ที่มา thaifreenews
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ในรายการ"ลงเอยอย่างไร" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 2 ธันวาคม 2552
ดร.เจิมศักดิ์ : ทำไม คุณสนธิถึงเลือกทำงานถวายในหลวง โดยเฉพาะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
สนธิ : ผมมีความรู้สึกเอะใจ หลายๆ ครั้งในสมัยหนึ่งที่คุณทักษิณขึ้นมา ผมเองก็ยอมรับ ในสมัยที่เขาขึ้นมา ผมก็มีส่วนผิดที่ไปสนับสนุนเขา แต่ผมคิดว่าเขาจะทำงานเพื่อส่วนรวม เขาไม่ได้ทำงานเพื่อส่วนรวม เขาทำงานเพื่อส่วนตัวเขาเอง เพื่อครอบครัวเขา และประเด็นสำคัญที่ผมรับเขาไม่ได้ เป็นจุดแตกหักจริงๆ คือ วันที่เขาไปทำพิธีในวัดพระแก้ว ผมจำได้ว่า วันนั้นมีหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่ตีพิมพ์ คือ กรุงเทพธุรกิจ แต่ก็แค่ตีพิมพ์เฉยๆ แล้วก็ไม่มีใครเอาเรื่องนี้ออกมาพูดว่ามันไม่สมควร แต่ในที่สุดแล้ว จิตวิญญาณ มโนธรรมของผมบอกว่า ไม่ได้ มันต้องมีคนพูด ผมยังมองเขาในแง่ดี ว่าเขาไม่รู้เรื่อง เขาเป็นคนซึ่งไม่อยากจะพูดว่าโง่ แต่เขาอาจรู้เท่าไม่ถึงการมากกว่า ก็เลยเข้าไปทำพิธีในนั้น แต่พอผมพูดออกไปแล้ว รู้สึกได้ว่าหลายๆคนคิดเหมือนกับผม แต่เผอิญ 1.เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่กล้าออกมาพูด 2. อาจอยู่ในสภาพที่เหมือนคนไทย ธุระก็ไม่ใช่ บูชาในหลวง รักในหลวง แต่ใครจะย่ำยีพระองค์ท่านก็ปล่อยไป
มีจุดบอดอยู่จุดหนึ่ง อาจารย์เจิมศักดิ์ ในอดีตเรายังจำกันได้ ที่คนชอบพูดว่าอย่าไปยุ่งกับพระองค์ท่าน ไปยุ่งกับพระองค์ท่าน ดึงฟ้าลงมาต่ำ กรอบความคิดที่บอกว่าดึงฟ้าลงมาต่ำนี่คือ หลุมพราง กับดักที่ถูกขุดออกมา เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อถูกขุดออกมาแล้ว ถ้าไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องเรื่องพวกนี้ เอาเรื่องพวกนี้มาเปิดโปง ก็จะทำให้พวกที่จ้องทำลายพระองค์ท่าน ก็สามารถที่จะรุกคืบเข้าไปได้ทีละนิด ทีละนิด มิหนำซ้ำยังมีคนที่เป็นข้าราชบริพารที่ใกล้ชิด ยังออกมาปกป้องคุณทักษิณอีกว่า คนที่เข้าไปทำบุญผิดตรงไหน จุดนี้เอง ทำให้ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้กระทำเป็นขบวนการ แล้วหลังจากนั้นผมก็เริ่มเห็น พฤติกรรมของ ทักษิณ ยกตัวอย่างง่ายๆ การจัดตั้งรักษาการ สมเด็จพระสังฆราช ตรงนี้ผมก็รับไม่ได้อีกเช่นกัน ผมเห็นคุณทักษิณใช้อำนาจทางรัฐบาล แล้วก็มีขบวนการที่มาใส่ร้ายป้ายสี สมเด็จพระสังฆราช โดยกล่าวหาว่า พระเลขาของท่านทุจริต เพื่อเป็นการเปิดประตู ให้ไปสั่นคลอนตัวพระองค์ท่าน แล้วก็มีการตั้งรักษาการพระสังฆราช ที่เอะใจเขาตั้งรักษาการ ไม่ได้พูดว่ารักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราช เขาพูดว่ารักษาการเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตรงนี้ต่างหาก ที่ผมมองว่าเป็นส่วนผสม กับในส่วนของการเข้าไปทำพิธีในอุโบสถวัดพระแก้ว
ดร.เจิมศักดิ์ : ตกลง คุณสนธิเก็บข้อมูลจากสัญลักษณ์ที่คุณทักษิณได้แสดงสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของตัวเอง แล้วไปบวกกับบริบทอื่นๆ
สนธิ : ดูพฤติกรรมของคุณทักษิณ ประกอบกับบริบทอื่นๆ มาเป็นเงื่อนไข และเหตุผลใหญ่ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าผมไม่ออกมาสู้เพื่อพระองค์ท่านแล้ว จะไม่มีใครที่จะออกมาสู้ และจะไม่มีใครเข้าใจ เพราะเรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาว ที่สู้มานี้ผมไม่ได้หวังอะไร ในชีวิตนี้ผมไม่เคยเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่เคยมีแม้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญตราแม้แต่เหรียญเดียว ที่ผมทำทุกอย่าง เพราะผมเชื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นจิตวิญญาณของชาติบ้านเมือง การที่มีคนพยายามที่จะไปจาบจ้วงพระองค์ท่าน แล้วทำให้สถานภาพของพระองค์ท่านลดลงมา เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ดร.เจิมศักดิ์ : เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ผมเคยได้ยิน คุณสนธิ พูดเรื่องขบวนการล้มสถาบันกษัตริย์ หรือล้มเจ้า ผมต้องเรียนคุณสนธิว่า ผมไม่เชื่อ มีความรู้สึกว่าคุณสนธิก็พูดไปอย่างนั้นเอง แต่พอมาถึงวันนี้ ผมต้องเรียนว่า เชื่อแล้วว่ามีความจริง คำถามก็คือว่า ขบวนการล้มเจ้าในประเทศไทย มันจะลงเอยอย่างไร
สนธิ : ไม่ซ้ายก็ขวา ตอนนี้สภานภาพของเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์พระมหากษัตริย์ ไทยเรา ยังไม่มั่นคง สมัยก่อนประชาชนทุกคนเคารพในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เว้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ อุดรธานี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่พอคุณทักษิณมา คุณทักษิณขโมยประชาชนของพระองค์ท่านไปด้วยวิธีฉ้อฉล ฉ้อฉลอย่างไร พระองค์ท่านสร้างประชาชนขึ้นมาด้วยคำพูดว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม พระองค์ท่านใช้ธรรมปกครอง พระองค์ท่านออกไปสู่ต่างจังหวัด พระองค์ท่านสอนให้ประชาชนทำมาหากินเป็น สอนให้ประชาชนตกปลา แต่คุณทักษิณเอาปลาไปให้ประชาชนกิน แล้วไปอ้างบุญคุณ มิหนำซ้ำปลาที่เอาไปก็ไม่ใช่ของตัวเองด้วย เอาจากภาษีอากรของทุกๆคนไป ถ้าคุณทักษิณเอาไปให้ประชาชน แล้วบอกว่าเพราะเป็นนโยบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ผมจะไม่ว่าเลย แต่คุณทักษิณทำทุกอย่างเพื่อพรรคไทยรักไทย เพื่อตัวเอง เพื่อญาติพี่น้อง เพื่อนักการเมืองฝ่ายทักษิณ เท่านั้นเอง
ส่วนขบวนการล้มเจ้าของคุณทักษิณ คุณทักษิณจะมีที่ปรึกษาเป็นฝ่ายซ้าย ที่อยู่ในป่า ผมขอเรียกว่าพวกซ้ายอกหัก คนพวกนี้เป็น คนที่นับถือลัทธิมาร์กซิส ถึงแม้วันนี้ปากจะบอกว่ายังเคารพสถาบัน แต่การกระทำส่อให้เห็นว่าต้องการล้มเจ้า คนพวกนี้เป็นที่ปรึกษาของ คุณทักษิณ
คุณทักษิณ ในยุคที่มีอำนาจสูงสุด คุณทักษิณย่อมละเมอเพ้อผันว่า อำนาจก็มีสูงสุด เงินก็มีเยอะที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเอาพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์แล้ว ตัวเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีก็ย่อมทำได้ หรือว่าถ้าล้มเจ้าได้ แล้วสร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา ก็ย่อมได้เหมือนกัน ความคิดเช่นนี้ย่อมมีไม่มี่ไม่ได้ แล้วพวกฝ่ายซ้ายพวกนี้ ตรงเป้าที่เขาสู้มาตลอด สองฝ่ายมีวัตุประสงค์อันเดียวกัน คนหนึ่งอยากเป็นใหญ่ โดยเอาคนพวกนี้มาหนุน อีกคนอยากใช้คนนี้ไปล้มเจ้า เพราะฉะนั้นแล้ว คุณทักษิณก็มีฝ่ายซ้ายซึ่งอยู่ในปีก ที่เขาจะสั่งให้ล้มเมื่อไร ก็แสดงกระบวนล้มได้ทันที ไม่ว่าจะออกซีดี เว็บไซต์ หรือพูดที่ไหนก็ตาม หรือถ้าหากต้องการสมานฉันท์ เขาก็จะบอกให้ฝั่งซ้ายเงี่ยบๆ ไว้ก่อน ดังนั้น อาจารย์เจิมศักดิ์จะเห็นได้ช่วงไหนที่ ทักษิณ บอกว่าตัวเองจงรักภักดิ์ดี จะไม่มีข้อความ บทความใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ในเรื่องการโจมตีเจ้า แต่วันไหนทักษิณชักธงรบก็จะออกมาเป็นชุด ด้วยเหตุนี้หากรัฐบาลไม่แก้แกม หรือถ้าประชาชนทั้งหมดไม่เข้าใจในประเด็นหลักๆเหล่านี้แล้ว อนาคตที่เขาล้มเจ้าได้ ก็จะสำเร็จ
ดร.เจิมศักดิ์ : แล้วคนอย่างรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาพูดถึงเรื่องราชวงศ์โรมานอฟ และกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พูดถึงเรื่องคุกบาสตีย์ คำพูดเหล่านี้สะท้อนอะไร
สนธิ : สะท้อนความฟังใจลึกๆ ว่า อยากจะล้มเจ้ากันทั้งนั้น เพียงแต่ว่ายกตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นออกมา พูดให้มันเฉียดไปเฉียดมา ตังแต่กระบวนการล้มกษัตริย์ที่เนปาล หรือตระกูลนิโคลัส หรือคุกบาสตีย์ หากนำมาพิจารณาให้ดี เจ้าที่ถูกล้มนั้น เป็นคนละเจ้ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้าที่เข้าสู่ประชาชน ทำงานให้ประชาชนมาตลอดชีวิต แต่คนพวกนั้นไม่ได้สนใจประชาชน เป็นเพียงสัยลักษณ์คำว่าเจ้า ก็เลยเอาพวกนี้มาโษฆณาชวนเชื่อ ว่า ล้มเจ้าได้ ชาติอื่นก็ยังล้มเลย ฝรั่งเศสก็ยังล้ม เนปาลก็ยังล้ม รัสเซียก็ยังล้ม เพราะฉะนั้น ถึงอายุไขที่ต้องล้มแล้ว ที่ผมเสียดายที่สุด คนที่พูดเป็นรองประธานสภา แล้วเป็นอดีตพันเอก ซึ่งการที่เป็นทหารจะต้องมีความเคารพจงรักภักดิ์ดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ยังพูดเช่นนี้ได้ แสดงว่าจิตใต้สำนึก ของพันเอกคนนี้ กับพลเอกอีกคนหนึ่ง ลึกๆแล้วต้องการล้มเจ้าเป็นที่สุด
ดร.เจิมศักดิ์ : คุณสนธิจะว่าอย่างไร มีคนบอกว่าสนธิออกมาเชิดชูสถาบันกษัตริย์ แล้วไปว่าคนอื่นว่าไม่เชิดชูสถาบันกษัตริย์ หรือต้องการล้มเจ้า ทำให้มีปัญหากับสถาบันกษัตริย์ เพราะเท่ากับ สนธิ หรือพันธมิตรฯ ผูกขาดการรักสถาบัน ทำให้คนอื่นกระดากไป สนธิยอมรับคำกล่าวหานี้หรือไม่
สนธิ : เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก และเป็นความเข้าใจที่มีอคติสูง การที่ผมออกมาแสดงความจงรักภักดีนั้น ไม่ได้แสดงความจงรักภักดีอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้เดินชูป้าย ไม่ได้เป็นประธานจัดงานใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้มันจบครั้งเดียวให้รู้ว่าผมรักเจ้านะ จัดงานจบแล้วก็จบเลย ให้จำไว้ว่างาน 5 ธันวาคม ผมเป็นคนจัดนะ ผมเอาประชาชนมาเป็นแสนเป็นล้านนะ ส่วนจะไปจ้างเขามาหรือไปให้เงินค่าแรงเขามาอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมทำเพราะว่ามีขบวนการล้มเจ้าอยู่ แล้วไม่มีใครกล้าพูด ผมกลายเป็นคนที่ต้องเอาหน้าอกไปรับ หอกรับดาบ จนกระทั่งเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเป็นความจริงแล้ว ผมไม่เคยไปว่าคนอื่น ว่า ทำไมไม่รักเจ้าเหมือนผมบ้าง ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ผมกำลังทำให้เห็นว่า คนเรานั้น ถ้าจิตเจตนากับการกระทำเหมือนกันแล้ว ถ้าจิตเจตนาบอกว่าจงรักภักดิ์ดี การกระทำก็ต้องออกมาปกป้องเช่นกัน