ที่มา ข่าวสด
เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
การหาเสียงเลือกตั้งดำเนินไปอย่างเข้มข้น
ระหว่างทางดูเหมือนจะมีปัญหาที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แก้ไม่ตกอยู่หลายอย่าง
นอกจากคำถาม 'ใครสั่งฆ่า 91 ศพ' เข้าใจว่าอีกสิ่งหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์อยากหลีกหนีไปให้ไกลทุกครั้งเวลาเดินหาเสียง ก็คือป้าย 'ดีแต่พูด'
3 คำห้วน สั้น แต่ได้ใจความ
เพราะ ไม่ว่าจะหาเสียงอย่างไร ด้วยการชูนโยบายสานต่อเรียนฟรี เบี้ยผู้สูงอายุ การประกันราคาพืชผล ฯลฯ หรือนโยบายใหม่ๆ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ไฟฟ้าฟรีถาวร ฯลฯ
เมื่อปะทะเข้ากับป้าย 'ดีแต่พูด' ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย
ล่าสุดยังเกิดปัญหาที่ตัวนายอภิสิทธิ์เองก็คงไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นเรื่องบานปลาย คือข้อเขียนเปิดใจผ่าน 'เฟซบุ๊ก'
ที่สร้างความไม่พอใจให้กับ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ
นายชุมพลเห็นว่าบางประโยคเปิดใจของนายอภิสิทธิ์ เป็นการไม่ให้เกียรติพรรคร่วม
"บอกไปได้อย่างไรว่าที่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเพราะว่าไม่มีตัวเลือก"
แต่จุดที่ทำให้เรื่องบานปลายจริงๆ คือ
"ไม่ ใช่พรรคชาติไทยพัฒนาอยากจะร่วมรัฐบาล ถ้าไม่ถูกบีบบังคับก็ไม่ร่วมแน่ เราถูกบีบด้วยพลังที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ต้องมาร่วม"
การที่ชาติไทยพัฒนาเป็นหนึ่งในพรรคร่วม คำให้สัมภาษณ์ของนายชุมพลจึงเป็นคำให้การต่อประชาชนในฐานะประจักษ์พยาน
ยืนยัน 'พลังพิเศษ' ที่อยู่เบื้องหลังการกำหนดโฉม หน้าการเมืองไทยนั้น มีอยู่จริง
ตัดฉากกลับมายังนายอภิสิทธิ์ กรณีที่ตั้งข้อสงสัยเอากับพรรคเพื่อไทยว่า
ทำไม ในเมื่อคาดการณ์ว่าจะได้รับเลือกตั้ง 270 ที่นั่ง แล้วยังจะเรียกร้องว่าพรรคอันดับ 1 ต้องจัด ตั้งรัฐบาล เพราะถ้าได้เกิน 250 เสียงก็เป็นรัฐบาลได้แล้ว
ถ้าคิดตามสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมือง แน่นอนว่าน่าจะเป็นตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าว
กระนั้น ก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ยังหมายถึง 'พลังพิเศษ' ที่อยู่เบื้องหลังประชาธิปัตย์ ทั้งในรูปของ 'มือ' ที่มองเห็นและมองไม่เห็น ต้องแพ้ไปด้วย
ข้อสำคัญจึงไม่ได้อยู่ตรงนายอภิสิทธิ์ยอมรับผลเลือกตั้งได้หรือไม่
แต่อยู่ที่ 'มือ' เหล่านั้นต่างหาก ว่าจะยอมรับ ได้หรือไม่