ที่มา thaifreenews
โดย Bugbunny
คำพูดนี้มาจากปากของผู้สูงวัยชาวใต้ท่าน หนึ่ง ผู้เคยเป็นชาวพรรคประชาธิปัตย์ขนานแท้อย่างยาวนานในอดีต เสวนากันเมื่อคืนก่อน และนี่คือความเห็นของท่าน ที่อยากประมวลมาให้พิจารณากันดู
ฐาน เสียงที่แน่นหนาที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้คือภาคใต้ เนื่องจากนายชวน หลีกภัย และพลเอกเปรมเป็นไอดอลของคนใต้ เพราะเป็นอดีตนายก ฯ คนใต้ทั้งคู่ ดังนั้น สส.ใต้ จึงมีอิทธิพลสูงสุดในพรรค แต่ปัญหาก็คือ ความรักพวกพ้องอย่างสูง อันเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของคนใต้ ทำให้มืดบอดในด้านคุณธรรมกันไปหมด ผู้สมัครบางคนนั้นเลวชาติขนาดไหน คนพื้นที่ก็รู้ดี แต่เวลาเลือกก็ต้องเลือกมัน เพราะเห็นแก่ นายหัวชวน ป๋า รวมทั้งคำพูดที่ว่า “ยังไง ๆ ก็พรรคคนใต้น่ะ ต้องช่วยกัน”
เพราะ เศรษฐกิจที่ดีของภาคใต้ ทำให้ สส. ปชป ในพื้นที่ภาคใต้ไม่ต้องกังวลมวลชนกันมากนัก ไม่ต้องคอยช่วยเหลือชาวบ้านอย่าง สส.ภาคอื่น เมื่องานช่วยเหลือชาวบ้านน้อย ก็เลยเน้นการช่วยเหลือตัวเองจนร่ำรวยไปตาม ๆ กัน เสพติดลาภยศสรรเสริญกันอย่างหนัก
สส.ภาคอื่นนั้นที่แข็งแรงหน่อยก็ มีแค่ กทม. ซึ่ง ปชป ดูแลมาแล้วหลายสมัย วางเส้นสายไว้ใน กทม.แน่นหนามาก โดยเฉพาะในช่วงของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ถามว่าจำเรื่อง เอ็กซิทโพลล์ของการเลือกตั้งครั้งที่แล้วได้หรือไม่ ทำไมนายอภิรักษ์ ถึงกล้าออกมาสวนผลการสำรวจ และผลก็ออกมาตามคำพูดของเขามากทีเดียว ผู้สมัคร สส.ของพรรค ปชป ใน กทม.จึงมั่นใจว่า ถึงจะไม่ชนะก็มีโอกาสที่จะไม่แพ้ ทุกคน “กร่าง” กันมาก
เมื่อ สส.ภาคใต้ และ สส.กทม.พลังสำคัญของพรรคต่างมั่นใจว่าพวกตัวเองถึงไม่ชนะก็มีโอกาสไม่แพ้ คนพวกนี้จึงไม่ต้องสนใจกระแสสังคมและภาพรวมของพรรคนัก ประกอบกับวัฒนธรรมพูดเก่งแล้วได้ดีแน่ในพรรค จึงระดมกันมาพูด ๆๆๆๆ และพูด โดยไม่มองผลที่ตามมาของคำพูด แค่ขอให้มีสื่อที่เป็นเส้นสายช่วยกระพือข่าวให้ก็พอแล้ว ดูคนอย่างนายเทพไท นายชวนนท์ นายบุญยอด หรือแม้แต่นางมัลลิกาได้ คนพวกนี้เชื่อมั่นแบบหน้ามืดตามัวว่า ประชาชนจะเห็นด้วยกับพวกเขา และแม้ไม่เห็นด้วยพวกนี้ก็จะด่าว่าประชาชนนั้นโง่
อาการแบบ “วัวลืมตีน” ของผู้คนในพรรคนี้จึงมากขึ้นทุกที ท่านผู้วิจารณ์กล่าวว่า
“วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต่างจากยุคก่อน สมัยหม่อมเสนีย์ และอาจารย์พิชัยนั้น พรรคแม้จะรู้ว่าภูมิคุ้มกันสูงกว่าชาวบ้านมาตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค ก็ยังคำนึงถึงกระแสสังคมอย่างมาก แต่พอถึงยุคได้เป็นรัฐบาลใต้ร่มเงาป๋า และรับผลประโยชน์กันถ้วนหน้าเป็นต้นมานี่แหละ ที่ผู้นำพรรคยุคหลังเสพติดอำนาจ ทำได้ทุกอย่าง แค่ขอให้ได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น เรื่องที่เลวร้ายที่สุดในวันนี้ก็คือ หิวและหวงลาภยศอำนาจมากจนกล้าสั่งฆ่าประชาชน นี่มันเลวชาติมาก และทำให้พรรคตกต่ำที่สุดในวันนี้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏในยุคอดีตของพรรค
อีก ไม่นานพรรคก็อาจจะผจญความตกต่ำถึงขีดสุดอีกครั้ง เพราะมีโอกาสสูงที่ผู้ใหญ่ในพรรค อาจจะโดนดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรมหมู่ประชาชน ไม่ว่าจะในศาลไทยหรือศาลอาญาระหว่างประเทศ คนพวกนี้ไม่รู้กันเลยหรือว่า กำลังถูกตัดหางปล่อยวัด โง่หรือฉลาดกันแน่ ก็สมน้ำหน้า ไม่เคยดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยกันเลยหรือ น่าจะรู่ดีว่า เมื่อใดที่ปัญหาเข้าใกล้ตัวผู้มีอำนาจที่แท้จริงแล้วละก็ แพะจะต้องทำหน้าที่รับบาปแทนทุกครั้ง”