหาในคอลัมน์อย่างรอบคอบมากขึ้น ดิฉันไม่ได้ต้องการให้ ฉลาดซื้อ “ปลอดการเมือง” หรือ “เป็นกลาง” แต่อย่างใด แต่ปรารถนาที่จะเห็นการแสดงความคิดเห็นและข้อเขียนที่สร้างสรรค์ เพื่อให้ ฉลาดซื้อ เป็นนิตยสารที่น่าอ่านและน่าเชื่อถือต่อไป
สำหรับทันตแพทย์หญิงนิธิมา ดิฉันหวังเพียงว่าเธอจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วยมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นใคร—เป็นนักโทษ เป็นคนรวย เป็นผู้ยากไร้ เป็นเสื้อเหลือง เป็นเสื้อแดง ฯลฯ
หมายเหตุ: คุณกุลธิดา สามะพุทธิ ได้เขียนจดหมายฉบับนี้ส่งให้กับ บก.นิตยสารฉลาดซื้อ และได้ทำการส่งมาให้กับกอง บก.ประชาไทเผยแพร่