ที่มา Thai E-News
ณัฐวุฒิ:ผม เป็นแกนนำคนเสื้อแดง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ขณะนี้ผมเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายถ้าผิดจริงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ผมยินดีต่อสู้คดีโดยไม่มีเงื่อนไข คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้บ้างไหม
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
14 มิถุนายน 2554
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เขียนข้อความในเฟซบุ๊คของเขาเพื่อ ตอบโต้การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองกรณีการชุมนุมและสลายการ ชุมนุมของคนเสื้อแดงลงในเฟซบุ๊คของนายอภิสิทธิ์ก่อนหน้านี้
1.คุณ อภิสิทธิ์บอกว่าความรุนแรงเริ่มตั้งแต่ปี2552ที่มีการล้มประชุมอา เซียน โดยจงใจไม่กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อนำ้เงินที่มาดักทำร้ายคนเสื้อแดง ระหว่างทางกลับจากการยื่นหนังสือรอบแรก คนพวกนั้นเป็นชายฉกรรจ์ผมสั้นเกรียนมีทั้งปืน มืด และไม้เป็นอาวุธมีคนบาดเจ็บหลายรายและปรากฏข้อมูลว่ากลุ่มคนดังกล่าว บัญชาการโดยผู้มีอิทธิพลในพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งปรากฎตัวพร้อมนายสุเทพในคืน ก่อนเกิดเหตุ ความรุนแรงเริ่มต้นตรงนี้ครับ
2.สรุปเหตุการณ์ว่าชาวบ้านนางเลิ้ง2คนเสียชีวิตเพราะตกเป็นเหยื่อของการชุมนุม ถามว่าผ่านมากว่า2ปีคดีนี้คืบหน้าไปถึงไหน ได้ตัวคนทำความผิดหรือยัง ถ้ายังคุณอภิสิทธิ์สรุปได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของการชุมนุม ทำไมไม่พูดความจริงด้วยว่ามีคนเสื้อแดง2คนกลายเป็นศพถูกมัดมือไพล่หลังลอยนำ ้เจ้าพระยา คดีนี้ผลการสืบสวนเป็นอย่างไร
3.มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความจริงเรื่องนี้แต่เหตุใดจึงไม่รายงานผลต่อประชาชน คุณอภิสิทธิ์จงใจปกปิดความจริงอยู่ใช่หรือไม่ ผมเชื่อว่าถ้ามีการเปิดเผยความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในเหตุการณ์สงกรานต์ เลือดปี2552น่าจะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญที่จะป้องกันเหตุสูญเสียครั้งใหญ่ในปี ต่อมา แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมพูดความจริงแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิด ขึ้นได้อย่างไร
4.การบอกว่าเหตุการณ์ปี2553เริ่มจากการตัดสินยึด ทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณแสดง ว่าคุณอภิสิทธิ์ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการวาดภาพปีศาจใส่ฝ่ายตรงข้าม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ผมยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่การขับไล่รัฐบาลทักษิณจนถึงคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องเดียวกัน การยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีผลใดๆเลยต่อการต่อสู้ในปี2553การทำลาย ประชาธิปไตยและระบบยุติธรรมซำ้แล้วซำ้เล่าต่างหากเป็นสาเหตุที่แท้จริง
5.การ เทียบเคียงคดีซุกหุ้นกับคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่ออธิบายว่า ถ้าตัดสินได้ประโยชน์พอใจถ้าไม่ก็คือสองมาตรฐานเป็นตรรกะหน้าไม่อาย เพราะคดีซุกหุ้นเริ่มก่อนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯมีกระบวนการตามระบบปกติจนถึง วันตัดสิน แต่คดียึดทรัพย์เกิดหลังรัฐประหารโดยตั้งต้นจากคตส.ซึ่งรวมเอาคนเกลียด ทักษิณมาเป็นกรรมการ คุณอภิสิทธิ์แยกแยะคำว่าเผด็จการกับประชาธิปไตยเป็นไหมครับ
6.การอ้างว่าพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในปี2553เป็นคำพูดเอาแต่ได้ เพราะข้อเรียกร้องของประชาชนคือการยุบสภาซึ่งคุณอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรมจะดำรงตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ต้นคำยืนยันของคุณชุมพล ศิลปอาชาเรื่องพลังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือใบเสร็จเรื่องนี้ การอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ปัญหาวันนี้ก็ชัดแล้วว่าทุกปัญหาร้ายแรงกว่าเก่า ยอมรับเถิดว่าการฆ่าไม่สามารถทำให้ชนะได้
7.ผมยืนยันว่านปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธถ้าคุณอภิสิทธิ์บอกว่ามีผมอยากเห็นหน้าคนพวกนี้ว่าเป็นใคร ใช่ คนที่ถูกยิงตายมือเปล่ากลางถนนไหมหรือรัฐบาลจับเอาไปขังไว้ที่ไหน การที่คนเสื้อแดงไม่เรียกร้องให้ยุบสภาอีกหลังเหตุการณ์เพราะเขารู้แล้วว่า ไร้ประโยชน์ คุณอภิสิทธิ์ยึดติดกับอำนาจยิ่งกว่าชีวิตประชาชนจะเรียกร้องอย่่างไรก็คงไม่ เป็นผล และที่สำคัญคือประชาชนยังไม่อยากตายครับ
8.เหตุการณ์10เม .ย.ไม่ใช่การสลายการชุมนุมตามหลักสากล มีที่ไหนบ้างใช้เฮลิคอปเตอร์โยนแก๊สนำ้ตาลงกลางเวทีที่มีทั้งผู้หญิงและคน แก่จำนวนมาก มีคนถูกยิงตายรายแรกราว16.00-17.00น.ข่าวช่องtpbsเขา สัมภาษณ์หมอคนหนึ่งซึ่งบอกมาตามนั้น ไม่ใช่การขอคืนพื้นที่แต่เป็นการปราบปรามประชาชนข่าวรายงานว่านายทหารใหญ่ ให้สัมภาษณ์ว่าต้องให้จบในคืนนั้นไม่มีตรงไหนอธิบายว่าคุณอภิสอทธิ์พยายาม ยุติปฏิบัติการ
9.จนเหตุการณ์บานปลายเอาไม่อยู่จึงมีการเจรจาระหว่างผมกับคุณกอร์ปศักดิ์ซึ่งเราพร้อมจะให้ความร่วมมือในการยุติความรุนแรงในทันที มีคนตายทั้งทหารและประชาชน20กว่าชีวิตผมเสียใจกับทุกครอบครัว ปัญหาคือเราบอกได้ว่า คนตายคนไหนเป็นทหาร แต่ไม่มีใครระบุได้ว่าใครคือชายชุดดำ ใครคือผู้ก่อการร้าย เพราะทุกคนที่ตายไม่มีอาวุธ และมีหลักแหล่งครอบครัวชัดเจนทุกคนมีญาติพี่น้องมารำ่ไห้ที่เวที จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาล
10.คุณอภิสิทธิ์บอกว่าช็อค กับสิ่งที่เกิดขึ้นและในคืนนั้นไม่อาจหลับตาลง ได้แม้แต่นาทีเดียว แล้วรู้ไหมครับว่าทุกชีวิตที่ตายไม่มีใครตาหลับเลยจนถึงวันนี้ เพราะเขาไม่มีทางเข้าใจว่าทำไมต้องตาย ไม่รู้ด้วยซำ้ว่ากระสุนสไนเปอร์เหล่านั้นมาจากทางทิศไหนและตายไปแล้วดวง วิญญาณก็ยังมองไม่เห็นความยุติธรรมจะปรากฏแต่อย่างใด หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกวันที่นอนหลับคุณอภิสิทธิ์ฝันเห็นพี่น้องผมที่ตาย บ้างไหมครับ
11.ผมเป็นแกนนำคนเสื้อแดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไม่ ปฏิเสธความรับผิดชอบ ขณะนี้ผมเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายถ้าผิดจริงโทษสูงสุดคือประหารชีวิตผม ยินดีต่อสู้คดีโดยไม่มีเงื่อนไข คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้บ้างไหม มีทหารออกมาอาวุธครบมือแล้วประชาชนถูกยิงตายกลางเมืองหลวงเกือบ100ศพคุณ อภิสิทธิ์ทำได้แค่อยู่ต่ออีกเกือบปีแล้วยุบสภามาชวนประชาชนเดินหน้าต่อไป เท่านั้นหรือ
12.คุณอภิสิทธิ์ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ได้ทำไม่รู้ไม่ เห็น ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนผมอาจจะเชื่อแต่พอเห็นคุณปฏิเสธเรื่องร่วมมือกับ พันธมิตร เรื่องอำนาจพิเศษตั้งรัฐบาล เรื่องความสัมพันธ์พิเศษกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างหน้าตาเฉยยอมรับว่าผมไม่กล้า เชื่ออะไรคุณอีกเลย คุณเชื่อที่ตัวเองพูดไหม ยังจำสิ่งที่พูดไว้กับนายกฯสมชายเมื่อ9ต.ค.50หลังเหตุการณ์พันธมิตรบุกสภาได้บ้างไหมครับ
13.คุณ อภิสิทธิ์บอกว่าจะเขียนอีกผมก็จะร่วมเขียนด้วยอีก อยากบอกคุณอภิสิทธิ์ว่าบางทีการพูดความจริงอาจทำให้ตัวเองเจ็บปวดแต่ถ้าเรา เป็นผู้นำแล้วไม่พูดความจริงจะทำให้ประชาชนเจ็บปวด เวลาพูดสบตาประชาชนบ้างนะ
ครับ
ประชาชนจงเจริญ
******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 3
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองกรณีการชุมนุมและสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงลงในเฟซบุ๊คของนายอภิสิทธิ์ก่อนหน้านี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
เดิมทีตั้งใจจะเขียนเรื่องการต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่น
แต่เมื่อมีความพยายามสร้างกระแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.
2 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงถึงความสูญเสีย 91 ศพ (ซึ่งรวมทหาร -ตำรวจ ประชาชนที่เป็นเหยื่อ M 79 ที่ยิงออกมาจากที่ชุมนุมด้วย)
ผมจึงต้องขอเสนอความจริงเรื่องนี้ก่อน
ทุกคนคงจำได้ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงมีมาตั้งแต่ปี 2552 ที่มวลชนมาทุบรถผมที่พัทยา ล้มการประชุมอาเซียน ไล่ล่าผมที่กระทรวงมหาดไทยแล้วก่อจลาจลในช่วงสงกรานต์
ผมมีหน้าที่ รักษากฎหมาย ก็ได้คลี่คลายปัญหาด้วยความอดทน อดกลั้น เราก็ผ่านเหตุการณ์มาได้โดยไม่มีการสูญเสีย ยกเว้นชาวบ้านนางเลิ้ง 2 คน ที่ตกเป็นเหยื่อของการชุมนุม ขณะที่ภาพลักษณ์เศรษฐกิจถูกซ้ำเติมอย่างรุนแรง
ในครั้งนั้นคุณทักษิณกับพวกพยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลฆ่าประชาชน ทั้งๆที่ไม่มีมูลความจริง ลงทุนเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงผมจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ร้อยเรียงคำพูดใหม่ให้กลายเป็นว่า "ผมสั่งฆ่าประชาชน" เพื่อปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง แต่เมื่อสังคมส่วนใหญ่รู้ความจริง จึงทำให้ประเด็นดังกล่าวจุดไม่ติด
ชนวนเหตุการณ์ปี 2553 เริ่มจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา ยึดทรัพย์คุณทักษิณจากการทุจริตเชิงนโยบายจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท.
คุณ ทักษิณ วิดีโอลิงค์จากต่างประเทศทันทีที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาจบ มีเนื้อหาไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่ง คุณทักษิณใช้คำว่า "เป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรม"
ถึงขนาดกล่าวหาว่าศาลเป็นเครื่อง มือทางการเมือง สร้างวาทกรรมสองมาตรฐานปลุกปั่นพี่น้องเสื้อแดงให้เข้าใจว่าเขาถูกกลั่น แกล้งโดยอำมาตย์แต่ไม่เคยพูดถึงวันที่ตัวเองชนะคดีซุกหุ้นซึ่งคนจำนวนไม่ น้อยเห็นต่างจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ไม่มีการระดมมวลชนกดดันสังคมให้ความเคารพคำตัดสินดังกล่าวและให้โอกาสคุณทักษิณได้บริหารประเทศเป็นเวลานานกว่า 5 ปี
เท่ากับว่าถ้าศาลตัดสินแล้วตัวเองได้ประโยชน์ถือว่าเป็นธรรม แต่ถ้าทำผิดหลักฐานมัดแน่นศาลตัดสินลงโทษกลายเป็นสองมาตรฐาน.
นี่คืออันตรายที่ คุณทักษิณใช้พี่น้องประชนที่ศรัทธาคุณทักษิณด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างโหดร้าย
คุณทักษิณ ระบุในการวิดีโอลิงค์ครั้งนั้นว่า "วันนี้การเมืองตอนนี้ดุมาก ใจดำมาก แต่ขอผมเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย
ถ้า เมื่อไรประเทศได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีระบบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม คงจะไม่มีเหยื่ออย่างผมอีกเพราะวันนี้ดุลทั้งหมดไปอยู่อำมาตย์ที่สามารถกด ปุ่มสั่งการให้ระบบหนึ่ง มีอำนาจเหนืออีกระบบหนึ่งอย่างง่ายดาย"
ผมทราบทันทีว่าประเทศชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย ประชาชนอยู่ในภาวะหวาดผวากลัวจะเกิดเหตุรุนแรง คำประกาศ "แดงทั้งแผ่นดิน”
การเทเลือดหน้าบ้านทำให้ผมเป็นห่วงชาติบ้านเมืองว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นทะเลเลือดแดงฉานทั้งแผ่นดิน
ผมพยายามอย่างที่สุดในการประนีประนอมบนหลักกฎหมายและความถูกต้อง พวกเขาเรียกร้องให้ผมยุบสภาทันที ผมก็ไปนั่งเจรจาคุยกับแกนนำเสื้อแดงสองวัน 6 ชั่วโมง เสนอทางออกด้วยการยุบสภาในช่วงปลายปี ไม่ใช่เพราะต้องการถ่วงเวลาอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดแต่ต้องการให้เศรษฐกิจ มั่นคง การเมืองมาตกลงเรื่องกติกาให้ชัดและไม่ให้เป็นแบบอย่างให้เกิดการเรียกร้อง โดยใช้มวลชนกดดันไม่จบไม่สิ้น
อย่างไรก็ตามการเจรจาไร้ผล เพราะมีคนวางแผนเป็นขั้นตอนที่จะยัดเยียดให้ผมเป็น "ฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน" จึงไม่ยอมรับในวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมืองอย่างสันติ
ซึ่ง หากแกนนำคนเสื้อแดงและคุณทักษิณมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการให้ยุบสภา ไม่เกี่ยวกับการล้างความผิดให้คุณทักษิณ ย่อมไม่มีความตาย 91 ศพ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ต่อมาคนเหล่านี้เผยธาตุแท้ตัวเองให้เห็น ภายหลังผ่านเหตุการณ์ไทยวิปโยคว่า ให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมไปเลย ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม 2553 เรียกร้องเอาเป็นเอาตายว่าต้องยุบสภาทันที จนเกิดเหตุสูญเสียขึ้นในที่สุด
ความ แตกต่างในการเคลื่อนไหวปี 2553 คือการเก็บเกี่ยวบทเรียนจากปี 2552 ที่การยั่วยุไม่ประสบความสำเร็จ มาคราวนี้ปิดจุดอ่อนคราวที่แล้ว ด้วยการเพิ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งคนที่ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่นายอริ สมันต์ พงษ์เรืองรอง เพียงคนเดียว แต่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงก็เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนในทำนองเดียวกัน
และก่อน เกิดเหตุรุนแรง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ประสานเสียงกับเสธ.แดงหลังพบคุณทักษิณที่ดูไบว่า จะมีการตั้งกองทัพประชาชน ซึ่งสื่อมวลชนเรียกขานว่า "กองทัพแดง" เมื่อถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างรุนแรง ก็ทำให้ พล.อ.พัลลภยุติบทบาทไป
การ ชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ปิดทั้งถนนราชดำเนิน สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งศาลได้ชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ นอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเพิ่มความแตกแยกและแรงกดดันต่อรัฐบาลให้เข้าสลายการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการยั่วยุด้วยการยิง M 79 ในสถานที่ต่าง ๆ และมีการเคลื่อนมวลชนไปหลายสถานที่
สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก และยังมีการใช้มวลชนกดดันทหารที่อยู่ในที่ตั้ง ฮึกเหิมถึงขนาดประกาศไปยึดสถานีไทยคม
ตลอด เวลาเจ้าหน้าที่แสดงความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด มิฉะนั้นคงเกิดเหตุแบบที่เราเห็นอยู่ที่ตะวันออกกลาง และในวันที่ 10 เมษายน เมื่อมีการขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหกโมงเย็นไม่มีการสูญเสีย เมื่อเริ่มมืดก็เริ่มมีการเจรจาให้สองฝ่ายอยู่กับที่แต่ไม่เป็นผล จึงมีการสั่งการให้ถอนกำลังกลับ
จากนั้นสงครามเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้นที่สี่แยกคอกวัว
หลัง คำประกาศบนเวทีราชประสงค์ของนายอริสมันต์ ไม่นาน มีชายชุดดำแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมใช้คนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์เป็นเกราะกำบัง โจมตีทหารจนเกิดการสูญเสียชีวิตทั้งทหารและประชาชน
ขณะที่ผมและผู้นำเหล่าทัพกับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด อยู่ในอาการช็อค กับการใช้ความรุนแรงกับคนไทยด้วยกันเองได้ถึงขนาดนี้ แต่บนเวทีกลับนำศพไปปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความโกรธแค้นมากขึ้น
พร้อมยื่นคำขาดให้ผมเดินทางออกนอกประเทศ
เมื่อมีการต่อสายระหว่างนักการเมืองผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายผู้ชุมนุมอ้างว่าไม่เกี่ยวกับผู้ใช้อาวุธ และบอกให้เจ้าหน้าที่จัดการกับคนกลุ่มนั้นได้ตามใจชอบ แต่เจ้าหน้าที่ขณะนั้นใช้กำลังเพียงแค่ปกป้องตนเอง และคุ้มครองการลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากสถานการณ์เลวร้ายดังกล่าว
คืนวันนั้นจนถึงวันรุ่งขึ้นเป็นคืนที่ผมไม่อาจหลับตาลงได้แม้แต่นาทีเดียว เป็นวันที่ผมสลดใจมากที่สุดในช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากการกดดันของผู้ชุมนุมและฝ่ายการเมืองรอบทิศ ผมต้องพิจารณาทบทวนตัวเองอยู่หลายครั้ง เพราะได้เกิดความสูญเสียขึ้น แต่เพราะความเข้มแข็งของสังคมไทยที่รับทราบข้อเท็จจริงว่า ความสูญเสียไม่ได้เกิดจากการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ เพราะผมแสดงให้เห็นมาโดยตลอดที่จะใช้การเจรจาแก้ปัญหา
จนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้ขลาดกลัวคนเสื้อแดง
อีกทั้งยังปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีกองกำลังติดอาวุธจริงในกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้สังคมให้โอกาสผมทำงานต่อ
ช่วง นั้นเป็นช่วงที่ผมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องคนไทยในช่วงเวลาที่ยาก ลำบากที่สุดสำหรับประเทศ และยังต้องร่วมฟันฝ่าเพื่อให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น "เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤตการเมืองแล้วและผมตั้งใจว่าเราจะก้าวพ้นความรุนแรง นี้ไปด้วยกัน"
กระนั้นก็ตามผมก็ยังมุ่งมั่นคิดถึงแผนปรองดอง ซึ่งผมจะเขียนถึงในตอนต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า แกนนำเสื้อแดงสามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดศพเพิ่มได้ แต่พวกเขากลับเลือกแนวทางสร้างศพเพิ่ม เพื่อยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชนให้ผม