ที่มา มติชน
เมื่อ วันที่ 13 มิถุนายน ที่ห้องประชุมตักสิลาคอนเวนชั่น โรงแรมตักสิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ตรวจสอบการเลือกตั้ง 2554 โดยมีแกนนำ นปช.และแนวร่วมคนเสื้อแดงที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบการเลือกตั้ง จาก 9 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และมหาสารคาม เข้าร่วมประชุมกว่า 350 คน
นางธิดากล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นความต่อเนื่องจากการต่อสู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมดูแลตรวจสอบการเลือกตั้งทุกขั้นตอนให้เป็นไป อย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างอิสระว่า ต้องการให้ใครหรือพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหารประเทศ
"ภารกิจแรก ของแกนนำ นปช.และแนวร่วมคนเสื้อแดงของแต่ละจังหวัด คือการเข้าไปมีส่วนร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบการเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ โดยจะเน้นตรวจสอบเป็นพิเศษในเขตเลือกตั้งที่มีคนขึ้นทะเบียนเลือกตั้งล่วง หน้าจำนวนมาก หรือจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรม สถานศึกษา มหาวิทยาลัย และหน่วยทหาร เพราะเกรงว่าจะมีการสวมสิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีการตั้ง นปช.หน่วย นปช.เขต และ นปช.จังหวัด หรือเรียกว่า กกต.แดงคอยตรวจสอบ โดยการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม จะมีแนวร่วมคนเสื้อแดงอยู่ประจำทุกหน่วยเลือกตั้ง หากพบความผิดสังเกตหรือพบเห็นการทุจริต จะต้องรายงานต่อแกนนำระดับภูมิภาค และรายงานต่อมายังแกนนำ นปช.ส่วนกลางทันที" นางธิดากล่าว
ขณะ ที่นายสุรพศ ทวีศักดิ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ศูนย์การศึกษาหัวหิน ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดงปี 2553 มีพระสงฆ์จำนวนมากออกมาร่วมชุมนุม ขึ้นเวทีปราศรัย แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านสื่อและเวทีเสวนาต่างๆ จึงได้สัมภาษณ์พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ซึ่งเป็น 1 ใน 10 รูป ที่ถูก "แบล๊คลิสต์" โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ และพระครูสุวิธานพัฒนบัณฑิต รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงของพระสงฆ์ "กลุ่มสังฆสามัคคี"
พระคุณปลัดสุวัฒนจริยคุณให้ความเห็นเกี่ยว กับสถานการณ์การเมืองที่ ผ่านมาและขณะนี้ว่า มองภาพใหญ่ว่ามันเป็นปัญหาบ้านเมือง ซึ่งก็มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย แต่ 4-5 ปีมานี้ปัญหาการเมืองทำให้เกิดปัญหาบ้านเมือง คือทำให้เห็นชัดว่าบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีความเป็นธรรม เป็นเหตุผลว่าทำไมพระสงฆ์จึงต้องออกมาชุมนุมกับคนเสื้อแดง พระไม่ได้มาชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง แต่มาชุมนุมเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม
พระคุณปลัดสุวัฒนจริยคุณยังกล่าวถึงการเลือกตั้ง ครั้งนี้ว่า เป็นการเลือกตั้งในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ชัดเจนมาก ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 และถูกสลายการชุมนุม ตาย 91 บาดเจ็บร่วม 2,000 คน ตอนนี้เขาได้สิทธิเลือกตั้งแล้ว เขาก็คิดว่านี่คือก้าวสำคัญที่จะมีก้าวต่อๆ ไปในการแก้รัฐธรรมนูญ หรือวางระบบต่างๆ ทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและเป็นธรรมมากขึ้น
"แต่ ว่าความเป็นประชาธิปไตยและความเป็นธรรมเฉพาะหน้าคือ ต้องให้พรรคการเมืองที่ได้เสียงมากอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้ามีการเล่นแร่แปรธาตุ มีอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล อาตมาคิดว่าปัญหามันไม่จบ ถ้าพวกเขาไม่เคารพเสียงของประชาชนส่วนใหญ่" พระคุณปลัดสุวัฒนจริยคุณ กล่าว
เมื่อถามว่า ตามรัฐธรรมนูญก็เปิดให้พรรคที่มีเสียงรองลงไปแข่งขันตั้งรัฐบาลได้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ในสภาสนับสนุน ถือว่ามีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลหรือไม่ พระคุณปลัดสุวัฒนจริยคุณกล่าวว่า ในเมื่อเป็นการเลือกตั้งในสภาพความขัดแย้ง ถ้าไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ลงคะแนน จะเกิดความปรองดองได้ไหม ถึงวันนี้สังคมน่าจะมีบทเรียนได้แล้วว่า การไม่เคารพเสียงประชาชนมันทำให้สังคมประเทศชาติเสียโอกาสการพัฒนาด้านต่างๆ ไปมากขนาดไหน บ้านเมืองเสียหายมากขนาดไหน ดังนั้นต้องยึดกติกาการตัดสินด้วยเสียงส่วนใหญ่ และเคารพเสียงส่วนน้อย บ้านเมืองจึงจะเดินต่อไปได้
ขณะที่พระครูสุวิธานพัฒนบัณฑิตให้ ความเห็นต่อคำถามที่ว่าการเลือก ตั้งครั้งนี้ อาจแค่แก้ปัญหาการเมือง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง ว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกอย่างไร เลือกพรรคที่เชื่อว่าจะสามารถควบคุม ตรวจสอบ ให้แก้ปัญหาบ้านเมืองได้หรือไม่ แต่ปัญหาการเมืองกับปัญหาบ้านเมืองมันก็ปนๆ กันอยู่ ถ้าคำตอบของการแก้ปัญหาเป็นไปเพื่อความเป็นประชาธิปไตยและทำให้สังคมเป็น ธรรม ไม่มีสองมาตรฐาน ก็เท่ากับทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
"การเลือก ตั้งเพียงอย่างเดียวมันอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาทุกอย่างก็จริง แต่สังคมประชาธิปไตยมันปฏิเสธการเลือกตั้งไม่ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันการเลือกตั้งและการเคารพเสียงส่วนใหญ่ของ ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองและการแก้ปัญหาบ้านเมือง ที่ยากๆ ต่อไป" พระครูสุวิธานพัฒนบัณฑิตกล่าว